วิสัยทัศน์ของผู้นำการเปลี่ยนแปลง


ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

วิสัยทัศน์ของผู้นำการเปลี่ยนแปลง

(Vision  Of  Transformational  Leader)            

            ถ้ายอมรับความหมายของคำว่า  ผู้นำ  ว่าหมายถึงผู้จัดระบบทรัพยากรขององค์การ  ทั้งบุคคล  เงิน  เวลา  ละเทคโนโลยี  เพื่อให้สามารถนำพาองค์กรสู่ทิศทางที่ถูกต้อง  และคำว่า  การจัดระบบทรัพยากร  หมายถึง  การดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสนใจไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรให้เป็นไปอย่างถูกทิศทาง  เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถบรรลุผลสำเร็จและสร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนให้แก่องค์การได้            นั่นหมายถึงการสร้างความพร้อมให้แก่องค์การในอันที่จะมุ่งไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง  งานของ  ผู้นำ  ก็คือการสร้างแรงบันดาลใจและพลังให้แก่บุคคลากร  เพื่อให้สามารถใช้พลังอย่างเข้มแข็ง  ฉลาด  ใช้เวลาน้อย  และมุ่งสู่ความเป็นเลิศ            ผู้นำ  จึงเป็นบุคลากรที่ต้องสื่อสารและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ทั้งในด้านวิสัยทัศน์  แรงบันดาลใจ  ความคิดริเริ่ม  และทางเลือกใหม่ๆ  ให้แก่ทีมงาน  ให้สอดคล้องรองรับกับ ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา  เพื่อให้องค์กรสามารถดำรงอยู่และพัฒนาไปได้อย่างมีดุลยภาพกับโลกภายนอก            ผู้นำจึงต้องเป็นทั้งผู้สอนงานและเป็นที่ปรึกษา  เป็นทั้งผู้สร้างความหวังให้สูงขึ้น  เป็นทั้งครู  ผู้เรียน  และผู้ส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้  และเป็นทั้งแบบอย่างที่ดีและทำตนเป็นเพื่อนที่ดี  เพื่อสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ทีมงาน            บทบาททั้งสี่ด้านของผู้นำ  อันได้แก่ผู้กำหนดทิศทาง  ผู้นำการเปลี่ยนแปลง  ผู้สื่อสารสร้างความเข้าใจ  และผู้สอนงาน  หรือให้คำปรึกษา  เพื่อหาคำตอบให้แก่ความโกลาหลทั้งหลาย  ที่เกิดจากความไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์การ  หากผู้นำสามารถทำหน้าที่ทั้งสี่ด้านได้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถทำให้

1)                  ลดความไม่แน่นอนโดยการขจัดความกำกวมในความหมายของคำพูด  ความตั้งใจและการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

2)                  ลดความยุ่งเหยิงจากการเปลี่ยนแปลง  โดยการหาทางเลือกที่ถูกต้องและสร้างความมุ่งมั่นในทิศทางการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การ

3)                  จัดการกับความซับซ้อนที่เกิดขึ้น  โดยการทำให้ทุกคนตระหนักว่าองค์กรจัดตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร  องค์กรจะไปทางไหน  และจะไปถึงจุดหมายได้ด้วยวิธีใด 

           ผู้นำจึงจำเป็นต้องกำหนดทิศทางขององค์กรด้วยความตั้งใจจริง  มีเหตุผล  และมุ่งมั่นนำพาองค์กรสู่อนาคต  โดยใช้นวัตกรรมด้วยแรงบันดาลใจและเปิดรับความคิดใหม่ๆ  ผู้นำจึงต้องเป็นผู้คิดสร้างสรรค์มากกว่าการลงมือทำ  ตลอดจนต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง  มองโลกในแง่ดี  เชื่อมั่นและศรัทธาในองค์กร  เพื่อให้องค์กรและสมาชิกปรับตัวได้อย่างมีดุลยภาพในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นพลวัตอย่างมีประสิทธิภาพ            

1.         ผู้นำและวิสัยทัศน์                        

            NANUS , B. (1992)  ได้เขียนไว้ในหนังสือ  Visionary  Leader  (ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์)  ว่าวิสัยทัศน์เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทุกสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับองค์กร  ที่บ่งบอกถึงจุดหมายปลายทางที่เด่นชัดและมีเอกลักษณ์สำหรับองค์กรนั้น  วิสัยทัศน์เป็นภาพอนาคตที่ดึงดูดใจ  น่าเชื่อถือและเป็นจริงได้สำหรับองค์กร                       

            Bono , E.D.  (1984)  ได้ยืนยันไว้ในหนังสือ  Tactics :  The  Art  and  Science  of  Success  ว่า  จินตนาการเป็นสิ่งที่มีพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่  การเข้าใจเป้าหมายระยะยาวและเข้าใจทิศทางที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย  จะส่งผลให้การใช้ดุลยพินิจและการตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้น   เนื่องจากได้ยึดถือเป้าหมายที่กำหนดไว้ วิสัยทัศน์จึงเต็มไปด้วยพลัง  

           เหตุผลที่สำคัญก็คือวิสัยทัศน์สามารถหล่อหลอมความสนใจ  ทำให้เกิดจุดเน้นในองค์กร  โดยรวมเอาความแตกต่างที่มีอยู่อย่างหลากหลายในองค์กร  เพื่อกำหนดทิศทาง  และความมุ่งมั่นในการมุ่งสู่เป้าหมายที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนด       

               ไม่ว่าองค์กรใดสามารถตอบสนองทุกสิ่ง  เพื่อทุกคนท่ามกลางความขัดแย้งสับสนอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกได้ 

               วิสัยทัศน์จะจงใจให้องค์กรระลึกอยู่เสมอว่า  อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริงขององค์กร  นั่นหมายถึง  การทำให้ทุกคนเข้าใจให้ได้ตรงกันก่อนว่า  องค์กรจะไปไหน  ตั้งใจจะไปในทิศทางใดด้วยจุดเน้นอะไร  และจะใช้แนวทางใด        

                  วิสัยทัศน์  สร้างความรู้สึกสำคัญและรู้สึกมีความหมายให้กับทุกคนในองค์การ  ลดความสับสนและสร้างความกระจ่างในทิศทางที่จะก้าวต่อไป  วิสัยทัศน์จึงสามารถอธิบายได้ว่า  เรากำลังทำอะไรอยู่  ทำไมจึงต้องทำ  อะไรคือสิ่งที่ทำแล้วจะได้รับการยอมรับกับทักษะและความชำนาญใดที่จำเป็นในองค์การนี้                       

                   วิสัยทัศน์ สร้างเอกลักษณ์ร่วมกันในทีมงานและบุคคลากรขององค์การ   เพราะต่างก็ตระหนักได้ว่าแต่ละคนต่างก็ร่วมเป็นเจ้าของและร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างพลังของทีมงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน                       

                  วิสัยทัศน์  เป็นเข็มทิศที่สำคัญของผู้นำที่ใช้นำจากแนวหน้า  ผู้นำที่ฉลาดจะไม่ผลักดันหรือฉุดรั้งผู้ตาม  ไม่ทำตนเป็นเจ้านายของลูกน้อง  แต่ผู้นำจะออกมายืนแถวหน้าเพื่อบอกทิศทางและใช้วิสัยทัศน์สร้างแรงบันดาลใจ  แรงดลใจ  ตลอดจนวางแนวทางและสร้างพลังให้แก่ผู้ตามโดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนทุ่มเทเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์                       

                    ในทางตรงกันข้าม  องค์การที่ขาดวิสัยทัศน์แม้ว่าจะมีการบริหารที่ดี  ก็อาจจะทำให้องค์การดำเนินต่อไปได้อย่างน้อยก็ในระยะสั้น ๆ แต่ไม่มีพลังไม่เกิดการตื่นตัว  ไม่เข้าใจว่าองค์การจะไปทางไหนและไม่ทราบความก้าวหน้าจึงไม่มีความพยายามพิเศษที่จะลงทุน  เนื่องจากขาดความรู้สึกมีคุณค่าและไม่ท้าทายเท่าที่ควร                       

                  ในกรณีที่เกิดสภาวะวิกฤติองค์กรที่ไม่มีการร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์จะเกิดอาการเสื่อมถอยได้ง่าย  ผู้บริหารไม่อาจจะตกลงกันได้ในเรื่องการจัดลำดับความเร่งด่วนและความสำคัญ  ความเต็มใจที่จะเผชิญความเสี่ยงจะลดลง  มุ่งเพียงรักษาสภาพเดิม ๆ ไว้  และขาดความคิดริเริ่มในการแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในองค์กร  ทำให้ความสามารถขององค์กรลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนอาจถึงการล่มสลายไปในที่สุด                                                    

 เปรียบองค์การที่มีกับไม่มีวิสัยทัศน์ 

ปัจจัยความสำเร็จ ไม่มีวิสัยทัศน์ มีวิสัยทัศน์
1.      แรงขับเบื้องต้น2.      แนวคิดในการปฏิบัติ3.      พื้นฐานระบบข้อมูล4.      การตัดสินใจ5.      การวัดผลการปฏิบัติงาน6.      กลไกการควบคุม7.      สไตล์การวางแผน แรงขับเฉพาะหน้าคงที่การปฏิบัติงานในอดีตใช้เล่ห์เหลี่ยมผลระยะสั้นนิสัย , ความกลัวเชิงรับ แรงขับเพื่อโอกาสเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าที่เป้าหมายกลยุทธ์ผลระยะยาวแรงผลักดันของกลุ่มเชิงรุก

 2.     ประเภทของวิสัยทัศน์      วิสัยทัศน์ที่ดีจึงต้องเรียบง่าย  มีความชัดเจน  เช่น  วิสัยทัศน์ของบริษัทฟอร์ด  คือ การผลิต รถยนต์ของโลก  ของบริษัทโตโยต้า  คือ  การค้นหาเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ ๆ ที่สูงขึ้นสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้า  เป็นต้น  ทั้งนี้วิสัยทัศน์ ต้องสะท้อนลักษณะที่ชัดเจนและเหมาะสมกับวัฒนธรรมขององค์กร  ต้องบ่งบอกความทะเยอทะยานและมาตรฐานที่ท้าทายความสามารถของผู้บริหาร  ต้องบอกทิศทางชัดเจนสู่อนาคตที่สดใสของวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า  และต้องมุ่งสู่ความยิ่งใหญ่ไม่เพียงแค่ขยายอาณาจักรของการแข่งขันเท่านั้น ด้วยลักษณะดังกล่าว  วิสัยทัศน์จึงอาจแบ่งได้เป็น  4 ประเภท คือ 

2.1              วิสัยทัศน์ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงผลผลิตขององค์กรสู่ความดีกว่า/สูงกว่าอย่างต่อเนื่อง  เช่น  วิสัยทัศน์ของโตโยต้า

2.2              วิสัยทัศน์ที่มุ่งยึดครองตลาด หรือปฏิบัติการบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น ของบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ที่ว่า เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สำหรับทุกโต๊ะทำงาน

2.3              วิสัยทัศน์ที่มุ่งเปลี่ยนอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ขององค์การ  ด้วยวิธีการสำคัญ เช่น  มุ่งเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน  5  ปีเป็นต้น

2.4              วิสัยทัศน์ที่มุ่งค้นหารูปแบบการจัดการและการดำเนินการใหม่ ๆ หรือค้นหาระบบเครือข่ายของความร่วมมือของการสื่อสารทางไกลในระบบต่าง ๆ  

3.         การสร้างวิสัยทัศน์       ผู้นำทุกคนในทุกระดับขององค์กรต้องมีวิสัยและจะต้องวิเคราะห์ความเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นของโลกภายนอกตลอดเวลา  กระบวนการในการสร้างวิสัยทัศน์จะไม่เคยหยุดนิ่งเนื่องจากโอกาสใหม่และสิ่งที่ท้าทายเกิดขึ้นเรื่อย ๆ  สิ่งที่เป็นความฝันอาจจะกลายเป็นความจริง และสิ่งที่คาดหวังบางอย่างอาจจะเป็นไปไม่ได้ในโอกาสต่อไป  ผู้นำจึงต้องเปิดโอกาสให้เกิดวิวัฒนาการของวิสัยทัศน์ได้ 

3.1                 แรงจูงใจสำหรับวิสัยทัศน์ใหม่  ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนผู้นำใหม่  หรือเกิดจากสัญญาณทางการตลาดบ่งชี้ว่าวิสัยทัศน์เก่าไม่สามารถดำเนินการตามที่กำหนดไว้ได้  หรือผู้มีส่วนได้เสียในองค์การไม่พอใจวิสัยทัศน์เดิม  หรือสภาพแวดล้อมในองค์การเปลี่ยนแปลงไป  คนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน  หรือมีทรัพยากรหรือสิ่งสนับสนุนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในองค์กร  หรือคู่แข่งขันรุดหน้ากว่าที่คิด  หรือไม่สามารถกำหนดแผนกลยุทธ์มารองรับได้  หรือหลายอย่างรวมกัน 

3.2                 ที่มาของวิสัยทัศน์เป็นที่ยอมรับว่า  วิสัยทัศน์จำเป็นต้องอาศัยความสามารถหลายด้านของผู้นำ  รวมถึงการมองการณ์ไกล  และจินตนาการด้วย  ผู้นำจำเป็นต้องมีความสามารถในการคิดเชิงระบบเพื่อให้สามารถทำนายได้ว่า  หลังจากกำหนดออกมาเป็นวิสัยทัศน์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เพื่อที่วิสัยทัศน์จะได้ไม่ทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมขององค์กร  แต่จำเป็นต้องให้ทุกคนเข้าใจและรับรู้ภาพรวมของทั้งหมดในการที่จะต้องสนองต่อคู่แข่งและผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ด้วย  วิสัยทัศน์จึงต้องกำหนดจาก 

1)                  ข้อมูล  ซึ่งต้องมีจำนวนมากพอที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับโลกรอบ ๆ องค์กร  ทั้งที่เกี่ยวกับลูกค้า  ประชาชน  เทคโนโลยี  กระบวนการทำงาน  และแนวโน้มด้านต่าง ๆ ในอนาคต

2)                  ค่านิยม  อันได้แก่อุดมการณ์ขององค์การ  หรือจุดเน้นขององค์กร  ที่ได้กลายเป็นวัฒนธรรมในการปฏิบัติงานประจำวัน

3)                  รูปแบบในการเป็นผู้นำโดยเฉพาะสำหรับรูปแบบของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง 

4.                การนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ  วิสัยทัศน์ที่ไม่ได้มีการนำไปปฏิบัติจะมีสภาพเป็นเพียงจินตนาการบนแผ่นกระดาษ  ที่นอกจากจะไม่เกิดผลผลิตในองค์กรแล้ว  การปล่อยให้คนฝันค้างยังก่อให้เกิดปัญหาทางจิตแก่บุคลากรในองค์การอีกด้วย  เมื่อได้กลั่นกรองวิสัยทัศน์จนแน่ใจว่าจะใช้เป็นเครื่องกำหนดทิศทางขององค์กรได้แล้ว  ผู้นำจำเป็นต้องแน่ใจว่า

4.1              วิสัยทัศน์  ได้ถูกสื่อสารลงไปหมู่ผู้เกี่ยวข้องอย่างน่าสนใจอย่างชัดเจนและอย่างมีความหมาย  โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างฐานการสนับสนุน  สร้างฐานการยอมรับ  ทั้งจากภายในและภายนอกองค์การ

4.2             ชี้ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเห็นว่าถ้าวิสัยทัศน์บรรลุจะเกิดประโยชน์และผลดีแก่ทุกคน  ไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะองค์กรแต่เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคน  ให้แต่ละคนได้ตระหนักว่าการทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริงจะทำให้ทุกคนมีอนาคต  เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จขององค์กรและสมาชิกทุกคน 

4.3              ส่งเสริมการมีส่วนร่วม  โดยการให้อิสระและความยืดหยุ่นในการมุ่งไปในทิศทางของวิสัยทัศน์  ให้ทุกคนได้มีโอกาสรับฝึกฝนและทดลองแนวคิดในการปรับแต่งภารกิจและแนวกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่กำหนด   

หมายเลขบันทึก: 147744เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2007 22:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท