เทคนิคการทำนาแบบพึ่งตนเอง: ไม่ไถ ไม่ดำ ไม่หว่าน ไม่ใช้สารเคมี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม


ผมชอบอยู่แบบสบายๆกับธรรมชาติ อย่างพึ่งพาอาศัยกัน
  ตอนนี้ผมกำลังใช้หลัก KM ธรรมชาติ ค้นหาวิธีการที่ผมจะทำนาแบบพึ่งพาภายนอกน้อยที่สุด จึงมาคิดว่า จะทำได้อย่างไร โจทย์ที่ตั้งไว้นำทางก็คือ
  • ไม่ไถ
  • ไม่ดำ
  • ไม่หว่าน
  • ไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด
  • และ (ถ้าเป็นไปได้)ไม่เกี่ยวข้าว (แต่ข้าวมาเข้ายุ้งหรือเล้าข้าวเอง)
 เพราะ
    1. ผมไถนาไม่เป็น ไม่มีรถไถ ซ่อมรถไถไม่เป็น ผลิตน้ำมันไม่ได้ ผลิตอะไหล่รถไถไม่ได้
    2. ผมไม่ชอบดำนา เพราะ ก้มนานๆ จะปวดหลัง แช่น้ำนานๆ จะเป็นโรคเท้าเปื่อย เอามือจุ่มน้ำนานเล็บจะดำ ดูน่าเกลียด ต้องใช้น้ำมะนาวทาทุกวัน
    3. ผมไม่ชอบตกกล้า ถอนกล้า เพราะเสียเวลาทำนา เหนื่อย หนัก และไม่สนุก
    4. ผมไม่ชอบหว่าน เพราะเปลืองเมล็ดพันธุ์เปล่าๆ เสียเวลา เสียแรง
    5. ผมไม่สามารถผลิตสารเคมีได้เอง
    6. ผมไม่ชอบบริโภคอาหารที่สารเคมีเจือปน
    7. ผมไม่ชอบสัมผัสกับสารเคมีทุกชนิด
    8. ผมไม่ชอบเกี่ยวข้าวเพราะก้มนานๆ จะปวดหลัง
 แต่
  1. ผมชอบอยู่แบบสบายๆกับธรรมชาติ อย่างพึ่งพาอาศัยกัน
  2. ผมชอบบริโภคอาหารที่ผลิตแบบธรรมชาติ ปลอดสารพิษ
  3. ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมทำได้เอง ผลิตได้เอง หรือได้มาแบบกัลยาณมิตร
  4. ผมจึงต้องค้นหาวิธีทำนาแบบพึ่งตนเอง แบบไม่ไถ ไม่ดำ ไม่หว่าน ไม่ใช้สารเคมี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
 ใครสนใจ โปรดมาเยี่ยมนาผมที่ขอนแก่น หรือ ติดตามตอนต่อไปครับ (รอหน่อยนะครับ)
หมายเลขบันทึก: 114790เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2007 12:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

อยากไปนาอาจารย์ที่ขอนแก่นมากค่ะ  สงสัยต้องขอติดรถกลับบ้านกับน้องหมอสักวันแล้วหละค่ะ

  • เป็นแนวคิดที่ดีมากครับ
  • จะรอดูผลจากอาจารย์นะครับ แล้วจะนำมาปฏิบัติต่อ
  • คงเป็นชีวิตที่มีความสุขสมบูรณ์อย่างแท้จริง
  • ชอบแนวคิดแบบนี้มาก
  • ขอเป็นสมาชิกด้วยคนนะครับ
  • ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณนะครับที่นำความรู้ที่น่าทึ่งมากมาลงให้พวกเราอ่าน  เพราะพื้นที่ของกระผมทำนาเหมือนกันครับเราจะรูปแบบของท่านมาพัฒนาที่นาของเราครับ

 

  • แวะมาเยี่ยมเยียนครับ
  • จะคอยติดตามอ่านนะครับ
  • ขอบพระคุณมากครับ
  • รอดูผลสรุปครับอาจารย์
  • ถ้าได้ผลดี ท่าจะขอเอาไปใช้ที่เมืองพลด้วย
  • แต่เป็นการปรับเพื่อให้เข้ากับธรรมชาติของตัวเอง

