ประสบการณ์อ่าน เขียน แปล กระบวนทัศน์ใหม่ (3)


การอ่าน ของคนเรานั้น มันช่างหลากหลาย ไม่ใช่แต่เพียง "อ่านอะไร" แต่รวมถึง "อ่านอย่างไร" ด้วย

วันแรก วันเช็คอิน

ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ คือ "วันแรกเป็นวันเช็คอิน" เพราะเราเช็คอินกันหนึ่งวันเต็มๆ

ตอนเช้าวันแรก ผมกับศรชัยตื่นมาพร้อมๆกัน (มารู้ทีหลังว่า ศรชัยคงไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ เพราะผมพึ่งนึกขึ้นได้ตอนเช้าว่า ผมนั้นนอนกรนสะบั้นหั่นแหลก เป็นข้อมูลจากภรรยา แต่ผมก็ไม่เคยพิสูจน์หรือได้ยินด้วยตนเอง จึงสอบถามดูจากศรชัยว่าอาการผมหนักขนาดไหน ศรชัยยิ้มอย่างสุภาพ--ระโหยโรยแรง-- confirm เบาๆว่าหนักสมคำเล่าลือจริงๆพี่ ด้วยความสังเวชเวทนา เราก็เลยตกลงกันว่าขอแยกทาง (นอน) กันเพียงแค่คืนแรกก็แล้วกัน) เราก็ออกจากที่พัก คือ แป้นเกร็ดวิลล่า ที่อยู่ห่างจากบ้านอิงดอย สถานที่สัมมนาแค่สามอึดใจ (ยาวๆและวิ่งไป) ไปตั้งแต่ 8 โมง เดินไปปรากฏว่าที่ห้องประชุม ยังไม่มีใครมาเลย หันรีหันขวางจนกระทั่งยามมั่นใจว่าเราคงจะหันอยู่อย่างนั้นไปอีกนาน ก็เลยเข้ามาถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม ผมก็ตอบไปว่า "มาประชุม แล้วนี่เช้าๆเขาไปกินน้ำชากันตรงไหน?" พอได้ยินคำว่า "กินน้ำชา" เขาก็ยิ้มออกมาแปลว่าช่วยเราได้ พลางชี้ไปที่บ้านที่ปลูกเป็นแถวๆ บอกว่า "อ๋อ บ้านอาจารย์อยู่ตรงนั้นแหละครับ ที่มีต้นไม้เยอะๆ" ผมกับศรชัยก็ย้ายไปที่ใหม่

เจอ อ.ฌานเดช กับ อ.ประสาท กำลังกินกาแฟกันอยู่หน้าบ้าน โอ้ โห มีซุ้มกาแฟ Espresso หน้าบ้านด้วย ใจชื้นขึ้นมาอย่างออกนอกหน้า อ.ฌานเดชเชื้อเชิญให้เรานั่ง เราก็ค้นพบต่อไปว่าเด็กเสริฟ (และเจ้าของร้าน) กาแฟวุ้มนี้ก็คือน้องกาด ลูกสาว อ.ฌานเดชนั่นเอง ได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วย double espresso อย่างนี้ ถึงไหนถึงกัน อ.ฌานเดชได้ยืนยันอีกทีว่า reserve กาแฟตรงนี้สามารถ supply ตลอดการประชุม ยิ่วทำให้รู้สึกดียิ่งขึ้น

แล้วเราก็เดินไปทานข้าวต้มแสนอร่อยเป็นอาหารเช้า สมาชิกผู้เข้าอบรมก็ทะยอยกันมา จากแพร่ จากนครพิงค์ จากสันทราย จากพิษณูโลก จากนครสวรรค์ ดูเหมือนเราจากหาดใหญ่จะมาไกลสุด

เริ่มต้นเช็คอิน

ด้วยธรรมเนียมปฏิบัติ ก้เริ่มต้นกันด้วยใครมาจากไหน มาที่นี่ทำไม ใครบังคับหรือไม่ (น้องขวัญ ลูกพี่แดงทำท่าตอนแรกจะตกอยู่ใน category นี้ แต่ตอนหลังผมคิดว่าไม่ใช่แล้ว) ประกอบกับ background การอ่าน เขียน แปล ของแต่ละคน ก็ค่อยๆถูกเล่าเรียงร้อยเชื่อมโยง

