เคยได้ยินเฉพาะนิทาน เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ ที่ไม่เป็นคนจริงใจ โกหก หลอกลวง พอสนุกปาก สนุกคำไปเรื่อย ๆ ตามประสาเด็ก ซึ่งทุกท่านคงพอทราบเรื่องราวมาเป็นอย่างดี
แต่ในทุกวันนี้ ที่โรงเรียนบ้านเม็กดำ มีเด็กเลี้ยงวัว
หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ทำไมจึงเลือกกิจกรรมนี้
โดยพื้นฐานของนักเรียนโรงเรียนบ้านนอกอย่างเรา การเลี้ยงวัวควายเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป แต่เด็กในห้องนี้มีมากกว่านั้น
ทางบ้านของเขาเคยเคยเป็นนายฮ้อย (คนที่มีอาชีพ ซื้อวัวไปขาย) เคยติดตามพ่อ พี่ น้า ลุงไปสนามบ่อย ๆ เคยไปเหยียบเชือกกินมาบ่อย ๆ
บิลลี่ (ชื่อเท่ชะไม่มี) เป็นหนึ่งหลายคนที่มีความรู้ ชนิดที่เรียกว่า เป็นเซียนวัว มองทะลุปรุโปร่งออกว่า วัวแบบไหน ลักษณะใดควรนำมาขุน เช่น หนังหนา ปากไม่คาบแก้ว หน้าไม่ด่าง
หางไม่ดอก ซึ่งเป็นความรู้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
อ้าว.... แล้วปากคาบแก้วเป็นยังไง
บิลลี่ บอกว่า “ เป็นวัวที่มีสีขาวอยู่ที่ปาก วัวที่มีลักษณะนี้เป็นวัวเจ้าสำอางค์ ชอบเดินเตร่ไปเตร่มา ไม่แทะเล็มกินหญ้า เต๊ะท่าหล่ออย่างเดียว ”
เราเริ่มเดินทางหาซื้อวัว โดยใช้พาหนะมอเตอร์ไซค์ สะดวกที่สุด ตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ โชคดีหน่อยในฤดูนี้ ชาวบ้านจะเอาหญ้ามาหาวัว ทำให้ได้เห็นการเจรจาพูดคุยชองเด็กกับเจ้าของวัว เป็นการทดสอบคุณธรรม จริยธรรม มารยาท ของนักเรียน โดยไม่ต้องเปลืองกระดาษ ไม่ต้องไปทำลายสิ่งแวดล้อม
และแล้วในที่สุด ก็เจอวัวในดวงใจ 2 ตัว แต่ด้วยงบประมาณจำกัดสามารถที่จะซื้อได้เพียงตัวครึ่ง แต่ด้วยแววตาที่ขอร้องและความตั้งใจจริงของเด็ก ทำให้สามารถได้วัวเพศผู้จำนวน 2 ตัว
เมื่อครูหรือใครก็ตาม ถามว่า ห้องนี้มีเท่าไร
“ 32 คน กับอีก 2 ตัวครับ”
เรียนรู้จากของจริงแบบนี้ ครูดาจะตามเด็ก ๆ ทันไหมค่ะครูบัว
มีโอกาสจะไปร่วมเรียนรู้กับมือโปรที่เม็กดำค่ะ
สวัสดีค่ะ