 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์แสวง

นับว่าสุดยอดไอเดียครับ กระฉูดไปเลยครับวิธีการนี้

มาคิดว่า จะทำได้อย่างไร โจทย์ที่ตั้งไว้นำทางก็คือ

  • ไม่ไถ
  • ไม่ดำ
  • ไม่หว่าน
  • ไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด
  • และ (ถ้าเป็นไปได้)ไม่เกี่ยวข้าว (แต่ข้าวมาเข้ายุ้งหรือเล้าข้าวเอง)

 ที่ผมสนใจคือ ข้อสุดท้ายครับ แบบไม่เกี่ยวข้าว โดยข้าวเปลือกวิ่งไปที่ยุ้งข้าวเอง อันนี้สุดยอดครับ

ผมว่าอาจารย์ต้องทำยุ้งข้าวให้เป็น รังมด หรือเป็นรังนกกระจอกนะครับ ให้นกมาทำรังครับ แล้วให้นกคาบ รวงข้าวมาเก็บไว้ที่บ้าน

แล้วก็ค่อยๆ แบ่งกันกินครับ ให้นกกินบ้าง เราก็กินจากนกบ้าง

 

แต่หากทุ่งนาของอาจารย์มีต้นกก นะครับ งานนี้ หนักหน่อยครับ โดยเฉพาะ ไม่ไถ ไม่ดำ ไม่หว่าน คงต้องอยู่ที่สภาพท้องนาเริ่มต้นด้วยครับ เพราะผมเคยไถนาในทุ่งนาต้นกก มาแล้วครับ อิๆ เดินเท้าเปล่านี่ ได้เรื่องเลยครับพี่น้อง...

 

ผมแนะนำให้เลี้ยงวัวหรือควายครับ แพะก็ได้ครับ ปล่อยหรือขังลงไปในนานั่นในยามที่ไม่มีข้าว

 

ขอบคุณมากครับผม... จะรออ่านหลักการต่อไปนะครับ น่าสนใจจริงๆ ครับ ขอคาราวะจินตนาการของอาจารย์จริงๆ ครับ

 

ผมจะลองเอาไปคิดดูครับ ว่าจะทำอย่างไรให้น้ำยางในต้นยางมันไหลมาลงถังได้เอง โดยไม่ต้องเสียเวลาไปตื่นตีหนึ่งตีสอง ครับ ต่อท่อหรืออะไรซักอย่าง ไปลงถัง คือขอน้ำยางจากเค้าโดยที่เราไม่ต้องไปกรีดให้เค้าเจ็บเนื้อที่ต้นยางด้วยครับ

 

หากคิดวิธีได้นะครับ สุดยอดไปเลยครับ ผมสนใจเรื่องการลดการแห้งของหน้ายางครับ เจาะสายเข้าลำต้นเบาๆ ก็ให้น้ำยางไหลลงที่รองน้ำยาง โดยไม่ต้องกรีดให้ต้นยางร้องไห้ครับ

 

ลองคิดเล่นๆ แบบ ปล่อยไปตามจินตนาการนะครับ

 

ปล. ห้ามคิดว่าผมบ้านะครับ...แต่คิดว่าฝันหวาน ได้ครับผม

ปราชญ์ทุกคนเคยเป็นคนบ้า(ในสายตาคนอื่น)มาแล้วทั้งนั้นครับ

แต่วันนี้ ท่านเหล่านั้นเป็น ปราชญ์  ครับ

สวัสดีครับท่านอาจารย์

ขอบพระคุณมากครับผม ได้รับความข้อความเสียงแล้วนะครับ ขอเป็นกำลังใจในการอยู่ร่วมอย่างหลากหลายโดยใช้ความเข้าใจครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอแนวทางด้วยครับท่านอาจารย์..

ลองตามอ่านดูซิครับ

เรื่องที่ตามหลังมาจะบอกถึงวิวัฒนาการทางความคิดและกิจกรรมของผมครับ

หนูอย่ากทราบวิธีการทำนาโดยใช้สารเคมี และการทำนาแบบนี้มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรค่ะ หนูจะนำข้อมูลนี้ไปทำโครงงานคะ

ถ้าคิดไม่ออกก็ลองกินสารเคมีแทนอาหารและทุกอย่างในชีวิตซิครับ จะรู้ชัด

หิวข้าวก็กินยาแก้หิวข้าว

ง่วงนอนก็กินยาแก้ง่วงนอน

ผอมก็กินยาแก้ผอม

ปวดก็กินยาแก้ปวด

ไม่มีแรงก็กินยากระตุ้นประสาทให้รู้สึกว่ามีแรง

ฯลฯ

ทำอย่างนี้สักครึ่งปี

ถ้ารอดได้ก็จะเป็นมนุษย์เคมีสมใจนึกเลยครับ

แล้วจะรู้ว่า การใช้สารเคมีมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

กระผมเป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด มีความรู้ ความสามารถน้อย เป็นผู้ด้อยปัญญาการทำนาทุกฤดูกาลท่ผ่าน ๆ มา ก็เป็นการปฏิบัติแบบดั้งเดิมตามแบบบรรพบุรุษ ปัจจุบันการปฏิบัติของกระผมกำลังขัดแย้งในการทำนาแบบดั้งเดิม ท่ามกลางสายตาของบุคคลคนอื่นว่าบ้า กระผมไม่ฆ่าหอยเชอรี่ กระผมไม่ฆ่าปูนาผมไม่ใส่สารเคมีใด ๆ ในนาข้าว กระผมกำลังเสาะแสวงหาธรรมชาติ เช่นเดียกับท่านอาจารย์ครับ การดำเนินการปฏิบัติในปี ๕๓ การทำนาที่กระผมตั้งใจเอาไว้ มีทั้งหมด ๘ แบบ เพื่อให้เกษตรกรทั่วไปได้เปรียบเทียบ

รักและเคารพ ในความเป็นตัวตนของอาจารย์

ขอเรียนรู้ด้วยฅนนะครับ

ผมไม่เชื่อว่าท่านจะทำได้ถ้าไม่เห็น ดร นำหน้า และสถาบันที่ตามหลังชื่อท่าน ผมคงคิดว่าท่านต้องเป็นผีบ้าแน่ๆ ความรู้ ความคิด

ความจริง เมื่อไหร่มันจะลงตัวกันซะที

ปัตจัตตังเวทิตัพโพ วิญญู หิติ

ผู้ทำเป็นผู้รู้ด้วยตนเอง

จะไม่มีข้อถกเถียงที่ไม่มีประโยชนืครับ

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีครับ ผมมีความรักในเกษตรพอเพียงอยากจะขอคำแนะนำ การทำยุ้งข้าวแบบง่ายๆคือทำนา 6 ไร่อยากสีข้าวกินเองครับ

หลักสำคัญคือ กันหนู กันฝน และกันแดด สามอย่างนี้น่าจะพอครับ

กันหนู คือทำโรง หรือร้านเก็บที่หนูเข้าไม่ได้

กันฝนก็มีหลังคา และกันสาด ที่ในที่สุดจะกันแดดได้

๖ ไร่ ค่อนข้างมาก เหลือขายแน่นอน หรือเลี้ยงคนได้ไม่ต่ำกว่า ๒๐ คนต่อปี

ทำแบบต้นทุนต่ำจะได้ไม่มาก แต่กำไรมาก และสบายกว่ากัน

สารพิษใดๆ ควรงดเด็ดขาด

หาเครื่องสีข้าวรุ่นสองลูกยาง สามหมื่นบาท จะได้ข้าวสีแล้วมากกว่าไปพี่งโรงสีในหมู่บ้านเกือบเท่าตัว แค่ปีเดียวก็คุ้มค่าเครื่องสีครับ

 จาก ๖ ไร่ ข้าวจะพอกิน พอแจก พอแลก พอขายครับ

รายละเอียดโทรมาคุยได้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท