โอย

 ข่าวยามเที่ยง น้ำตาลในเลือดตก

 มีเรื่องเช่นนี้ได้เช่นไร

 "ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์ ต่อตนเอง ไม่ใช่ให้ คนอื่น บรรเลง"

 ได้ยินว่าบางท่าน มีคน เขียน Thesis ให้ เนาะ

บางทีเรื่อง ความสำเร็จแบบ fast track นี้ ได้กลายเป็นวัฒนธรรมในสังคมไทยไปแล้วนะครับ เราต้องการแต่ผลสำเร็จโดยไม่มีความพากเพียร ทำอะไรก็ไม่มีความอดทน จะเอาแต่ผล แต่ไม่มองไปถึงเหตุ (สายตาสั้น+superficial)

พอรวย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว โดยไม่สนใจว่ารวยมาได้อย่างไร; พอมีตำแหน่งใหญ่โต ก็ถือว่าสำเร็จเช่นกัน โดยไม่ได้ดูว่าไต่เต้ามาด้วยวิธีการใด มีผลงานอะไรมาบ้างครับ

Conductor

พอไม่ค่อยสบาย ก็ถือว่าแก่แล้ว... (นี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของอาตมาเอง)

...........

เจริญพร

ช็อคกับข่าวนี้ เหมือนกับอีกหลายๆ เรื่อง ที่เกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า สิ่งที่เราเห็นหรือรับรู้บอกอะไรได้ไม่ทั้งหมด  เรื่อง ιитєgяιту  ผมเคยเขียนไว้เหมือนกันครับ  ช่วงที่เริ่มเขียนใน g2k ใหม่ๆ เลยขออนุญาตทำลิงค์หน่อยนะครับ เพราะผมคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญมากประการหนึ่งในการบ่งบอกระดับคุณภาพทางจิตของคนเรา

From Bloomberg news: Cheating episode at Duke University

I got a kick out of this:

"Business students are more likely to cut corners than those in any other academic discipline, several studies show. A Rutgers University survey last year found that cheating at business schools is common, even after ethics courses were added following scandals that bankrupted Enron Corp. and WorldCom Inc.

``What is taught in a business program sometimes reinforces'' students' tendencies to be entrepreneurial and results-oriented.... Those sometimes aren't the people who understand that moral means have to be used to achieve moral ends.''

I always have doubt if ethics can be taught in business school.  The curriculum didn't  lend itself to build social conscious, but more on "survival of the fittest" which tends to focus on ends rather than means.

It somewhat sounds like a CEO approach of running a country - and the (sad) thing is people like it!