เป็นความมหัศจรรย์เกิดขึ้นทีละน้อยๆ ที่เราไม่เคยคิดเลยว่า การอ่าน ของคนเรานั้น มันช่างหลากหลาย ไม่ใช่แต่เพียง "อ่านอะไร" แต่รวมถึง "อ่านอย่างไร" ด้วย อ่านแบบ high speed (เพือเอาหนังสือเช่าไปคืน) อ่านแบบ skim อ่านแบบ scan อ่านแบบดูดดื่ม อ่านแบบทรมาน อ่านแบบกลืนกิน อ่านแบบขับถ่าย ฯลฯ

ผู้ชายหลายคน (ที่วัยอยู่กลุ่มเดียวกัน) เริ่มหาสิ่ง common ได้ เช่น พล นิกร กิมหงวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือกำลังภายใน ที่ดูจะเป็น common trait โดยแท้ ต่างคนต่างก็รู้ซึ้งถึง "วิญญูชนจอมปลอม อย่างงักปุกคุ้ง" หรือว่า "ถ้ำไหนๆก็ตามในหนังสือกำลังภายใน จะเต็มไปด้วยของวิเศษ คัมภีร์ฝีมือ และกระบี่กายสิทธิ์" ทุกคนทราบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการตกเหว ไม่เพียงแต่คนจะไม่ตาย แต่จะได้รับ "ประสบการณ์ปาฏิหาริย์" กลับมาเก่งกว่าเก่าหลายสิบเท่า ไม่รู้ว่ามีใครจะสรุปไปด้วยหรือไม่ว่าพระเอกนั้นมักจะมีเมียประมาณ 3-5 คนได้ โดยแต่ละคนก็ยอมอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี ขวยเขิน เอียงอาย แต่ไม่ตบตีกัน

ก็จะต่างจากหมอสุนันท์ ที่สารภาพว่าไม่สามารถอ่านกำลังภายในได้ เพราะจำชื่อตัวละครไม่ได้ เธอชำนาญในการ plot และรับรู้สิ่งต่างๆเป็น "รูปภาพ" อย่างเฉียบพลันทันที (และก็เลยถูกแกล้งด้วยการพูดให้เธอจำนนวาดภาพอะไรๆ น่าเกลียดฝังในสมอง มโนภาพ ไปหลายอย่าง เช่น "นักเรียนรอครูอ้าซ่า" ของคุณนา หรือภาพ "อาบน้ำหมู่" ของพี่กิจจา (บรื้อ.... สยดสยองจริงๆ หมดสภาพนักกีต้าร์คลาสสิกสุนทรีย์ที่อุตส่าห์สร้างมา 4 วันในพริบตา)

ทุกคนปรับทุกข์ถึงการ "อ่านไม่จบเล่ม" บ้าง หรือ "ซื้อมา ยังไม่ได้อ่านบ้าง" คุณนา (ถ้าผมจำไม่ผิด) บอกว่ารู้สึก guilt มาก เพราะอ่านได้แค่ประมาณ 6 ในสิบเล่มที่ซื้อมา ทำเอาเพื่อนๆมองตากันปริบๆ ให้เดา ผมว่าเกณฑ์เฉลี่ยน่าจะตกอยู่ที่อ่านประมาณ 30% ของที่ซื้อ ถ้าดูจากแววตาของคนที่เหลืออยู่

ไปๆมาๆ ยิ่งเล่ายิ่งมัน ยิ่งต้องอธิบายว่าทำไม้ ทำไม ต้องมาฝึกอ่าน ฝึกเขียน โตๆกันทั้งนั้น ต่างก็เคยอ่าน เคยเขียนกันไม่รู้จะเท่าไหร่ ปรากฏว่าแต่ละคน มี ความหมาย ของการอ่าน การเขียน ที่ตนเองคิดว่า "น่าจะพัฒนากว่านี้" มิติที่ยังเหนือกว่าที่เป็นอยู่นี้เอง ที่เป็นความทะเยอทะยานแรงปราถนาให้ และ "คิดว่า" หรือ "หวังว่า" จะมาเอาจากที่นี่ ในสามสี่วันนี้

ถ้าจะให้วิจารณ์ หลังจากที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้หล่อเลี้ยงคิดตาม เหตุผลความเป็นมาต่างๆของประวัติการอ่าน และปรัตยุบันกาลของการอ่าน และอนาคตกาลของการอ่านที่แต่ละคนอยากจะได้ ในที่สุดแล้ว ความคิด ความเห็น ความหวังของเราได้ค่อยๆ shaped ไป อย่างนี้หรือไม่ที่เขาเรียกว่า Collective Thought เมือเราฟังอย่างไม่ด่วนตัดสิน ฟังอย่างลึกซึ้ง ฟังอย่างสนใจ ใคร่รู้ ฟังอย่างที่ณับฬสเคยบอกผมเมื่อปีที่แล้วว่า "ฟังเหมือนเด็กทารก" เปิดของเล่นใหม่ เจอคนใหม่ๆ เจอของใหม่ๆ ไม่มีการตัดสินต่อรอง แต่เป็นรับได้ทั้งหมด

หลังจาก session เช้า ที่กลายเป็น session บ่ายด้วย และกลายเป็น Topic of the Day ก็เสร็จสิ้น วันเช็คอิน ภาคกลางวัน

หมายเลขบันทึก: 82476เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2007 19:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
  • ตามอ่านมาหลายตอน ก็จับสังเกตได้อย่างหนึ่งแล้วค่ะว่า สำนวนที่ อ.Phoenix เขียนเนี่ย ใกล้เคียงกับนักเขียนผู้มากประสบการณ์ท่านหนึ่งค่ะ คือ คุณรงษ์ วงสวรรค์ เจ้าของสำนวน "ขี่ม้าชมดอกไม้" นั่นเองค่ะ
  • ก่อนอ่านก็ตีขลุมเอาเองว่า คงเป็นเรื่องการฝึกทักษะการอ่านเขียน และแปลบทความวิชาการที่เป็นภาษา ตปท. ละมั้ง... ตอนนี้เริ่มไขว้เขวว่า น่าจะเป็นเรื่องของการอ่าน(หนังสือ? ใจ? คำพูด?..ทุกอย่างที่เห็นได้ด้วยตา?.) แล้วก็เขียนออกมา (เป็นตัวหนังสือ? เป็นภาพ? เป็นคำพูด? เป็นการตอบสนอง?) หลังจากนั้นก็แปลให้ตนเองและผู้อื่นได้เข้าใจตรงกันให้ได้...
  • โอ๊ย...งง...เองแล้วค่ะ แต่จะรออ่านต่อนะคะ
  • สวัสดีครับอาจารย์
  • กำลังติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์ด้วยจิตใจที่ใคร่ครวญมากๆครับ
  • โดนใจตรงที่ซื้อหนังสือมาแล้วอ่าน 30 % มากๆครับ
  • หวังว่าจะได้รับรู้เทคนิก หรือวิธีที่ทำให้เราอ่าน  เรารับรู้ได้เร็วๆและมากขึ้นจากอาจารย์นะครับ
  • ขอบคุณครับ

สนใจเรื่องแปลครับ (ติดตามอ่านอยู่)

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนเรื่อง กาแฟ ขนม :-P 

สวัสดีครับ พี่เม่ย,

โอ้โห ยกยอกันเกินไป เกินไปครับ รงค์ วงษ์สวรรค์ นั่นระดับไท้ซือแป๋ ประเภทมังกรเทพยดาเห็นหางมิเห็นหัวอะไรเทือกนั้น ผมหัดเขียนอยู่ระดับไส้เดือนดิน ไม่เห็นหาง ไม่เห็นหัวมากกว่าครับ

คุณพี่เม่ยครับ มันเป็นความลำบากของกิจกรรมสุนทรียสนทนาอย่างนึง ตรงที่เรากำหนดว่าจะได้อะไรจากกิจกรรมนี้ออกมาเป็นคำพรรณนาได้ยากจริงๆ ทั้งก่อนร่วมแลหลังร่วมกิจกรรม (ขนาดท่านโยดาผู้เป็นกระบวนกรยังต้องใช้ฌานทัศนะเป็นพักๆ ว่างวดนี้ออกอะไร เอ๊ย จะทำอะไรต่อไปดี)

จริงๆแล้วพี่เม่ยอาจจะอ่านสนุกกว่า ถ้าลองแจมคิดตามว่า เอ... แล้วตัวพี่เม่ยเองมีประวัติความเป็นมาในการ อ่าน ยังไง ก็เป็นเรื่องที่น่าลองมากๆครับ แล้วยิ่งถ้าได้เอามา share กัน ผมว่า collective thought จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม เสร็จแล้วอาจจะลองจินตนาการต่อ ว่าจากที่เราเป็นเราทุกวันนี้ ถ้า สามารถจะ ทำให้ดีขึ้น ในเรื่องการอ่าน การเขียน (อาจจะไม่ต้องแปลก็ได้) แล้ว อยากจะทำเรื่องอะไรมากที่สุด

ส่วนที่วงนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อนั้น ใจเย็นๆครับ ของดีต้องปล่อยให้มีการห้อยแขวน หน่วงไว้ก่อน อย่าพึ่งลิ้มจนหมดแท่งรวดเร็วเกินไป ลองเอาของพี่เม่ยเองมาสอดประสาน พันพัว นัวเนีย กับสิ่งที่จะค่อยๆขยายกลีบเผยเกสรจากที่แห่งนี้ไปเรื่อยๆ (ประมาณ 10 ตอน... มั้ง)

คุณหมอ kamsabai ครับ

ไม่อยากจะบอกว่าของผมตกอยู่ที่กี่เปอรฺเซนต์ เหอ เหอ รู้แล้วจะหนาว

อ่านต่อไปจะค่อยๆรู้ครับ แต่ไม่สัญญาตรง "เร็วๆ" นะครับ เพราะที่ไปเรียนมาทั้งหมด เริ่มต้นจากทำอะไรๆให้ "ช้าลง" เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

คุณวีร์ครับ

เรื่องการแปล อาจจะต้องรอให้เจไดท่านอื่นๆที่มีประสบการณ์ตรงมาช่วยแล้วล่ะครับ ผมเคยอ่าน-แปล ชนิดอ่านเอาเรื่อง แต่ไม่เคยแปล อย่างแปลหนังสือ เป็นเรื่องเป็นราว ถ้าคุณวีร์มีเทคนิกอะไรที่อยากจะ share ก็ยินดีรับฟังนะครับ

สงสัยกว่าจะจบวันที่ 4 ถ้าจะปีหน้า เมื่อไหร่ผมจะได้แสดงซะที คลื่นเบต้ามันกระหน่ำ เดี๋ยวรอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนเถอะจะ..... แหะๆหลับให้กระเจิง

นกไฟนี้จะช้าได้จริงหรือเปล่านะ ลองเอาน้ำมันมาราดแล้วครับ

ไยต้องรอเล่า ท่านเจไดวฆ

มาทั้ง beta alpha theta หรือ delta อะไรก็ได ขอให้มาเถอะ

นี่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง เมื่อเช้าผมเข้าไป Amazon เพื่อจะ search หา CD body dance ของ อ.มนตรี นึกขึ้นมาได้ว่าไม่รู้ชื่ออัลบัม ไม่รู้ชื่อนักดนตรี เลยต้องลองใช้คลื่นพลัง delta ดูบ้าง (อย่างที่ท่านใช้หาโมโม่นั่นแหละ) search ลงไป body dance wave ออกมากะตั้กนึง ใช้ฌานทัศนะลูบไล้ไป หยิบมาหนึ่งอัลบัม

guess what

I've got it Ha Ha Ha ได้มาโดยไม่ยากเย็น

สงสัย delta ท่านอยู่ไกลเกินไม่ส่งมาถึง เพราะผมมีอยู่แผ่นหนึ่ง เป็นแผ่น wave ที่ท่านdance นั่นแหละ ฝึกอีกหน่อยนะแล้วจะส่งไปให้
สั่งซื้อมาแล้วครับ พอดีน้องที่นั่งข้างๆรำพึงว่าดอลลาร์ตกอีกแล้ว เราก็สั่งซื้อทันที (เขาออก wave 2 มาแล้วนะครับ ศิลปินคนเดิม)
จะเอาแผ่นเถื่อนไปฟังก่อนไหมน่าจะถึงก่อนนะ แปลงร่างเข้ามาใหม่เพื่อบอกว่า มี blog เมื่อกันแต่มันเคลื่อนไหวอย่างใคร่ครวญ(ช้าๆๆๆ 55555)

อา...

ท่านเจไดวฆก็มี planet อาศัยอยู่ในกาแลกซีเดี่ยวกันนี่เองเหมือนกัน เดี๋ยวจะ add มาอยู่ใน planet ชุมชนจิตไร้สำนึกของข้าพเจ้านะครับ (ไม่รออนุญาตล่ะ add ซะเลย ฮ่า ฮ่า)

ไม่เป็นไรครับ รอได้ ว่าแต่อยากให้ blog เคลื่อนเร็ว ก็ต้องหมั่นเขียนหน่อยสิครับ

Phoenix: ผมศึกษาแต่เทคนิคที่ทำให้คอมพิวเตอร์แปลครับ แต่ก็รู้สึกแคว้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าคนแปลอย่างไร ที่เคยลองแปลเองก็เป็นมวยมั่วมากๆ T_T
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท