"ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อยๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ "
ที่มา : e-mail จากเพื่อนผู้หวังดีครับ
สรุปแล้วคนแรกนั่นแหละคือตัวเราไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตัวเราจะรู้ดีที่สุดไม่ว่าชั่วหรือดีและสิ่งที่สำคัญที่สุดความจริงก็คือความจริงสุดสิ่งในดลกนี้อยู่ที่ใจตนเองนั่นแหละสำคัญที่สุด จริงไหมครับอาจารย์
ขอบคุณอาจารย์ Handy มากค่ะ
นำเรื่องดี ๆ มาแบ่งปันกัน ทำให้ได้แง่คิดของการใช้ชีวิตที่ดีคะ ขอบคุณมากนะค่ะ
เมื่อวันนี้นี่เอง มีคนใกล้ชิดคนหนึ่ง เธอเป็นอาจารย์ และเธอเป็นคนบ้างาน เธอไม่ชอบนินทาใคร ฉะนั้นหน้าที่การงานเธอเลยกระเตื้องขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเพื่อไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม
แค่ไม่ยอมรับยังไม่พอ ยังกระแนะกระแหน ว่าเธอได้ดีแล้วลืมเพื่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามทำดีกับเพื่อนแต่เพื่อนไม่ไยดี
ผมก็ให้คำปรึกษาทำนองว่า หากเราคิดว่าเราทำดี ทำเพื่อองค์กร คนที่ตัดสินผลงานก็คือหัวหน้าเรา เขาเป็นหัวหน้าเขาย่อมมีวิสัยทัศน์มากกว่า ที่เขาเลื่อนตำแหน่งให้เราก็เพราะเขาเห็นความสามารถเรา
ทีนี้เมื่อเรารู้ว่าเราทำถูกต้อง จะไปสนใจใครหน้าไหน ถ้าเพื่อนคนอื่นๆ มัวแต่นั่งนินทากัน เบียดบังงบประมาณของรัฐที่ได้มาจากภาษีประชาชน เขาไม่คบก็อย่าไปคบ ระหว่างคนกับธรรมถ้าต้องเลือกก็ต้องเลือกธรรม (แต่ก็ไม่อยากให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) หากมัวแต่ตามใจคนอื่นก็ตามใจกันตาย เพราะคนเราเปลี่ยนใจได้ทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง ใครจะไปตามใจไหว แล้วมีกันตั้งหลายคน
พวกทีี่เกาะกลุ่มนินทาคนอื่นเวลาว่างนั้น พวกนี้เป็นคนอ่อนแอ ควรสงสารเขา
อะไรทำนองนี้ครับ
ขอบคุณสำหรับนิทานดีๆ ครับ พี่บ่าว
เป็นเรื่องราวดีๆๆ ในแง่คิดได้ดีมากมายเลยค่ะ
ใช่ค่ะ คนสามคน
และ สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่เราเป็นอยู่
และ สำคัญกว่านั้น คือการยอมรับสิ่งที่เราเป็นอยู่
อย่างไร้เงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ที่ยาก เพราะ คนที่ หนึ่ง สิ่งที่เราอยากเป็นหลายครั้งแรงมากๆ จนเรารับสิ่งที่เราเป็นอยู่จริงไม่ค่อยได้
ขอบคุณอาจารย์ค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆๆให้แง่คิดดีๆๆค่ะ
ขอขอบคุณทุกท่านครับ
มัวแต่อยากเป็นอย่างโน้น อย่างนี้ ----- ลืมคิดถึงคนอื่น
มัวแต่กลัวคนโน้นคนนี้ว่า ----- ลืมตัวเราเอง
ไม่สนใจทั้งเขา และ เรา ------ นิพพาน (ทำได้ยากที่สุด)
ขอบคุณครับ ท่าน กุนซือรับจ้าง
อ่านครั้งแรก จาก หลวงตาโอ๋ ชอบ
อ่านครั้งที่สองจากหลวงตาแฮนดี้ ยิ่งเข้าใจ ลึกซึ้งขึ้น
ขอบคุณมากๆ นะคะ