บาป ของเด็กที่รักธรรมชาติ


" การที่เด็กไม่รู้ ไม่ได้แย่ไปกว่าการได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่ไม่รู้เลย "

      ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน และเมื่อมีโอกาศก็มักจะไปละหมาดร่วมกับคนอื่นๆที่สุเหร่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ได้มีโอกาศได้มาสุเหร่าอีกครั้ง  เวลาที่เราอยู่บนสุเหร่าจะเป็นเวลาที่เราต้องสำรวมและสงบนิ่ง ถ้าหากจะพูดคุยกันก็เพียงแต่น้อย เบา และเท่าที่จำเป็น 

                ผมเข้ามาช้าหน่อย แถวที่นั่งจึงค่อนไปทางด้านหลัง และสามารถมองเห็นได้เกือบทุกคน ถัดขึ้นไปหนึ่งแถว มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุราวๆหกเจ็ดขวบ นุ่งโสร่ง สวมหมวกปิเยาะห์ ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงิน ด้านหลังมีลายสกรีนสีขาวเป็นตารางสี่เหลี่ยม และด้านในช่องสี่เหลี่ยมก็มีภาพสกรีนของสัตว์ทะเล ( Marine life ) น่าจะเป็นเสื้อจากบริษัทดำน้ำที่ใหนซักแห่ง  ภาพที่เห็นและจำได้ก็มี เต่าหญ้า ( Olive ridley turtle ), ปลาฉลามลายเสือดาว (Leopard shark) และ ปลาสิงโต ( Lionfish ) ฯลฯ
                ภาพปลาเหล่านั้นทำให้ผมเผลอใจ ลอยแว๊บ.บ..บ ออกนอกสุเหร่าไปโผล่แถวๆเกาะสิมิลัน นึกถึงวันนั้นที่ได้ดำน้ำแถวๆเกาะเจ็ด หรือเกาะ"ปายู"  ยังจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่สามซึ่งผมเริ่มจะคุ้นเคยกับลูกตะกั่ว 3 ลูกที่เอว (ที่ใช้ถ่วงเพื่อการควบคุมการดำลงสู่ความลึก นำหนัก 3 กก.)และด้วยทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม จึงทำให้การดำน้ำวันนั้นค่อนข้างสนุกและตื่นเต้น จุดจำกัดความลึกของผมอยู่ที่ 18 เมตร และตรงความลึกนี้ผมได้เจอกับ ปลาสิงโตตัวหนึ่ง สีออกดำแดงและมีแถบสีขาวสลับสวยงาม   "ริต้า"คือครูฝึกและบั๊ดดี้ ได้เขียนชื่อลงบนกระดานพลาสติกเล็กๆบอกให้ผมรู้ว่านั่นคือ " Miles's lionfish " หรือเจ้า "ปลาสิงโตปีกจุด" นั่นเอง และพร้อมๆกับกำมือทั้งสองข้างยื่นออกไปด้านหน้าในระดับหน้าอก ทำอยู่อย่างนั้นสองครั้งผมจึงรู้ว่า เจ้าปลาสิงโตตัวนั้นมีพิษและอาจเป็นอันตราย การรักษาระยะห่างจึงเป็นการดีที่สุด     ห่างจากนั้นออกมาราวๆสามสี่เมตรผมก็เจอกับเจ้า "ปลาฉลามลายเสือดาว" มันนอนสงบนิ่งสบายใจอยู่บนพื้นทราย ปกติมันไม่ใช่สัตว์ที่ขี้อาย แต่เมื่อผมเข้าใกล้มันมากเกินไป มันก็จะรักษาระยะห่างเอาใว้เหมือนเดิมอีก วันนั้นผมสนุกจนเพลินและลืมเช็คดูอากาศภายในถัง และเผลอลงไปที่ระดับ  22 เมตร  เพราะความตื่นเต้นและระดับความลึกที่ไม่คุ้นเคยผมจึงใช้อากาศมากเกินไป     ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมเริ่มรู้สึกอึดอัดและหายใจลำบาก  จึงส่งสัญญาณให้ ริต้า รู้ เป็นอันว่าผมต้องขึ้นสู่ผิวน้ำด้วย Regulator ของริต้า เพราะมีอากาศเพียงพอที่จะทำการพักเพื่อความปลอดภัยที่ระดับ 10 เมตร และ 5 เมตร ตามลำดับ
                 จาก สิมิลัน ผมก็แว็บ.บ..บ กลับมาที่หมู่เกาะห้อง,กระบี่อีกที วันนั้น(จำไม่ได้แล้วว่าวันใหน) ผมกำลังพายคายัคอยู่ด้านหลังเกาะห้องพร้อมกับแขกชุดหนึ่ง ขณะที่เรากำลังเพลินกับทิวทัศน์รอบๆ เต่าตัวหนึ่งก็โผล่หัวขึ้นมาหายใจและลอยตัวอยู่ใกล้ๆกับเรือคายัค มันดูคล้าย"เต่าหญ้า"มาก  แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นก่อนที่มันจะหายไป แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุด มันน่ารักมากเลยครับ  ไม่ง่ายเลยที่จะได้มีโอกาศเจอกับเพื่อนร่วมโลกที่เรามักจะได้เห็นก็เฉพาะแต่ในหนังสือ ทีวี และสวนสัตว์เท่านั้น
                  ขณะนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็เห็นผู้ชายวัยสูงอายุซักราวๆ หกสิบต้น ยื่นมีอไปสะกิดสีข้างเด็กชายคนนั้นค่อนข้างแรง สังเกตจากเสียงและอาการสะดุ้งโหยง พร้อมๆกับเสียงกำชับที่แสดงออกถึงความไม่ค่อยพอใจเท่าใหร่นักว่า "ทีหลังมึงอย่าไส่เสื้อตัวนี้มาอีกน่ะ เต่าก็มี ใส่ขึ้นมาบนสุเหร่าได้ไง..!"  เด็กคนนั้นพยักหน้ารับคำพร้อมด้วยใบหน้าที่ถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามนั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา และค่อยๆถอยร่นลงไปจนแถวหลังสุด
                 ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สวดมนต์ถูกๆผิดๆ เพราะคิดถึงแต่เด็กคนนั้น  หลังจากเสร็จการละหมาด ผมพยายามมองหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง  ผมอยากเข้าไปปลอบเขา อยากจะบอกชื่อสัตว์ทุกชนิดที่เสื้อของเขาให้เขารู้จัก อยากเล่าให้เขาฟังว่าเวลาที่ผมได้สำผัสกับสัตว์พวกนั้นแบบใกล้ๆนั้นมันวิเศษขนาดใหน แต่สายไปครับ เด็กคนนั้นหายไปแล้ว.......
         ถ้าผมอยู่ในฐานะที่จะคุยกับผู้ใหญ่คนนั้นได้ ผมจะบอกกับท่านว่า " ถ้าท่านเชื่อในพระเจ้า ท่านก็ควรเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าสร้าง  และถ้าท่านเคารพในพระเจ้า ท่านก็ควรจะเคารพในสิ่งที่พระเจ้าสร้างด้วย "  แต่ถึงผมจะมีโอกาศอย่างนั้นก็คงเปล่าประโยชน์และเสียเวลาเปล่า เพราะผมไม่อาจจะรินชาลงในแก้วใบนั้นได้ แม้จะเป็นแก้วใบใหญ่ แต่มันก็มีชาอยู่เต็มแก้วแล้ว   แต่ถ้าผมเสียเวลานั้นไปกับเด็กผู้ชายคนเดิม สิ่งที่ตอบรับกลับมาน่าจะคุ้มค่ากว่ากันมาก เพราะแก้วใบเล็กๆของพวกเขา " พร่อง " อยู่ตลอดเวลา
                   ผมเชื่ออยู่เสมอว่า " วันนี้คงจะไม่มีแสงแห่งความรู้ที่สว่างจ้าของ สืบ นาคะเสถียร ถ้าวันนั้นไม่มีใครมองเห็นลำแสงเล็กๆที่กระพริบเหมือนหิ่งห้อย ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง "
          คืนนี้  ลำแสงดวงเล็กๆดวงหนึ่ง ได้ถูกเป่าให้ดับในสถานที่อันศักดิ์ศิทธ์
                " ขอพระผู้เป็นเจ้า ประทานลำแสงดวงน้อย กลับคืนให้เด็กคนนั้นด้วยเถิด..อามีน.."

หมายเลขบันทึก: 128346เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2007 13:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (45)

สวัสดีค่ะคุณ kareem

ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สวดมนต์ถูกๆผิดๆ เพราะคิดถึงแต่เด็กคนนั้น  หลังจากเสร็จการละหมาด ผมพยายามมองหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง  ผมอยากเข้าไปปลอบเขา อยากจะบอกชื่อสัตว์ทุกชนิดที่เสื้อของเขาให้เขารู้จัก อยากเล่าให้เขาฟังว่าเวลาที่ผมได้สำผัสกับสัตว์พวกนั้นแบบใกล้ๆนั้นมันวิเศษขนาดไหน แต่สายไปครับ เด็กคนนั้นหายไปแล้ว.......
         ถ้าผมอยู่ในฐานะที่จะคุยกับผู้ใหญ่คนนั้นได้ ผมจะบอกกับท่านว่า " ถ้าท่านเชื่อในพระเจ้า ท่านก็ควรเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าสร้าง  และถ้าท่านเคารพในพระเจ้า ท่านก็ควรจะเคารพในสิ่งที่พระเจ้าสร้างด้วย "  แต่ถึงผมจะมีโอกาศอย่างนั้นก็คงเปล่าประโยชน์และเสียเวลาเปล่า เพราะผมไม่อาจจะรินชาลงในแก้วใบนั้นได้ แม้จะเป็นแก้วใบใหญ่ แต่มันก็มีชาอยู่เต็มแก้วแล้ว   แต่ถ้าผมเสียเวลานั้นไปกับเด็กผู้ชายคนเดิม สิ่งที่ตอบรับกลับมาน่าจะคุ้มค่ากว่ากันมาก เพราะแก้วใบเล็กๆของพวกเขา " พร่อง " อยู่ตลอดเวลา
                   ผมเชื่ออยู่เสมอว่า " วันนี้คงจะไม่มีแสงแห่งความรู้ที่สว่างจ้าของ สืบ นาคะเสถียร ถ้าวันนั้นไม่มีใครมองเห็นลำแสงเล็กๆที่กระพริบเหมือนหิ่งห้อย ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง "
          คืนนี้  ลำแสงดวงเล็กๆดวงหนึ่ง ได้ถูกเป่าให้ดับในสถานที่อันศักดิ์ศิทธ์
                " ขอพระผู้เป็นเจ้า ประทานลำแสงดวงน้อย กลับคืนให้เด็กคนนั้นด้วยเถิด..อามีน.."

"""""""""""""""""""""""

เบิร์ดคงไม่สามารถออกความเห็นอะไรมากได้เพราะเบิร์ดไม่ทราบถึงข้อบังคับทางศาสนา..แต่เบิร์ดชอบมุมมองที่ละเอียดอ่อนในใจของคุณ kareem ถ้าเด็กน้อยคนนั้นเค้าได้รับรู้ ความรู้สึกผิดในใจของเค้าก็คงลดน้อยลง..และแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างของหิ่งห้อยตัวน้อยได้อีกครั้งหนึ่งนะคะ ^ ^

ขอบคุณมากค่ะสำหรับบันทึกที่มีความหมายมากกว่าการเล่าเรื่องราวธรรมดา..ขอบคุณมากๆค่ะ

 

 

  • ตามมาฟังคะ...มุมมอง..ของผู้ใหญ่และเด็กต่างกันตรงนี้คะ
  • โดยเฉพาะจากผู้ใหญ่ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้รักษากฏคะ...
  • เพราะการไม่ยืดหยุ่น..หรือตึงเกินไปไงคะ..ที่ทำให้โลกมีปัญหาทุกวันนี้
  • บางครั้งตัวเองก็ลำบากใจมากคะ...ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้รักษากฏ...ซึ่งแสนจะเก่าแก่...และไม่เข้ากับยุคสมัย...พอเรายืดหยุ่นก็กลายเป็นเราแปลกประหลาดกว่าคนอื่น...แต่ชินแล้วคะ..
  • เป็นกำลังใจให้คุณการิม..และเด็กชายคนนั้นด้วยนะคะ

หวัดดีครับเบิร์ด

จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายนักเกี่ยวกับศาสนามากหรอกครับ เพียงแต่ผมพยายามจะทำความเข้าใจกับศาสนา กับสิ่งที่ผมเชื่อและนับถืออยู่ตลอดเวลา ถ้าหากผมไม่ทำอย่างนั้น ผมก็จะเป็นแค่"มุสลิม"ที่นับถือ"อิสลาม"เพราะมีพ่อแม่ และปู่ย่าตายายที่นับถือ"อิสลาม"เท่านั้น

บันทึกนี้ผมแค่เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสุเหร่า และมันขัดกับความเข้าใจที่ผมมีต่อศาสนา มันขัดต่อหลักของเหตุและผลของ"คน"ที่นับถือศาสนาเท่านั้น(ไม่เกี่ยวกับศาสนาเลยครับ)  เพราะฉนั้นที่ว่างตรงนี้จึงเปิดโอกาศให้ เพื่อน พี่ น้องทุกคนใช้เหตุและผลได้อย่างเต็มที่เลยครับ

เบิร์ด "ยำใหญ่"ให้ผมทานหน่อยซิครับ ก็เบิร์ดมีเครื่องปรุง(เหตุและผล)อยู่แล้วนี่ครับ  เชิญครับ

สวัสดีค่ะคุณ...kareem

  • ครูอ้อยแวะเข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงค่ะ
  • ครูอ้อยเคยรินชาบ่อยค่ะ   รู้เหมือนกันว่า..รินไปแล้วก็หกเลอะเทอะ...ไม่มีความหมาย
  • วันนี้ครูอ้อยได้รินชา  ในถ้วยใบใหญ่  หลายใบค่ะ  รินเท่าไรก็ไม่เต็ม...ดีใจที่มีโอกาสได้รินชาให้เพื่อนๆบ้างค่ะ
  • ขอบคุณค่ะที่ทำให้ครูอ้อยได้พูดภาษาเดียวกันกับคุณ...kareem
  • สวัสดีค่ะ คุณkareem
  • ช่วยเต็มน้ำ อย่าให้ ล้นแก้ว
  • เป็นอีกหนึ่งความหวังดีค่ะ

สวัสดีครับ คุณ naree suwan

เด็กๆที่มีประกายความคิดของความรักและความเข้าใจในธรรมชาติ ถือว่านั่นเป็นนิมิตรหมายอันดีครับ เพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นแก่ตัวในอนาคตได้เป็นอย่างดี 

ลำพังเฉพาะแต่พวกเราคงทำอะไรให้โลกนี้ได้ไม่มากนัก ก็ได้แต่ฝากความหวังใว้ให้กับเด็กรุ่นหลังที่จะมาสานต่อ จึงรู้สึกเป็นห่วงครับ ถ้าหากเด็กๆของเราต้องเติบโตขึ้นมาอย่างขาดความเข้าใจที่ดี

การถูกมองว่าแปลกประหลาดกว่าคนอื่น เป็นเรื่องธรรมดา   ผมก็ชินกับมันด้วยเหมือนกันครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจและความคิดเห็นที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ  สบายดีหมั๊ยครับ?

สวัสดีครับครูอ้อย

ปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้อะไรด้วยตัวเองอยู่แล้วครับ เป็นชาที่พร่องแก้วอยู่แล้วครับ แต่หลังจากได้เข้ามารู้จักกับ g2k จึงรู้สึกว่า "ยังไม่พอครับ"  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รู้จักกับพี่สาวคนนี้ แบบอย่างของ"ชาพร่องแก้ว"ที่ดี  ยิ่งทำให้ผมต้องพยายามรินชาแห่ง"อัตตา"ของตัวเองออกไปให้มากที่สุด เพื่อจะรับชาแห่งควารู้จากผู้อื่นให้มากที่สุด ขอบคุณมากครับครูอ้อย ผมได้เรียนรู้อะไรจากครูอ้อยมากเลยครับ

คิดถึงเหมือนกัน ครูอ้อยสบายดีหมั๊ยครับ?

สวัดีครับ pa daeng

ขอบคุณมากครับ สำหรับความหวังดี ที่เป็นเหมือนแก้วเปล่าให้ผมได้รับน้ำเพิ่ม ไม่ล้นแก้ว ไม่หกเลอะเทอะ ขอบคุณอีกครั้งครับ

ตอนนี้รอแก้บวช เลยแวะมาเยี่ยม รู้สึกห่างมานานมากๆ ที่ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบัง Kareem ยังคิดถึงเสมอนะคะ ขอให้อัลเลาะห์คุ้มครองบังด้วยค่ะ....อามีน (อย่าลืม)10 วันสุดท้ายของเดือนอันยิ่งใหญ่นี้นะคะ
สลาม อลัยกม
P
9. anita
            ตอนนี้คงแก้บวชเรียบร้อยแล้วน่ะ บังก็เรียบร้อยแล้วครับ  ตอนนี้ขึ้นมาที่กรุงเทพฯอยู่กับ บัง ปะ และ มะ ทุกๆวันเวลาแก้บวชจึงค่อนข้างพร้อมหน้า  แต่อีกไม่กี่วันก็จะกลับแล้วครับ ไปออกบวชที่กระบี่คนเดียว ค่อนข้างเหงาหน่อย แต่จำเป็นต้องกลับครับ
ขอบคุณมากน้อง anita ที่แวะมาเยี่ยม และยังช่วยเตือน 10 วันสุดท้ายอีก ขอบคุณอีกครั้ง และขอให้อัลเลาะห์คุ้มครองน้องและครอบครัวเช่นเดียวกันครับ
  • ตามมาดูน้องชาย
  • ยังอยู่กรุงเทพฯใช่ไหม
  • คิดถึง
  • คงได้มีโอกาสพบกันครับ

สวัสดีครับ พี่บ่าว

P
      อยู่ที่กรุงเทพฯสองอาทิตย์แล้วครับ อยากอยู่ต่อ แต่โดนเรียกตัวแล้วครับ คิดว่ามะรืนนี้คงต้องลงไปกระบี่ และอีกวันถัดมาก็คงอยู่ที่เขาสก สุราษฏ์ฯ
สงสัยปีนี้ต้องเป็นคนป่าครับพี่บ่าว ยังไม่อยากลงทะเลครับ กลัวว่าอาการที่หูจะกำเริบอีกต้องงดลงน้ำไปก่อนสักพัก
คิดถึงเหมือนกันครับ โอกาศหน้าอยากให้ บัง พาไปหาพี่บ่าวคนนี้บ้างแล้วครับ
ขอบคุณครับพี่

พี่การีม

คือหมวยก็ไม่รู้นะว่า เต่ามีขี้แล้วใส่มาสุเหร่ามันเกี่ยวอะไร

เพราะลุงแกคนนั้นก็นาจะต้อง... เหมือนกัน

ลุงแกยังมาที่สุเหร่าได้เลย

อธิบายให้หน่อยได้ไหมค่ะ

 

หวัดดีจ๊ะ หมวยเล็ก

      จากความเข้าใจของลุงคนนั้น ตีความหมายได้หลายอย่างน่ะ

 - เต่า อาจจะเป็นตัวแทนของความ "โง่เง่าเต่าตุ่น" ที่คนหลายๆคนมักใช้เปรียบเปรยผู้อื่นที่รู้สึกว่า "โง่"กว่าตัวเองก็เป็นได้

 - เต่า อาจเป็นแค่เพียง "สัตว์"  ซึ่งคำๆนี้ สำหรับคนที่ไม่มีความรักและความเข้าใจในธรรมชาติแล้ว เป็นได้แค่เพียงคำ"หยาบคาย"ที่ใช้ด่าผู้อื่นเท่านั้น

 - ?????????????...ฯลฯ

  แต่จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เด็กก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติจากผู้ใหญ่แบบนั้น  หากเขาสมควรได้รับคำเตือน ก็น่าจะเตือนด้วยคำพูดที่สุภาพ อธิบายให้เขาเข้าใจว่า การมาที่สุเหร่าควรใส่เสื้อสีขาว หรือสีอ่อนๆที่ดูสุภาพ เพราะเด็กคนนั้นอายุไม่น่าจะเกิน 7 ขวบเอง (ตามหลักศาสนาแล้วอายุขนาดนี้ไม่มีความผิดด้วยซ้ำ)   เด็กๆไม่ได้คิดอะไรสลับซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่ การทีเขาไส่เสื้อผ้าที่มีรูปสัตว์นั่นหมายถึงเขาชอบสัตว์ ผู้ใหญ่อย่างเราน่าจะใช้โอกาศแบบนี้ ให้ความเข้าใจที่ดีต่อเขาที่จะมีต่อสัตว์และธรรมชาติได้   ไม่ใช่พูดแบบหน้าตาและน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ทำอย่างกับว่า" พระเจ้าจะจับเขาลงนรกเพราะดันใส่เสื้อที่มีรูปเต่าขึ้นมาบนสุเหร่า" อย่างนั้นแหละ..  สงสารเด็กคนนั้นน่ะ  การที่เขาไม่รู้นั้นยังไม่แย่เท่ากับการที่เขาได้เรียนรู้จากคนที่ไม่รู้เสียอีก 

  พี่เข้าไปที่บล๊อก rsalife ของหมวยเล็กด้วยหล่ะ พยายามจะเข้าไปคุยด้วยแต่ไม่สำเร็จ ต้องเป็นสมาชิกก่อนใช่หมั๊ย แล้วเดี๋ยวจะลองเข้าไปอีกทีน่ะ

ขอบใจมากหมวยเล็ก ที่เข้ามาร่วมแจมความคิดเห็น

ยินดีต้อนรับเสมอครับ

 

 

 

ไม่มีรูป
13. หมวยเล็ก
สวัสดีค่ะ ขอตอบแทนพี่การิมนิดนึงนะคะ
ในการสวดละหมาด โดยเฉพาะบนมัสยิด/สุเหร่านั้น
เป็นที่ตั้งมั่น ในการระลึกถึงพระเจ้า ไม่ควรจะมีภาพวาดสิ่งมีชีวิตใด ๆ ให้ต้องมนต์ทำให้จิตใจว็อกแว็กนะคะ อย่างพี่ การิมเอง ขณะสวดมนต์แล้ว ยังคิดถึงอะไรไปไกลมาก....แค่ต้องการให้สายตานิ่ง อ่านบทสวดไป ระลึกถึงพระเจ้า องค์เดียวเท่านั้น......
ต้าคิดว่า ทั้ง 3 วัย ไม่ว่า เด็ก พี่การิมหรือผู้ชราคนนั้น ต่างอยู่ในอารมณ์ที่ต่างกัน แค่ เข้าถึง เข้าใจ เราก็จะรู้สึกดีขึ้นนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

ขอบคุณมากเลยต้า สำหรับการขัดเกลาสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูก ให้ถูกต้อง   ผมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลยครับ

    เห็นหมั๊ยต้า ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง เราก็ไม่อาจทำเฉย และทนบอกตัวเองว่าสิ่งนั้นถูกต้องได้หรอกถ้าเราแคร์คนๆนั้น    แต่เด็กคนนั้นหล่ะต้า  ต้าทำให้ผมหายสงสัยได้ แต่ใครหล่ะจะทำให้เด็กคนนั้นหายสงสัยได้ 

 ความรู้สึกคับข้องใจก็คือในวันนั้นผมไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้าทำในวันนี้ได้

 

และที่ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ "ขอพระผู้เป็นเจ้ามอบทางนั้นแก่เขาด้วย"

อิสลามมาลัยกุมค่ะ

บอกตามตรงเลยนะพี่การีม และน้องต้า (เข้าใจว่าน่าจะเป็นน้องนะ เพราะเดี๋ยวนี้ เจอใคร มักเป็นน้อง เริ่มปลงว่า ตัวเองก็แก่แล้วนะเรา 555)

ว่า ตั้งแต่มีเหตุการณ์ 3 จ.ชายแดนภาคใต้

เรารู้สึกว่า อยากทำความรู้จัก ศาสนาอิสลามให้มากขึ้น

เพราะเขามักบอกว่า เหตุเกิดจากความไม่เข้าใจ พุทธไม่เข้าใจในหลักความคิด แนวคำสอนของศาสนา

พอมีน้องที่เป็นมุสลิม  (น้องด้า ) ก็ได้พูดคุยกัน

ขอบคุณน้อต้ามากนะคะ ที่เข้ามาตอบ

การที่อยู่บนสุเหร่าไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน

ศาสนาพุทธ ก็ คือการมีสมาธิ นั่นเอง ใช่ไหมค่ะ

 

ขอบคุณพี่การีม ที่แวะเข้าไปอ่านในเวป

อายจัง

เพราะงานเขียนมันไม่ได้เรื่องเล้ยยยยย

 

 

 

 

 

 

เคยได้ยินสำนวน "มือถือสาก ปากถือศีล" ใช่มั้ย

คนเรามักเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะคนในประเทศนี้

แต่กรณีนี้ บางทีก็เข้าใจว่า "ลุงแกรู้จะกแต่หลักคำสอนศาสนา  แต่ลุงไม่รู้จักหลักการสอนเด็กไร้เดียงสา"  ก็เท่านั้น   อิอิ

 

วาลัยกม สลาม หมวยเล็ก

       ยินดีที่ได้ต้อนรับ หมวยเล็ก อีกครั้ง   หรือถ้าจะลองสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกเลยก็จะยิ่งยินดีเข้าไปอีกน่ะ  ที่ "gotoknow" เราสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้กับทุกคน  เป็นบล็อกที่เปิดกว้างน่ะ

        หมวยเล็ก ครับพี่ไม่ใช่คนที่สามจังหวัดภาคใต้หรอก แต่พี่บอกได้เต็มปากเลยว่า ไม่ใช่ปัญหาหรือช่องว่างทางศาสนาหรอก แต่เป็นปัญหาและช่องว่างระหว่างคนกับคนมากกว่าครับ  สังคมพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันมาช้านานแล้ว  แต่ปัญหาลึกๆที่แท้จริงนั้นพี่ก็ตอบไม่ได้และก็อยากรู้เหมือนกัน?????

          จิตใจมนุษย์สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะถ้าจิตใจดี รักพี่น้องร่วมโลก ไม่เห็นแก่ตัว และเปิดกว้างแล้ว การเรียนรู้สิ่งอื่นใดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือยากเย็นอะไรเลย   และในทางกลับกัน ถ้าจิตใจที่ปิดกั้นและเห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับความเป็นสังคมและการอยู่ร่วมกันแล้ว  ความรู้ความสามารถต่างๆที่ตัวเองมีก็ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย นอกจากจะใช้ทำร้ายพี่น้องร่วมโลกและสุดท้ายก็ไม่พ้นที่จะทำร้ายตัวเอง    และนี่ก็คือที่มาของเรื่องราว "บาป ของเด็กที่รักธรรมชาติ"   ถ้าเด็กคนนั้นเข้าใจธรรมชาติและรักในโลกใบนี้ เขาก็จะเข้าใจและรักในสิ่งอื่นได้ไม่ยากเลย

          หมวยเล็ก ถ้าสนใจหรือสงสัยอะไรใน สามจังหวัดภาคใต้ นิต้า เป็นครูอยู่ที่นราธิวาส  บางทีครูต้าอาจมีคำตอบที่หมวยเล็กสนใจก็ได้  ลองคลิกไปที่  

P
15. anita ทุกคนที่นี่พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วยกันเสมอ
              ขอบใจมากหมวยเล็ก ที่แวะเวียนมาเยี่ยม หรือถ้าจะเป็นสมาชิกและส่วนหนึ่งกับ g2k ล่ะก็ ยินดีมากเลยครับ

      

สลาม อาลัยกม ด้า

        "ทุกคนเรียนรู้ได้ตั้งแต่ในเปล ยันหลุมฝังศพ"

   คำพูดนี้พวกเรายึดอยู่ในใจเสมอ  เพราะโลกใบนี้มันเต็มไปด้วยความรู้    เด็กคนนั้นก็เหมือนกัน เราจะสอนเขาอย่างไรนอกจากจะให้เขาได้รู้แล้วเขาจะได้มีความเข้าใจด้วย   เราจะมอบความรู้ให้เขาอย่างไรที่จะไม่ทำลายการเรียนรู้ในส่วนอื่นของเขา  การสอนแบบท่องจำนั้น เราควรจะโละทิ้งไปพร้อมๆกับหลักสูตรที่ถูกยัดเยียดอยู่เต็มหัวเราได้ซักที

ขอบใจมากน้องด้า

 

ก็เหมือนการรินน้ำชาที่บังคุยกับครูอ้อยไงคะ ชายชราผู้นั้นอาจถูกสอนให้เป็นชาลันแก้วตั้งแต่หนุ่มๆ หรืออาจยังอยู่ใต้กะลาเดิมก็เป็นได้ เพราะอิสลามไม่ใช่สอนแคบๆ...แค่เรื่องเต่าบนเสื้อเด็กหรอกใช่ไหมค่ะ?....ในทางกลับกันเด็กคนนั้นก็ต้องเรียนรู้โลกอีกตั้งหลายจอก.....ต้าว่านะคะ......โตอีกหน่อยเขาจะรู้วัตถุประสงค์ของผู้ชราและให้อภัยเขาเอง.....ขอบคุณบังการิมมากที่ Care all the things in the world.
P
22. anita
              การที่ได้มีโอกาศศึกษาธรรมชาติ ทั้งใต้ทะเล บนบก บนภูเขา หรือแม้แต่บนท้องฟ้า ตามแต่ความสามารถที่จะหาข้อมูลและเข้าไปสัมผัสได้  จะพบว่าความมหรรศจรรย์ต่างๆมากมายที่ได้เจอล้วนแล้วแต่สอดคล้องและสมดุลย์ได้อย่างเป็นหนึ่ง ทุกอย่างไม่มีความบังเอิญ แต่ทุกอย่างล้วนมีการควบคุม ไม่ได้ควบคุมอย่างสเปะสปะ แต่ควบคุมอย่างลงตัวและเป็น "หนึ่ง"
               และถ้าหวนกลับมามองในสิ่งที่เรายึดถือแล้วจึงปราศจากความสงสัยใดๆโดยสมบูรณ์ มันแยกจากกันไม่ออกเลยหล่ะ
   เมื่อมีโอกาศจึงอยากให้คนอื่นได้รับรู้อย่างที่ตัวเองได้พบมา   แต่จะพบกับปัญหาอย่างหนึ่งคือ ผู้ที่คิดว่าตัวเองผ่านประสปการณ์มามากพอมักจะไม่ยอมรับอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ซึ่งจะรับกันมาเป็นทอดๆจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนการกอ็บปี้อะไรซักอย่าง ซึ่งต่างกับผู้ที่ต้องการและพร้อมกับการเรียนรู้อยู่แล้ว ซึ่งผมจะให้ความสำคัญกับประเภทหลังนี้มากกว่า
         ในฐานะที่ต้าอยู่กับเด็กๆ ต้าคงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เด็ก คือวัยที่พร้อมจะเรียนรู้ ถ้าเขาเข้าใจและให้ความสนใจอะไรซักอย่างแล้ว เวลาที่เหลือเราสามารถใส่รายละเอียดและข้อปฏิบัติต่างๆได้ไม่ยากเลย  แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ไม่เข้าใจ  รายละเอียดและคำอธิบายต่างๆก็ไม่เป็นผล และไม่มีประโยชน์กับเขาเลย  ก่อนที่ผมจะคุยกับน้องๆหลานๆ และเด็กรอบข้างเรื่องสิ่งที่เขาจะต้องนับถือ ผมก็มักจะคุยกับเขาก่อนเรื่องธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เสมอ  ซึ่งมันก็ได้ผล
            ขอบคุณมากครูต้า  เพิ่งได้รู้อะไรจากครูต้าหลายอย่างเหมือนกัน  ขอบคุณที่เข้ามาสนทนาพูดคุยและสร้างสีสันแห่งการเรียนรู้ด้วยกัน  หากมีข้อสงสัยใดอาจจะต้องเข้าไปขอรบกวนคำตอบจากครูต้าอีกน่ะ
             ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะคุณ Kareem

เบิร์ดติดตามบันทึกนี้มานานมาก และชั่งใจอยู่นานว่าจะเข้ามาอีกครั้งมั้ยเพราะเกี่ยวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหลือเกิน

เบิร์ดรับรู้ว่าคุณ Kareem ห่วงความรู้สึกของหิ่งห้อยน้อย และกังวลว่าสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดที่เค้าควรได้เรียนรู้ คือธรรมชาติ ที่เค้ามีความรู้สึกดีๆอยู่แล้วินั้นจะถูกทำลายไปเพราะการกระทบความรู้สึกในครั้งนี้

เบิร์ดชื่นชมความละเอียด ลึกซึ้ง ของคุณ Kareem  แต่ความละเอียดอ่อนนั้นก็เหมือนสิ่งต่างๆบนโลกนี้แหละค่ะ ที่สามารถทำให้เราทุกข์ได้เช่นเดียวกัน...โลกของคนตัวเล็กๆนั้นถ้าเค้าได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองหรือใครก็ตามที่สามารถทำให้เค้าเข้าใจได้มากขึ้นมากกว่าความเกรี้ยวกราดที่ได้รับ เค้าก็จะรับรู้และไม่ทุกข์ เพราะความใส ซื่อของเค้าทำให้เค้าแกร่งกว่าที่เราคิดเยอะค่ะ...และความชอบ ความผูกพันของคนเราไม่สามารถลบเลือนได้ง่ายๆเพียงเพราะความเจ็บปวดหรือรู้สึกผิดในใจหรอกค่ะ ไม่งั้นจะมีการหนีไปทำในสิ่งที่ตนรักชอบเหรอคะ...

คุณ Kareem ห่วงว่าเค้าอาจไม่ได้รับคำอธิบายที่ดีพอ ..แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นไปได้ว่าป่านนี้เค้าอาจจะเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงจากผู้ใหญ่แล้วก็ได้เช่นเดียวกันนี่คะ..ขอเพียงแต่ให้มีโอกาสที่ได้เจอเค้าอีกครั้งคุณ Kareem ก็มีโอกาสที่จะทำให้เค้าได้เข้าใจบางสิ่งได้ดีขึ้นด้วยตัวของคุณเอง ...นอกจากการขอพรให้อัลเลาะห์ ทรงนำทางเค้าแล้วขอพรให้ได้เจอเค้าอีกได้มั้ยคะ ?

เบิร์ดพยายามตอบแบบกลางที่สุดนะคะ เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากเลย.. 

 

 

 

ี้

 

สวัสดี เบิร์ด

          ดีใจจังที่เบิร์ดเข้ามา  ใจจริงแล้วไม่อยากคุยเรื่องศาสนาเลย.. จริงๆครับ  ด้วยเหตผลที่ว่า

 1  ผมไม่มีความรู้เรื่องศาสนามากนัก

 2  ผมมีเพื่อนที่นี่หลากหลายศาสนา

 3  เรื่องศาสนาละเอียดอ่อนอย่างที่เบิร์ดว่านั่นแหละ

แต่เมื่อมีประเด็นขึ้นมาก็ต้องคุย ชี้แจงเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจที่ผิดพลาด(ซึ่งอาจเกิดจากผมเอง) เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่นี่  แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามทุกๆความเห็นก็คือเกียรติที่ผมได้รับ   จึงต้องขอขอบคุณในทุกความเห็นด้วย

       เบิร์ดนั่นอาจจะเป็นความผิดพลาดของผมมาแต่อดีตก็เป็นได้  มันเป็นความอ่อนใหวที่ฝังอยู่ในใจผมมาตลอดเวลา  เบิร์ดเคยมีช่วงชีวิตในวัยเด็กที่ต้องต่อสู้โดยลำพังใหม ?  ถ้ามี เบิร์ดคงได้เห็นภาพที่ผมเห็น      ผมสามารถนั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีได้ในขณะที่มีบาดแผลฉกรรณ์  หรือแม้แต่หัวเราะร่วนได้ในขณะที่เรือกำลังเจอพายุใหญ่อยู่กลางทะเล   แต่ผมจะไม่สามารถควบคุมต่อมน้ำตาของตัวเองได้เมื่อต้องเห็นภาพ คนตาบอดนั่งร้องเพลงตีนสะพานลอย  คนแก่ๆที่ต้องหาบของขายที่หน้าตาคล้ายพ่อแม่  เด็กที่เจ็บป่วยหนักในโรงพยาบาล หรือคนอ่อนแอที่โดนรังแก ฯลฯ   ในบางครั้งก็ดี มันทำให้ผมได้เห็น และคิดอะไรหลายแง่มุม  แต่บางครั้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกเป็นคนอ่อนแอ

         ผมเขียนเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าบ่อยครั้งที่คำพูดของผู้ใหญ่ที่หวังดีมักจะทิ้งบาดแผลเล็กๆแต่ลึก เอาใว้ในใจของเด็กๆ ที่พวกเขามักจะคิดว่าไม่รู้เสมอ

          ขอบใจมากเบิร์ด ที่กลับมาอีกครั้ง  เบิร์ดคือเพื่อนที่ผมอยากได้ฟังความเห็นในทุกๆครั้งเลย ขอบใจอีกครั้งเบิร์ด

      

      

 

Morning Amazing man......ไม่รู้ทำไม ตื่นขึ้นมาเช้านี้ คิดถึงบังการิม ทันทีที่อ่านบล็อก ก็เห็นโพสต์มาพอดีเป๊ะๆๆๆ....ก็.....มาขอบคุณพระเจ้าที่ดลใจให้พี่ไม่หลงทาง....ต้าเชื่อว่า ยิ่งได้เห็นความลี้ลับมากแค่ไหน มันจะไปไหนได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าปฏิเสธเลยว่า มันต้องมีการควบคุมอย่างดี ต้าเข้าใจความรู้สึกของบังนะคะ....จงพยายามค้นหาต่อไปแล้วจะพบว่า การที่เราหลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้าม เข้าหา/ศึกษาสิ่งที่บัญญัติให้ทำ นั่นละ คือความสุขที่จะเกิดขึ้นในใจโดยไม่จำเป็นต้องล่อด้วยเพชรนิล จินดา เลยนะคะ....อีกอย่างพี่ได้แสงสว่างอย่างหนึ่งคือ....ความละเอียดอ่อนของหัวใจ.....ที่ไม่สามารถทนเห็นความร้ายกาจของสังคมไม่ได้...ช่วยอะไรไม่ได้ ก็ซึมๆไปบ้าง....การที่คุณแคร์...นั่นละ คุณได้ช่วยเขาแล้ว..............น้องเอง ไม่ค่อยได้รู้เรื่องศาสนาเต็มร้อย.....แต่ทำไงก็ได้ให้ใกล้ชิด หาวิธีซึมซับ ยึดถือจากตำราและผู้รู้บ้าง หรือ ไปฟังบ้างถ้ามีเวลาอ่ะคะ....ศาสนาไม่ใช่แค่การสั่งสอนตามสายลมหรือเสาอากาศ ตราบใดที่เราไม่ยอมปฏิบัติไปด้วย มันก็แค่สื่อทางสายลมดีๆนี่เอง.....ขอบคุณที่ไม่รำคาญน้องนะคะ........รายอ นี้มานราฯ ก็บอกนะ....จะทำตูปัตให้กิน.....*****

 มาแต่เช้าเลย    ตอนที่ต้าเข้ามาเป็นเวลาเดียวกันเลยที่กำลังขับรถออกจากกรุงเทพฯและหลงทางอยู่ ใช้เวลานานมากกว่าจะหลุดออกมาได้ ถึงกระบี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว  ก็เลยไม่รู้ว่าต้าเข้ามาที่นี่.. 

      ขอบคุณมากเลยต้า   บังเกิดมาในสังคมมุสลิมที่ดูคล้ายกับว่าเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่   ในเมื่อแทบทุกคนก็ยึดมั่นในศาสนา ปฏิบัติกันมาช้านาน  แต่ทำไมทุกอย่างยังล้มเหลว    ก็เลยตั้งคำถามให้ตัวเองมากมาย ว่าเกิดอะไรขึ้น? ก็ได้คำตอบมากมายเหมือนกัน.......

       ต้า  บังมีเพื่อนบ้านเป็นคน นราฯ และไปๆมาๆที่นราบ่อยมาก บางทีอาจมีโอกาศได้เห็น ว่าหน้าตา และรสชาดของ "ตูปัต"เป็นอย่างไร   ถ้ามีหากไปเยี่ยมเดี๋ยวจะบอก    ขอบคุณต้าอีกครั้งสำหรับการให้เกียรติเข้ามาพูดคุยอย่างป็นกันเอง จริงจังและ จริงใจ  เมื่อปเนแบบนี้ จะรำคาญน้องได้ไง

  • สวัสดีคะคุณการิม
  • ตามมาขอบคุณที่แวะไปทักทายคะ
  • สบายดีไหมคะ...งานยุ่งหรือปล่าว
  • ไม่เจอคุณบนบล็อกนานแล้ว
  • เขียนเรื่องให้อ่านบ้างสิคะ
  • แถวนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ
  • ที่นี่ฝนตกทุกวันคะ..แต่ยังดีที่ไม่มีน้ำท่วม
  • แล้วจะแวะมาเยี่ยมอีกนะคะ

สวัสดีครับพี่

ตอนนี้งานผมเริ่มยุ่งแล้วครับ ปลายฝนต้นหนาว ฝนยังมีครับหนักบ้างเบาบ้างชุ่มชื่นดีครับ น้ำไม่ท่วมเหมือนกัน

อยากบันทึกเรื่องกล้วยไม้ครับ พอปลายหนาวกล้วยไม้ป่าเริ่มแทงดอกออกช่อครับ  แต่ยังหาวิธีเอารูปสวยๆมาใส่ไม่ได้ครับ แบบว่าทำไม่เป็นเอาเสียเลย   พยายามสำเร็จเมื่อใหร่ จะมีเรื่องกล้วยไม้ป่าและภาพสวยๆมาฝากครับ

ขอบคุณมากครับ แล้วจะแวะไปทักทายบ่อยๆ เพราะอยู่ในแพลนเนตของผมแล้วครับ

สวัสดีคะ  คุนการีม

อยากทราบว่าคุณเป็นจังหวัดกระบี่โดยกำเนิดเลยหรือเปล่า  แล้วอาชีพมัคคุเทศก์ของคุณต้องเดินทางไปทั่วไปทุกภาคหรือเฉพาะทางภาคใต้ที่คุณอยู่เท่านั้นอยากรู้ว่าแต่ละภาคแต่ละจังหวัดที่คุณไปมามีมุสลิมอยู่มากเหมือนภาคใต้หรือ (jaja ไม่ค่อยจะได้ไปเที่ยวจังหวัดอื่นเลยอาจเพราะไม่มีโอกาสที่จะเดินทางไปเหมือนคนอื่นๆ ) อยากให้คุณเขียนเล่าให้ฟังบ้างจังหวัดทางภาคตะวันออก  เช่นจังหวัดระยอง  จังหวัดชลบุรี  มีมุสลิมอยู่เยอะหรือไม่  ถ้าต้องการไปเที่ยวจะหาร้านอาหารมุสลิม หรือที่พักได้หรือไม่  เพราะถ้าไปก็คงต้องพาไปทั้งครอบครัว  อย่างไรรบกวนเล่าให้ฟังบ้างนะ  (คิดว่าปีใหม่จะพาหลานไปเล่นน้ำทะเลทางภาคตะวันออก  ส่วนภาคใต้ได้ข่าวว่าน้ำทะเลก็สวยนะแต่ก็กลัวเรื่องผู้ก่อการร้าย)

สวัสดีครับ jaja

        ก่อนอื่นต้องขอโทษจริงๆครับ ที่เข้ามาช้าเหลือเกินเพราะอยู่ในช่วงชีพจรลงเท้าครับ ทั้งเขาสก สุราษฏ์ธานี, เขาหลัก พังงา เลยไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก

        ดั้งเดิมผมเป็นคนนครศรีธรรมราชครับ แต่ย้ายมาอยู่ที่กระบี่ และเป็นมัคคุเทศก์(เฉพาะ) จังหวัดพังงา ซึ่งขอบเขตการทำงานจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงา และพื้นที่ใกล้เคียง คือ ระนอง กระบี่ สุราษฏ์ธานี ภูเก็ต ครับ   ทางภาคตะวันออกนี้ผมพอจะทราบว่ามีชุมชนมุสลิมอยู่บ้างครับแต่ไม่แน่ใจเรื่องที่พักและอาหาร เอาเป็นว่าผมจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ผมไม่เคยทำงานทางภาคตะวันออกเลยครับ แต่ไปเที่ยวมาบ้าง  ส่วนข้อมูลและรายละเอียดคงหาไม่ยากครับแต่ขอเวลากลับบ้านก่อนน่ะครับ (แหล่งข้อมูลหลักอยู่ที่บ้านครับ) และจะกลับมาบอก jaja  อาจใช้เวลาอีกสองสามวันน่ะครับ  ต้องขอโทษด้วยครับที่ปล่อยให้รอนาน  คงไม่เบื่อที่จะกลับมาน่ะครับ แม้จะไม่ค่อยสันทัดทางภาคตะวันออกแต่ยินดีช่วยเหลือครับ

กระบี่และพื้นที่ติดต่อไม่มีปัญหาเรื่องผู้ก่อการร้ายครับ สบายใจได้  แล้วจะกลับมาครับ

ถ้าอย่างนั้น  ก็ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคะ 

คิดถึง บังการิมครับ

ผมอ่านบันทึกนี้รอบที่สิบแล้วมั้งครับ...อ่านทีไร ผมเห็นตัวตนพี่เต็มเปี่ยมในบันทึกงามนี้

ผมคิดถึงครับ จึงมาหา

ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆเหล่านี้ครับ

Community Based Research » Tag เพราะคิดถึง - - -ผมคิดถึงเค้าจริงๆนะครับ!!!

" การที่เด็กไม่รู้ ไม่ได้แย่ไปกว่าการได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่ไม่รู้เลย "

คำพูดนี้ได้ใจจังครับ

ตามรอยมาจาก

P
33. จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ครับ เลยได้อ่านบันทึกดีๆ

สวัสดีคะ คุณการิม

ตามรอยพี่เอกมาคะ...

สมกับที่พี่เอกคิดถึงเลยคะ

---^.^---

ธรรมชาติงดงามเสมอ โดยเฉพาะกับคนที่รักมัน...

สวัสดีครับเอก

P

ขอบคุณมากเลยเอก กับความ คิดถึง ที่มีให้  คิดถึงเหมือนกันครับ คิดถึงทุกคน แม้ช่วงนี้จะมีเวลาแวะมาพูดคุยน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้ลดความคิดถึงลงไปเลยครับ     และขอโทษจริงๆที่ปล่อยให้คนที่คิดถึงต้องมารออยู่หลายวัน
ตอนนี้ขอเวลาตั้งตัวก่อนนะ แล้วค่อยบอกว่า คิดถึงใคร
.... ขอบคุณอีกครั้งเอก ขอบคุณกับการแบ่งปันโอกาศการเรียนรู้ ขอบคุณมิตรภาพและน้ำใจ และขอบคุณความคิดถึง  

สวัสดีครับคุณ จารุวัจน์

P

ขอบคุณมากครับที่แวะเวียนมาเยี่ยม  ช่วงนี้มีงานเยอะครับและชีพจรลงเท้าตลอด จึงค่อนข้างห่างหายไปเป็นพักๆ
ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วจะขอแวะไปแบ่งปันความรู้บ้างน่ะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

สวัสดีครับ น้องพิมพ์ดีด

P

ขอขอบคุณที่แวะมาทักทาย อาจต้อนรับช้าหน่อยก็ขอโทษด้วย ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เลยไม่รู้ว่า เอก เปิดบ้านให้ผมได้ต้อนรับเพื่อนใหม่หลายคน 
ยินดีที่ได้รู้จักครับ  แล้วจะแวะไปเยี่ยมบ้านน้องพิมพ์ดีดบ้าง    ... ขอบคุณมากครับ... 
  • สวัสดีค่ะ คุณ kareem
  • อ่านบันทึกคุณ แล้ว
  • สัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีงามค่ะ

สวัสดีครับ

บันทึกหลายวันแล้ว แต่ผมเพิ่งได้อ่าน

อ่านสนุกแล้วก็สดชื่นดีครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ

พี่ชาย การีมครับ

P

ผมแวะมาบันทึกพี่อีกทีครับ..

คราที่ผมไปหลวงพระบาง ผมได้มิตรใหม่เป็นสาวใหญ่ (จะเก๋)ชาว เกาะยาวน้อย (พังงา) เธอชวนผมไปที่บ้านที่เกาะยาวน้อยครับ เธอเป็นชาวเล และที่หมู่บ้านก็ทำเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วย ที่หมู่บ้านเดียวกันผมก็รู้จัก "บังหมี" คิดว่าพี่การีมคงรู้จักนะครับ

ไม่กี่วันก็ได้เจอที่เชียงใหม่ เธอเล่าวิถีคนเลได้อย่างออกรสชาติทำให้ผมฝันไปไกลเลยครับ ..อยากไปมาก

คิดว่ามีเวลาว่างๆผมจะดอดไปพังงาก่อนที่พี่การีมจะมาหาผมที่ปายนะ...ผมจะขอข้อมูลก่อน และจะชวนพี่ไปเกาะยาวน้อยด้วยกันครับ

แต่คิดว่าไม่ใช่ช่วงนี้แน่ครับ ที่ปายก็มีเพื่อนๆมาเยี่ยมเรื่อยๆ ...หากพี่การีมจะมาช่วงนี้เหมาะมากครับทั้งอากาศและป่าสวยๆครับ

ทำงานด้วยความสุขนะครับพี่ชายของผม

 

 

 

(^-^)

ไม่รู้นะคะว่าเมื่อไหร่ที่คนเราจะทำตัวเป็นถ้วยชาถ้วยใหญ่และมีชาอยู่เต็ม...อืม คงเป็นตอนที่เค้าคิดว่าข้ารู้หมดทุกเรื่องและสัมผัสมาทุกอย่างแล้ว ซึ่งจริงไม่จริงก็ไม่อาจทราบได้

แต่ปุ้ยเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเติมอะไรลงไปก็ไม่เต็มสักที ถ้วยก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก โลกนี้ยังมีอะไรๆ อีกตั้งมากมายที่ปุ้ยยังอยากไปหาและสัมผัส ขอเป็นถ้วยที่พร่องดีกว่าค่ะ...ไม่อยากให้อะไรๆ ที่ได้รับล้นออก

ว่าไหมคะ?

สวัสดีครับคุณ coffee mania

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณด้วยครับที่แวะเวียนมาทักทายและความคิดเห็น แวะมาบ่อยๆได้น่ะครับ

สวัสดีครับคุณธวัชชัย

ด้วยความยินดีครับ และขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านและความคิดเห็น ยินดีต้อนรับเสมอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท