ในที่สุดเพื่อนรักก็กลับคืน


สร้างอะไรใหม่ๆให้กับชีวิต ไม่ให้มันจำเจ นำสิ่งใหม่ๆมาชะล้างความน่าเบื่อหน่ายของเรื่องราวในชีวิตประจำวันออกไป ห้องสะอาดขึ้น คอมก็สะอาด วิ่งฉิวทำงานคล่องขึ้น..จิตใจก็รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่นขึ้น

ในที่สุดเพื่อนรักก็กลับคืน (พร้อมกับได้เพื่อนใหม่มาอย่างตกกะไดพลอยโจน)  หลังจากที่ คอมเครื่อง PC คู่ทุกข์คู่ยากที่ห้องต้องระเห็จไปอยู่ร้านช่างซะหลายวัน ทำให้ห่างหายไม่ได้เข้ามาเขียนอะไรเลย

มันเริ่มมาตั้งแต่โปรแกรมสแกนไวรัสในเครื่องมันฟ้องว่า กำลังจะ expire ใน 30 วัน เราก็มัวชั่งใจรอๆจนเหลือ 10 วันจึงโทรบอกช่าง ให้มาช่วยดูให้หน่อยว่าทำไมมัน expire ช่างก็งง เพราะที่ลงให้น่ะมันเวอร์ชั่นตลอดชีพนะ แต่ก็ไม่ว่าอะไร มาลงตัวใหม่ที่มันเก่งกว่าให้

ระหว่างมาลงเราก็คุยว่า อยากจะได้ไดรฟ์ DVD writer เพราะเครื่องของเราน่ะ มันมีไดรฟ์ซีดี 2 ไดรฟ์ คือแบบซีดีธรรมดา กับ คอมโบ (หมายถึง เปิดดูได้ทั้ง DVD/CD และเป็น CD RW)   แต่เนื่องจากไปเดินเวียนเครื่องโน๊ตบุ๊คที่บูธคอมบนห้างอยู่ไม่ต่ำกว่า 7-8 รอบ จนคนขายจำหน้าได้ ทว่าหักห้ามใจไม่ซื้อเพราะเสียดายตัง (เจ้าตัวที่ชอบตั้งห้าหมื่นแน่ะ) ดังนั้นจึงคิดจะทดแทนความอยากของตัวเอง มาบำรุงบำเรอให้เจ้าเพื่อนยากที่ห้องดีกว่า

อีกอย่างหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญของไดรฟ์ DVD คือแผ่นมันมีความจุตั้ง 4.7 GB  สามารถบรรจุข้อมูลได้เยอะในแผ่นเดียว เท่ากับแผ่นซีดีธรรมดาตั้ง 6-7 แผ่น  เราไม่นิยมการไรท์ก๊อปปี้ดีวีดีหรอกนะ แต่อยากมีไว้เพื่อการแบ็คอัปข้อมูลมากกว่า เพราะว่าข้อมูลในเครื่องมันเยอะ เก็บสั่งสมไว้นาน บวกกับชอบถ่ายรูปดิจิตอลเก็บไว้ ถ้ามันหายล่ะก้อ น้ำตาตกแน่  แต่ถ้าหากจะไปเก็บในแผ่นซีดีธรรมดา ก็ชักไม่ไหว นึกถึงคราวก่อน แบ็คอัปข้อมูลในเครื่องทีนึง ใช้แผ่นซีดีตั้งเกือบ 50 แผ่น พอมาค้นหาและจะใส่กลับเครื่องที  เวียนหัวเลย -_-'

ดังนั้นวันต่อมาช่างก็เอาไดรฟ์ DVD-W  มาใส่ให้ โดยใส่เอาไดรฟ์ซีดีธรรมดาออกแล้วใส่ DVD-W เข้าไปแทน

พอช่างกลับไป เราก็ไปซื้อแผ่น DVD มากล่องนึง ทดลองเอาเพลง MP3 ในเครื่องมากไรท์ลงแผ่น DVD  ปรากฏว่า อู้หู..เก็บได้เยอะมาก เป็นห้าหกสิบอัลบั้มเลย เอาไปเปิดกับเครื่องเสียงของไพโอเนียร์  นอนฟัง เสียงใสเพราะมากๆ รู้สึกว่าเพราะกว่าไรท์ลงแผ่น CD ธรรมดาอีกนะ (ไม่รู้อุปาทานของใหม่ไปรึเปล่า หุหุ) แต่ก็สงสารเครื่องเสียงอ่ะ  เพราะมันเปิดได้ยาวเป็นวันก็ไม่หมดแผ่น

กลับมาที่เครื่องคอมต่อ.. นึกว่าพอได้โปรแกรมสแกนไวรัสใหม่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ปรากฏว่า..โปรแกรมมันฟ้อง บอกว่าเจอไวรัสตัวนึง เป็นพวกไวรัสโทรจัน (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ซึ่งจัดการฆ่ามันยังไงก็ไม่ไป มิหนำซ้ำเรารู้สึกว่าเครื่องของมันแปลกๆ อยู่ๆบางทีก็มีบางไดรฟ์หาย เครื่องหาไม่เจอ พอรีบูทเครื่องมันก็กลับมา บางทีก็มีข้อความบอกว่าให้เราฟอร์แม็ทไดร์ E

เอ๊ะ.. มันชักจะยังไงๆแล้วล่ะสิ

แต่เราไม่ทำตามมันหรอก หากใช้วิธีปิดโมเด็มของ ADSL ยุติการ connect ทันที  เพราะจำได้ว่าเคยอ่านในนิยาย ที่มีพวกแฮกเกอร์แฮกเข้ามาในเครื่อง แล้วสั่งคำสั่งแปลกๆควบคุมเครื่อง วิธีที่จะหยุดโดยเร็วทีสุด ก่อนที่อีกฝ่าย จะทำร้ายเครื่องของเรามากกว่านี้ คือการ disconnect internet ไปก่อน

พอเรา disconnect ก็กลับมาที่เครื่องใหม่ พบว่าเครื่องพบเจอไดร์ครบทุกไดรฟ์ และเห็นข้อมูลทุกโฟลเดอร์  เท่านั้นแหล่ะ.. เราก็รีบบรรเลงการแบ็คอัปทันที   เลื่อนนัดทุกนัด เลิกโปรแกรมที่คิดว่าจะออกไปช้อปปิ้ง  ใช้เวลาเกือบวันนึงเต็มๆ จัดการแบ็คอัปข้อมูลทั้ง 4  ไดรฟ์ (ในเครื่องเรามีฮาร์ดดิสก์ 2 ลูก แบ่งออกเป็น 4 ไดรฟ์)  ใช้แผ่นดีวีดีทั้งหมด 8 แผ่นครึ่ง  จัดการเขียนป้ายบนแผ่นบอกว่า แผ่นไหนแบ็คอัปข้อมูลไดรฟไหนไว้ แล้วในแผ่นนั้นมีอะไรที่สำคัญบ้าง

พอได้แบ็คอัปข้อมูลเสร็จ เย็นนั้นก็หมดแรงสลบ แต่ก็นอนหลับเต็มตา  แล้วพอตกกลางคืนมาขึ้นก็ได้เรื่องเลย.. คืนนั้นเข้าเนตได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็เจออาการแปลกๆอีก  มีข้อความสั่งให้เราฟอร์แมทไดรฟ์ E อีก  แต่เราไม่ทำ พอเรา  disconnect  แล้วทำการสแกนไวรัส  แต่คราวนี้ไม่เจอนะ  พอปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ ปรากฏว่า ไดรฟ์ E หายค่ะ  ข้อมูลแต่ละไดรฟ์ อยู่สลับกันไม่เหมือนเดิม พอเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ มันก็เจอโฟลเดอร์เปล่าบ้าง  บางโฟลเดอร์เช่น โฟลเดอร์รูปที่ถ่ายเก็บไว้.. มันเหลือรูปแค่ไม่กี่รูป

สรุปก็คือ.. ข้อมูลถูกล้าง !

มันหายไปกว่า 70%

เรารู้สึกใจหายวูบลงไปอยู่ตาตุ่มเลย  แต่เพราะเมื่อตอนกลางวันเราได้แบ็คอัปข้อมูลเก็บไว้หมดแล้ว จึงค่อยรู้สึกโล่งใจ  ตอนนั้นแทบเอาแผ่น DVD ข้อมูลทั้ง 9 แผ่นมากอดเลย.. มันเป็นความตกใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆแล้ว เรารีบโทรบอกช่างเลย  ช่างบอกว่า สงสัยเครื่องจะโดนแฮกอีกแล้ว จากนั้นวันรุ่งขึ้น ช่างก็มาดูเครื่องที่ห้องให้อีก แล้วก็ให้ความเห็นว่า..

เครื่องโดนแฮกแน่  ทั้งยังให้ความเห็นอีกว่า ADSL มีอันตรายตรงที่แฮกเกอร์จะเข้ามาได้ง่าย แล้วพอมันเคยเข้าเครื่องไหน มันก็จะจำไอพีของเครื่องเราได้ จากนั้นจะเข้ามาก่อกวนใหม่ แล้วระบบเน็ตเวิร์ค ADSL ของคณะ (ขอไม่เอ่ยชื่อ) ที่เราใช้อยู่นั้น ระบบการรักษาความปลอดภัยยังไม่ดีนัก มีไวรัสแพร่กระจายเยอะมาก

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เราใช้ ADSL ใหม่ๆ ก็เคยเจอเหตุการณ์ระทึกจนนึกว่าผีหลอกมาแล้ว นั่นคือ นั่งเข้าเนตเปิดเวบอยู่  อยู่ดีๆก็มีเสียงเครื่องพริ้นเตอร์ดังก๊อกแก๊ก  แล้วมันก็เปิดเครื่อง (รึว่าเปิดอยู่แล้วก็ไม่รู้สิ) จากนั้นก็พริ้นต์ข้อมูลรายงานเรื่องจิตวิทยาในคนไข้ มา 5 แผ่น

มันพริ้นต์ออกมาได้ยังไง เรางงมาก   ตอนนั้นเราลองเข้าไปเช็คในเครื่องอีกครั้ง พบว่าพริ้นเตอร์เรามัน set  sharing เอาไว้

งงอีก.. จำได้ว่าได้ปลด sharing ไปนานแล้วนี่... อ้อลืมบอกไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีเครื่องคอม 2 เครื่องตั้งแชร์พริ้นเตอร์ไว้ แต่พอเรายกเครื่องนึงให้น้องสาวไป เราก็ปลดแชร์ทุกอย่างออก... เอ..รึว่าเราลืมปลดแชริ่งพริ้นเตอร์... ดังนั้น พอเราเข้าไปปลดแชร์พริ้นเตอร์ออก อาการโดนสั่งพริ้นต์งานของใครก็ไม่รู้ จึงหายไป

ช่างร่วมวิเคราะห์กับเราว่า แฮกเกอร์อาจจะเป็นคน หรือพวกเด็กนักศึกษาในมหา'ลัยของเรานี่แหล่ะ  ดีนะ.. ถ้ามีแฮกเกอร์ตอนนั้นจริงๆ แสดงว่าเขายังใจดี แค่แกล้งระบบให้งานคนอื่น มาสั่งพริ้นต์เครื่องเราเฉยๆ ไม่ได้ทำลายอะไรมาก  จะสงสารก็แต่เจ้าของงานที่สั่งพริ้นต์ คงจะงงน่าดูว่า สั่งพริ้นต์แล้วทำไมไม่มีงานออกมา

แต่คราวนี้สิ.. แฮกเกอร์คนนั้น เจตนาทำลายข้อมูลในเครื่องของเราแล้ว.. อันตรายมาก !

เราถามช่างว่า จะป้องกันตรงนี้อย่างไรดี ?  ช่างแนะนำว่า..คงต้องแจ้งกับผู้ดูแลระบบไอที ของ ADSL ที่เราใช้งานอยู่  บางทีถ้าหากมีการจัดการดีๆ อาจจะจับตัวแฮกเกอร์คนนั้นได้  แต่เราก็ยังลังเลนะ ว่าเขาจะช่วยตรงนี้ได้แค่ไหน เพราะว่าในข้อตกลงในการใช้ ADSL ก็บอกไว้แต่แรกแล้วว่า มันมีความเสี่ยงเรื่องไวรัส เจ้าของเครื่องต้องดูแลเอาเอง หากว่ามีการเสียหายของข้อมูลใดใด ทางผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบตรงนี้  ถ้าพูดถึงเรื่องมีแฮกเกอร์.. เราก็เคยบอกเขาไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พริ้นเตอร์เราโดนคำสั่งลึกลับสั่งพริ้นต์งาน.. ก็ไม่เห็นเขาจะสนใจเรื่องแฮกเกอร์สักแค่ไหน

ช่างจึงแนะนำต่อไปว่า.. งั้นอีกทางก็คือ ให้เราตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในเครื่องให้แข็งกว่านี้ แล้วควรมีระบบไฟร์วอลด้วย ซึ่งวินโดว์ XP จะสนับสนุนตรงนี้  เรามานึกๆก็รู้สึกว่าน่าจะดี  ก่อนหน้านี้เรายังไม่ค่อยไว้ใจ XP นักเพราะมันเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ แล้วเราก็ไม่คุ้นกับหน้าตาของมัน จึงใช้วินโดว์มี มาตลอด แต่หลังๆเริ่มคุ้นกับเครื่องที่ทำงานแล้ว มาเปลี่ยนระบบในเครื่องใหม่ก็น่าจะดี

ดังนั้นจึงบอกว่าช่างว่า.. งั้นไม่ต้องสแกนไวรัสค้นหาอะไรให้เสียเวลาหรอก  ข้อมูลทั้งหลายเราก็แบ็คอัปไว้หมดแล้ว ให้ยกเครื่องไปฟอร์แมทล้างไดรฟ์ทุกไดรฟ์ให้หมดก็แล้วกัน จากนั้นเปลี่ยนระบบปฏิบัติการเป็น XP  ช่างเลยยิ้ม เพราะว่าฟอร์แมทเครื่องลงโปรแกรมใหม่เนี่ย มันง่ายใช้เวลาน้อยกว่าการเข้าไปตรวจและแก้ไขความเสียหายในเครื่องเยอะเลย

ดังนั้นเจ้าเพื่อนยากของเรา จึงถูกยกไปร้านอยู่ 2-3 วัน เหตุที่ช้าหน่อย เพราะว่าช่างติดธุระ ภรรยาคลอดพอดี ลูกคนแรกเสียด้วย  (5555) เราก็เห็นใจจึงไม่อยากเร่ง ใช้เวลาระหว่างที่ไม่มีคอม เอาหนังชุดวีซีดีเกาหลีมาดูฆ่าเวลา ชีวิตมันก็มีความสุขดีไปอีกแบบ

พอได้คอมกลับมา.. ก็นั่งลงโปรแกรมที่เราใช้งานบ่อยๆ (โปรแกรมทำเวบ ซึ่งช่างไม่มี) ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน กับอีกครึ่งวันนั่ง copy แผ่นข้อมูลดีวีดี ที่เราเคยแบ็คอัปข้อมูลเอาไว้ เพื่อเก็บไว้อีกชุด  เหตุเพราะรู้สึกขวัญผวามาก.. ข้อมูลในแผ่น โดยเฉพาะพวกข้อมูลรูปภาพ ข้อมูลแบคอัปจากเวบ (เก่าของเราซึ่งมันไม่มีอยู่บน server แล้ว) รวมถึงข้อมูลงานต่างๆที่เราเขียนไว้  ถ้าหากแผ่น DVD ต้นฉบับเกิดมีปัญหา ก็แย่เลย  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้อง copy เป็น 2 ชุดไว้ดีที่สุด

copy แผ่นเสร็จ วันต่อมาเจอปัญหาอีก  เมื่อพบว่าเครื่องมันมองไม่เห็นไดรฟ์ DVD-W กับไดรฟ์ D และ F ซึ่ง 2 ไดรฟ์นี้คือฮาร์ดดิสก์อีกตัว (คนละตัวกับของไดรฟ์ C )  ... เอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย

ยังดีที่ วันสองวันมานี้ เรามัวแต่นั่งลงโปรแกรม  copy แผ่น DVD กับศึกษาระบบการทำงานของ XP จึงยังไม่ได้เพิ่มข้อมูลงานใหม่ของเราลงเครื่อง เราโทรตามช่างอีกครั้ง เขาก็มาบริการให้อย่างรวดเร็วทันใจ  คราวนี้ช่างขมวดคิ้ว..บอกว่าปัญหาอาจจะมาจาก 2 สาเหตุ คือ

1. ฮาร์ดดิสก์อีกตัวของเราเริ่มจะเจ๊ง
2. เมนบอร์ดมันกำลังจะเจ๊ง

ดังนั้นเจ้าเพื่อนยากจึงต้องระเห็จเข้าโรงพยาบาล ..เอ๊ย.. เข้าร้านอีกรอบ

เราไม่ได้เขียนงานของเราเพิ่มมานานมากๆเลย นับตั้งแต่เครื่องคอมมันก๊องแก๊ง  คราวนี้ช่างยังบอกว่า..อาจจะเป็นสัปดาห์ เพราะว่าเมนบอร์ดยังอยู่ในระยะประกัน ยังเครมได้ (เราก็งงนิดหน่อย.. เอ..เมนบอร์ดเรามันเกิน 2 ปีแล้วนี่นา ยังเครมได้อีกเหรอ  แต่นึกในใจว่าคงจำผิด..ช่างคงความจำดีกว่าเรา ดังนั้นปล่อยให้ช่างจัดการไปเถอะ)

ช่างเขาเข้าใจดีว่า เราจำเป็นต้องใช้คอมในการทำงาน โดยเฉพาะการเขียนงานและเข้าไปดูแลเวบที่เราเป็นเวบมาสเตอร์อยู่ ดังนั้นรับปากว่าจะช่วยเร่งให้เร็วที่สุด

คืนนั้นหลังจากดูหลังเกาหลีแผ่นจบ (ทั้งหมด 16 แผ่นที่ทะยอยดูวันละ 5-6 แผ่น) เรานอนตีพุงก่ายหน้าผาก รู้สึกว่าชีวิตมันว่าง บอกไม่ถูก และแล้ว..พอไม่มีเครื่อง PC  อารมณ์และความอยากที่จะได้โน๊ตบุ๊ค ก็ไม่มีอะไรมาขวางห้ามมันไว้ได้อีกแล้ว

หยิบโน๊ตบุ๊คตัวเก่ามาเปิดดู มันก็พังจนง้างไม่ออก ครุ่นคิดสาระตะ ถึงผลดีผลเสียของการเอาเงินก้อนนั้นมาใช้  เมื่อบวกลบคูณหารแล้วพบว่า มันไม่ได้มีผลเสียอะไรเลย แล้วเงินนั้นเราก็อุตส่าห์สะสมเตรียมไว้เป็นของขวัญตัวเองเพื่อซื้ออะไรก็ได้ที่เราอยากได้แต่แรกแล้ว  ถ้าเอามาใช้อย่างมากก็เริ่มประหยัดแล้วสะสมใหม่ก็เท่านั้น

สุดท้าย..วันรุ่งขึ้นจึงตัดสินใจไปธนาคารเบิกเงินมาก้อนหนึ่ง  ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว..เพื่อความสุขของชีวิต ในเมื่อหลายครั้งที่ผ่านมา มีแต่ซื้อของให้กับคนอื่นโดยไม่ได้รู้สึกเสียดาย แล้วจะมาเสียดายทำไมกับการที่จะซื้อของให้กับตนเอง

เอาล่ะว้า... สิ่งที่อยากจะได้.. เจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนั้น.. หลังจากไปเดินเวียนมาหลายรอบในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หากว่าความอยากยังคงอยู่ ยังฝันถึงมันจนลืมไม่ลง ก็แสดงว่าเราคงอยากจะได้จริงๆ.. ก็ไปซื้อเถิด

พกเงินก้อนใหญ่ใส่กระเป๋าออกจากธนาคาร แล้วโทรตามน้องให้มาเป็นเพื่อนไปซื้อที่ร้าน ไม่ได้ไปบู๊ธเดิมที่เคยไปดูหรอก แต่ไปที่ร้านใหญ่เลยเพราะมีเครื่องหลายยี่ห้อให้เลือก ก่อนไปก็โทรไปขอคำปรึกษากับเพื่อนคนหนึ่งก่อน ซึ่งเขาก็ให้คำแนะนำมาเยอะ  เพียงแต่..ยี่ห้อที่เขาแนะนำมา มันไม่ใช่ยี่ห้อที่เรากำลังจะตกลงใจไปซื้อนี่สิ

พอไปที่ร้าน.. เราก็เล็งไว้ 2 ยี่ห้อ ซึ่งราคาใกล้เคียงกัน (สูงพอๆกัน) แต่เจ้า 2 ตัวนั้นมันมีข้อดีข้อเสียที่ทำให้เราตัดสินใจไม่ถูก หมายถึง.. มีออปชั่นอะไรบางอย่างที่เรายังไม่พอใจ แล้วก็มาคิดๆว่า.. ถ้าหากยอมจ่ายสูง แล้วยังซื้อได้เครื่องที่ไม่ถูกใจ  มิสู้ไปซื้อเครื่องราคาต่ำกว่า แล้วใช้โน๊ตบุ๊คเป็นออปชั่นเสริม โดยไปเน้นการใช้งานเครื่อง PC ดีกว่า  เพราะว่า PC มันถนอมสุขภาพ ใช้งานง่าย และทนกว่าเยอะ ทำไมต้องจ่ายหนักมือ ซื้อโน๊ตบุ๊คที่มันแพงๆ แล้วพอใช้งานจริงๆมันใช้ไม่คุ้มค่าแพงกันเล่า

อีกประการหนึ่ง.. คำแนะนำของคนขาย ยังไปพ้องกับคำแนะนำของเพื่อนที่เราโทรไปถามอีก สุดท้ายเราจึงตัดสินใจซื้อเครื่องที่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเราเลยตั้งแต่แรก (แต่พอซื้อมาก็ถูกใจดีแฮะ) แต่ที่ถูกใจที่สุดคือ ราคาของมัน  คือแค่ สามหมื่นเจ็ดพันกว่าบาทเอง (เราอัปเพิ่มแรมในเครื่องเป็น 720 MB) จากราคาที่ซื้อทำให้มีเงินเหลืออีกจำนวนหนึ่ง  จึงซื้อแฮนดี้ไดรฟ์ขนาด 1 GB มา 1 อัน ซื้อเลเซอร์พริ้นเตอร์ของ HP (พริ้นต์ขาว-ดำอย่างเดียว ซึ่งอยากได้มานาน เพราะที่ใช้อยู่มันพริ้นต์อิงค์เจ๊ตสี ซึ่งเปลืองมาก ) 1 ตัว กับพัดลม  (ซึ่งมันเจ๊งไปกับอากาศร้อน) อีก 1 ตัว


พอได้โน๊ตบุ๊คตัวใหม่มา 2 วันช่างก็โทรมาบอกว่า เครื่องคอมเสร็จแล้ว  (เหย..ทำไมมันเร็วยังงี้หว่า ก็ไหนบอกว่าเป็นสัปดาห์ )   ช่างบอกว่าเปลี่ยนแค่เมนบอร์ดใหม่ซึ่งพอเช็คไปแล้ว ช่างจำผิดเอง เมนบอร์ดของเราหมดประกันไปนานแล้ว (ดังนั้นมันจึงเร็ว เพราะไม่ต้องรอเครม) 

ดังนั้นเราจึงเอาเงินที่เหลือจากซื้อโน๊ตบุ๊คไปเป็นจ่ายค่าเมนบอร์ด  พอช่างเอาเครื่องมาส่ง ก็บอกเราว่าเมนบอร์ดตัวใหม่นี้ สามารถอัปแรมได้ถึง 4 GB เลยนะ เราก็มานึกๆ..อืม.. น้องใหม่มีแรมตั้ง 720  แต่พี่เก่ายังแค่ ห้าร้อยกว่า.. แล้วเวลาทำงาน (ทำเวบ) ก็รู้สึกเวลาเปิดโปรแกรมหลายตัว (โปรแกรมทำเวบ พร้อมๆกับโปรแกรมจัดการภาพ พวก ACDsee และโฟโต้ช้อบ สักพักเครื่องมักจะช้าและแฮงค์) และเพราะยังมีเงินเหลือในโควต้าที่เบิกมา จึงตัดสินใจบอกช่างงั้นขออัปแรมเพิ่มเป็น 1  GB ก็แล้วกัน

เมื่อวานนี้ช่างก็เอาแรมมาเพิ่มให้ ทดลองทำงานดู.. ก็คล่องตัวดีนะ  ความเร็วอาจจะไม่ได้รู้สึกอย่างชัดเจนนัก  แต่ก็รู้สึกได้ว่า เวลาเข้าไปใช้งานโปรแกรมกราฟิค ไม่ค่อยสะดุดเหมือนเมื่อก่อน

สรุปว่า..รู้สึกพอใจนะ แม้ว่าโน๊ตบุ๊คที่ซื้อมาจะไม่ใช่ตัวที่เล็งไว้  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังมากนัก  จริงดั่งที่คิดได้ในตอนนั้นว่า เราใช้โน๊ตบุ๊คเป็นออปชั่นเสริม เมื่อต้องหิ้วไปทำงานนอกห้อง ไม่ก็ตอนที่เครื่อง PC มีปัญหาเท่านั้น แต่โดยปกติเราจะใช้งานเครื่อง PC มากกว่า เพราะพิมพ์ง่าย ใช้คล่องสะดวกมือกว่า ดังนั้นหากจะทุ่มลงทุน ก็ควรจะทุ่มกับเครื่อง PC ไม่ใช่โน๊ตบุ๊ค

พอเราไม่ได้โลภกับเครื่องที่มันหรู สุดสวย ดูโก้ แต่มามองตรงคุณค่าประโยชน์ใช้งานความคงทนของมัน เราก็จะมีเงินเหลืออีกจำนวนหนึ่ง  ที่สามารถเอาไปซื้อของเพิ่มอีกหลายชิ้น ถ้าเราเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อเครื่องที่เราอยากได้ เราก็คงได้มันมาเพียงเครื่องเดียว แต่พอเราตัดใจลงได้..ไม่เอากิเลสมาอยู่เหนือเหตุผล เราก็สามรถใช้ประโยชน์กับเงินก้อนนั้นคุ้มขึ้น

หลังจากคอมเครื่องใหม่มา 2 เครื่อง ( PC ที่เอาไปอัป ตอนนั้นก็เหมือนเป็นเครื่องใหม่เลย) วันต่อมาก็จัดห้องใหม่  สร้างอะไรใหม่ๆให้กับชีวิต ไม่ให้มันจำเจ นำสิ่งใหม่ๆมาชะล้างความน่าเบื่อหน่ายของเรื่องราวในชีวิตประจำวันออกไป  ห้องสะอาดขึ้น คอมก็สะอาด วิ่งฉิวทำงานคล่องขึ้น..จิตใจก็รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่นขึ้น

เอาล่ะ.. นับ 1..2...3 แล้วก็เริ่มลุยงาน..ลุยไปหาความฝันต่อไปกันนะ

ยังมีเรื่องอีกมากมาย ให้เราต้องทำอีกเยอะเลย  ^_^

.....................

หมายเลขบันทึก: 49565เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2006 19:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

     อ่านแล้วได้ประสบการณ์ในการจัดการกับเครื่องมือเยอะมากครับ ประมาณว่ามันยุ่งยากจังเลยเดี่ยวนี้นะ ยิ่งทันสมัย มันก็ยิ่งมีตัวกวนเยอะ โทรจันมั่ง ไวรัสมั่ง เฮกเกอร์มั่ง การใช้ระบบรวมกันนี่ยุ่งจริง ๆ แต่ก็ผ่านมาได้นะครับ

คุณ K-jira  คะ  น่าสนใจมากเลยค่ะ  ครูอ้อยมีความรู้แค่หางอึ่ง  ต้องขอเป็นศิษย์คุณ k-jira  นะคะ

ขอบคุณค่ะ  สวัสดีค่ะ

  • รอ...ร้อ...รอ...จะอ่านบันทึกของน้องจูน
  • ดีใจด้วยกับ Notebook ตัวใหม่
  • พี่ก็ใช้เหมือนกัน สะดวกดี ตอนนี้ใช้โทรศัพท์มือถือ ต่อ GPRS กับ Notebook สะดวกทุกหนแห่ง สามารถต่อ Internet ได้ทุกที่ที่สัญญาณโทรศัพท์ไปถึง เหมาจ่าย 25 ชั่วโมง ในราคา 100 บาทต่อเดือนก็เหลือแหล่ค่ะ เพราะกลับเข้าบ้านก็ใช้ Net ที่บ้าน เข้าที่ทำงานก็ใช้ Wireless ของฟรี...ชีวิต Happy ค่ะ

 

  • คุณ K-jira ครับ ดีใจที่กลับมาครับ
  • ชอบอ่านเรื่องที่คุณเขียนมากครับผม
ในที่สุดเพื่อนรักก็กลับมา...
ทราบมั๊ยคะว่า...มีคนถามและคิดถึงคุณ  k-jira   กันหลายๆๆๆ คน   โดยเฉพาะคนพยาธิ
.
มีความรู้สึกเหมือนกันเลยค่ะว่า PC มันใช้คล่องมือกว่า    เราคุ้นกับ keyboard  แบบ PC มากกว่า   โดยเฉพาะเวลาพิมพ์ตัวเลข
.
รู้สึกอีกอย่างค่ะว่า   ชีวิตของคุณ k-jira  อยู่กับคอม ฯ    มีคอมเป็นเพื่อนร่วมห้อง    และตอนนี้ยังมีคอมเป็นเพื่อนติดตัวอีก....โห...

 


กลับมาคราวนี้.. นึกอยู่ตั้งนานเหมือนกันว่าลืมอะไร ที่แท้ก็ลืมเข้ามาตอบคอมเม้นต์บันทึกนี้ เพราะหลังจากเขียนเสร็จ พอจะเขียนตอบเนตก็มีอันเป็นไปเสียทุกที แล้วครั้นกลับมาอีกครั้ง..มันก็นานจนเบลอ เบลอจนลืม -_-

แม้ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานมาก แต่ก็ขอเขียนตอบหน่อยเถอะนะคะ เผื่อว่าท่านใดแวะเข้ามาอีกครั้ง.. จะได้รับทราบว่า ยังไม่ลืมกันจริงๆ ^_^


คุณชายขอบ.. ใช่แล้วค่ะ เข้าเนตเดี๋ยวนี้หน้ากลัว เวบแปลกๆหน้า แทบจะไม่กล้าคลิกเข้าไปเลย มีทั้งสคริปต์แปลกๆ บ้างก็มีไวรัสโจรทัน.. น่ากลัวค่ะ น่ากลัว -_-

คุณสิริพร กุ่ยกระโทก.. ครูอ้อยขา มิกล้าค่ะมิกล้า.. ขืนรับครูอ้อยเป็นศิษย์  แล้วครูอ้อยเรียก k-jira จาก "ซือแป๋" ลูกศิษย์ครูอ้อยก็ต้องเรียก k-jira ว่า อาจารย์ยาย สิคะ  k-jira ยังไม่อยากแก่ค่ะ  อิอิ (ล้อเล่นค่ะล้อเล่น)

คุณปวีณา... สวัสดีค่ะ  ดีใจจังที่มีคนรอ สนใจเรื่อง การใช้โทรศัพท์มือถือ ต่อ GPRS กับ Notebook เหมาจ่าย 25 ชั่วโมง ในราคา 100 บาทต่อเดือน เหมือนกันค่ะ  ไม่ทราบทำอย่างไรเหรอคะ  จะแวะเข้ามาอีกไหมคะ อยากรู้จัง T_T

คุณขจิต ฝอยทอง ...ดีใจที่ชอบค่ะ คิดถึงคุณขจิต ฝอยทอง เช่นกันค่ะ

คุณ nidnoi... สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะ  รู้สึกดีจัง ที่มีคนถามถึง เงียบหายไปนานคิดว่าถูกลืมเสียแล้วเหมือนกัน  ช่วงนี้เข้าอบรม KM ที่คณะฯจัดหลายครั้ง  มีบางครั้งนั่งทานของว่างร่วมโต๊ะกับคนที่รู้สึกหน้าคุ้นๆ แม้ทำงานใน รพ.เดียวกัน แต่ไม่รู้จักกันเลย เคยคิดนะว่า.. เอ จะใช่คุณ nidnoi รึเปล่าน้า

 

 

 

เฮ่อ... กว่าจะโพสต์คอมเม้นต์ได้ มันแฮ้งค์ไปตั้ง 4-5 ครั้ง ใช้เวลาเป็น ชั่วโมง แต่ความนี้ไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ต้องโพสต์ตอบให้ได้

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น (ครูบอก)

อิอิ.. สำเร็จจนได้ ^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท