ประวัติศาสนาพุทธ
|
...........พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่เกิดในอินเดียก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี ( พุทธศักราชเริ่ม ตั้งแต่ปีที่พระพุทธเจ้า เสด็จเข้าสู่ปรินิพาน) นับว่าเป็นศาสนาที่สำคัญที่สุดในโลกศาสนาหนึ่งมีผู้นับถือ หลายร้อยล้านคนโดยเฉพาะในประเทศ ต่าง ๆ ทางเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียอาคเนย์ ผู้ให้ กำเนิดพระพุทธศาสนา คือ พระพุทธเจ้า ซี่งเป็นโอรสของ พระเจ้าสุทโธทนะ และพระนาง สิริมหามายา แห่ง กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ซึ่งเวลานี้อยู่ในเขตประเทศเนปาล ในสมัยที่ พระองค์ ยังไม่ได้ออกบวช มีพระนามว่าสิทธัตถะในขณะที่ยัง ทรง เป็นเด็กอยู่ก็ทรงศีกษาศิลปวิทยาการ ในสำนักต่าง ๆ หลายสำนัก ด้วยกันจนเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญในวิชาการต่าง ๆ หลาย สาขา |
|
เมื่อพระสิทธัตถะมีพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา
ก็ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงยโสธราและมี โอรสองค์หนึ่ง คือ
เจ้าชายราหุล ชีวิตในฆราวาสวิสัยของพระองค์มีแต่ความสมหวัง
ไปทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ต่อมาเมื่อ มีพระชนมายุได้ ๒๙
พรรษาก็ทรงเบื่อหน่ายโลก เพราะทรงเห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ของโลกและ ทรงหวังจะช่วยชาวโลกให้พ้นทุกข์
จึงได้ทรงสละความสุขนานาประการ สละ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง และมิตร
สหายออกบวช เพื่อหาทางที่จะนำไปสู่ความพ้น ทุกข์
ทรงผนวชอยู่จนกระทั่งมีพระชนม์ ได้ ๓๕ พรรษา
จึงได้ตรัสรู้คือรู้แจ้งในความจริงแห่งโลก เป็นพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้า
|
........... เมื่อตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็เสด็จเที่ยวแนะนำสั่งสอนประชาชนในแคว้นต่าง ๆ ในอินเดียเพื่อ หาทางที่จะนำ ประชาชนไปสู่ ความ พ้นทุกข์อยู่เป็นเวลาถึง ๔๕ ปี ปรากฎว่าประชาชน ชาวอินเดียใน สมัยนั้นได้หันมานับถือ พระพุทธศาสนาและเข้ามา บรรพชา อุปสมบทเป็นจำนวนมาก พระพุทธเจ้าทรง สั่งสอนอยู่จนกระทั่งมี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา จึงปรินิพพาน |
.............หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สาวกของพระองค์ก็ยังช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อมา จนกระทั่งถึงประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ พระเจ้า อโศกมหาราชแห่งเมืองปาฏาลีบุตร่วมกับคณะสงฆ์ได้ส่ง พระสงฆ์ออกประกาศ พระพุทธศาสนา ทั้งภาย ในและ ภายนอกประเทศอินเดีย คณะสงฆ์สายหนึ่งได้ เข้ามายังสุวรรณภูมิ อันได้แก่ดินแดนในเขต ประเทศพม่าและไทยในปัจจุบันนี้ พระพุทธ- ศาสนาได้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นในดินแดนนี้ ตามลำดับ จนกระทั่ง ถึงสมัยสุโขทัย เป็นราชธานี พ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงได้ทรงรับเอา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติไทย และเป็นศาสนาประจำชาติเรื่อยมา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้แม้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทยก็ตราไว้ว่า พระมหากษัตริย์จะต้องทรง เป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นองค์เอกอัคร ศาสนูปถัมภก คือ แม้พระองค์จะทรงนับถือ พระพุทธศาสนา แต่พระองค์ก็ พระราชทานความอุปถัมภ์ แก่ศาสนาอื่น ๆ ในเมืองไทยด้วยเช่นกัน พระพุทธศาสนากับ ชนชาติไทย คลุกเคล้ากันมาเป็นเวลายาว นาน ศิลปวัฒนธรรมตลอดจนขนบธรรมเนียม ประเพณีของชนชาติไทยก็ได้รับการหล่อหลอมจาก พระพุทธศานาทั้งสิ้น |
|