ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาตนเองโดยการพิจารณาตักเตือนแก้ไขตนเองทั้งจิตใจและการทำงาน รู้จักตัวเองมากขึ้น ฟังคนอื่นมากขึ้น รู้ถึงความดีของคนอื่น ให้กำลังใจผู้อื่น ทำให้มีความสุข
ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันเก็บไว้เป็นประสบการณ์ ทบวนและปรับปรุงตัวเองทบทวนตัวเอง เรียนรู้ประสบการณ์ของผู้อื่น ทำให้เข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น

                ได้ใช้เวลาในการฟัง เรียนรู้ และตีความ มองคนอื่นให้ดี ไม่ตัดสินประเมินคนอื่น เพราะไม่ทราบผู้อื่นอย่างครบถ้วน ไม่ตัดสินใจผู้อื่นจากจุดเดียว สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช้สิ่งที่เป็น  อย่าตัดสินใจคนด้วยสิ่งที่มอง ต้องรู้ให้แน่ชัด เพราะทุกคนมีคุณค่า มีความดีมีอยู่ในตัวของทุกคน เห็นคุณธรรมที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก หากเราเข้าใจคุณค่าของแต่ละคน จะได้พลังอันยิ่งใหญ่เพราะคนเรามีเก่งคนละด้าน ดีคนละด้าน สุขคนละแบบ

               ความดี ความเก่ง ความสุขมีอยู่ในตัวเราเอง ถ้าปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระ และมองโลกเชิงบวก จะเห็นคุณค่าของความดี และพบว่ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในโลกอยู่เสมอ เปิดใจรับฟังคนอื่น และมีจิตสำนึก ความรับผิดชอบ จะทำให้ความดีมีอยู่ตลอดไป อยู่กับคนดี ทำให้เป็นคนดีได้
             

               ความเก่ง คือ ความมีน้ำใจ ความกล้าหาญ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความสามารถในการตัดสินใจแก้ปัญหา เก่ง ดีแล้วจะมีความสุข สภาพสังคมมีส่วนสำคัญ ดังนั้นการศึกษาต้องผูกโยงกับชีวิต จัดการศึกษาบนฐานชีวิตของครูและนักเรียน  การอบรมสั่งสอนของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญของ เก่ง ดี มีความสุขในตน

              ความสุข คือ ผลจากความเก่งและความความดี ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ ที่ได้มาจากการกระทำของเราที่เสียสละของตนต่อสังคม เป็นพลังของความดีที่ทำให้เกิดสุขในใจ ดังนั้นความสุขเกิดจากการให้ ความสุขเกิดจากการคิดเชิงบวก ตระหนักรู้ในคุณค่าของตน และเกิดจากครอบครัวเป็นพื้นฐาน

                 ข้อความข้างต้นเป็น ความเห็นและเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ดี เก่ง และมีความสุขในตน ของสภาการศึกษา เมื่อวันที่ 23-24 มีนาคม 2550 รายละเอียดต่างๆ จะนำมาเล่าต่อ ค่อยติดตามนะครับ
 

                 ครูใหม่ ซึ่งร่วมเป็นวิทยากรกระบวนการด้วย มีบันทึกแรกออกมาแล้ว ติดตามได้ที่ http://gotoknow.org/blog/krumaimai/86421