เรื่องเล่าจากดงหลวง 131 ลุยไปข้างหน้า


สังคมเหมือนร่างแห เมื่อดึงส่วนกลาง ส่วนชายขอบก็ขยับไปด้วย เมื่อการลุยไปข้างหน้าเพื่อหาเงินตราให้มากที่สุด เข้ามาแทนที่มาตรฐานสังคมแบบเดิมๆ สังคมชายขอบก็ลุยไปข้างหน้าด้วย

ลุยไปข้างหน้า เพื่อนผู้บันทึกคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีสมัยที่แล้ว ทราบว่าตื่นเช้าขึ้นมาก็เปิด ทีวี สองเครื่อง วิทยุอีก และจะวางเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ไว้ตามจุดสำคัญต่างๆในบ้านเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารวันนี้ ยามที่เข้าห้องน้ำ ตาก็อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ หูก็ฟังรายงานข่าวเช้านี้  จะแต่งตัว จะกินข้าว หรือนั่งรถยนต์ไปทำงาน หูก็ฟังวิทยุหรือทีวีที่ติดรถยนต์ ตาก็อ่านหนังสือพิมพ์เรื่องราวที่สำคัญต่างๆ  บุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานเกี่ยวกับบ้านเมืองระดับสูง ต้องติดตามข่าวสารให้ปัจจุบันที่สุด ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคต  มิเช่นนั้นจะตกข่าวสาร 

ผู้บันทึกทราบว่านายธนาคารบางแห่งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งหมุนเวียนกันอ่านข่าวเศรษฐกิจจากหน้าหนังสือพิมพ์หรือวารสารที่สำคัญต่างๆทางด้านเศรษฐกิจแล้วสรุปเป็นเอกสารให้ทุกเช้าตรู่ เพื่อให้เช้าวันใหม่สามารถ ติดตามข่าวสารได้ทันต่อเวลา สถานการณ์ทุกวัน 

นอกจากนี้นักการเมือง นักบริหาร นักวิชาการยังต้องพยายามติดตามเรื่องราวในอนาคตอีกว่าจะไปไหน อย่างไร มีมาตราฐานอะไรใหม่ที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะนโยบายของสถาบันต่างๆ รัฐบาลต่างๆที่สำคัญในโลกนี้ 

นักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ต่างมุ่งทำกำไรสูงสุด ลดต้นทุนให้มากที่สุด และแข่งขันกับคู่แข่งให้ได้จึงต้องวิ่งไปข้างหน้ามากกว่าส่วนอื่นๆ ดังนั้นภาคธุรกิจจึงเป็นภาคที่ก้าวหน้ามากที่สุดในเรื่องราวของการนำวิชาการ เทคโนโลยี่ และการสร้างนวัตกรรมต่างๆออกมาเพื่อสร้างสรรคสิ่งใหม่ๆเสมอ แต่มีเป้าหมายเพื่อยกยอดการขายสินค้าให้ได้มากขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่า ภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญที่นำพาสังคมไปสู่อนาคต   

นี้คือ การลุยไปข้างหน้าซึ่งเป็นภาคที่มีอัตราความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เผลอเดี๋ยวเดียว ตกข่าวไปเสียแล้วหากไม่ติดตามข่าวสารดังกล่าว 

การลุยไปข้างหน้า ดังกล่าวนี้มีอิทธิพลที่สำคัญที่ทำให้เกิดการไหลตามกันไปซึ่งเรียกว่าลัทธิเลียนแบบ เอาแบบ เพราะมันแฝงมากับคำว่าทันสมัย ค่านิยม ความสะดวกสบาย มีหน้ามีตา อินเทรนด์ โดยเฉพาะคนที่รับสิ่งเหล่านี้ได้ไวที่สุดคือวัยรุ่น ที่เป็นวัยที่ไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก ความยับยั้งชั่งใจมีน้อยกว่า ความเป็นเหตุเป็นผลยังไม่รอบด้านหรือมีน้อย หรืออาจกล่าวว่าเป็นวัยที่ยังไม่ค่อยมีความรับผิดชอบอะไรมากในชีวิต จึงเป็นกลุ่มคนที่ลุยไปข้างหน้ามากที่สุดกลุ่มหนึ่ง 

น่าเสียดายที่ภาคธุรกิจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดนั้นได้สร้างสรรค์สีแห่งสังคมมากมาย และเข้าไปครอบสติสังคมอย่างแนบสนิท โดยเฉพาะวัยรุ่นให้ตกอยู่ในวาทกรรมของยุคสมัยดังกล่าว จนกลายเป็นสังคมบริโภคด้านเดียว แต่ขาดการผลิต  

สังคมเหมือนร่างแห เมื่อดึงส่วนกลาง ส่วนชายขอบก็ขยับไปด้วย เมื่อการลุยไปข้างหน้าเพื่อหาเงินตราให้มากที่สุด เข้ามาแทนที่มาตรฐานสังคมแบบเดิมๆ สังคมชายขอบก็ลุยไปข้างหน้าด้วย  จึงเกิดการเก็บดอกผักหวานป่ามาขายเพราะได้ราคาสูง มิใยจะคำนึงถึงการสูญพันธุ์ของผักหวานป่าในไม่กี่ปีข้างหน้า

ทุกป่าที่ผู้บันทึกสัมผัสมาเมื่อสำรวจสิ่งต่างๆที่ชาวบ้านเคยพึ่งพาอาศัยเพียงแค่บริโภคกันในครัวเรือน ในชุมชน แต่เมื่อธุรกิจเข้ามาให้ มูลค่า สิ่งเหล่านั้นขึ้นมา มูลค่าก็กลบเกลื่อน คุณค่า ลง สังคมที่สมานฉันท์ก็แตกร้าว ระบบนิเวศวัฒนธรรมก็แตกร้าวแล้วในที่สุดชีวิตก็แตกร้าว แม้จะมีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพราะ ชีวิตลุยไปเอามันมา  

ผู้บันทึกสนับสนุนการก้าวไปข้างหน้า แต่การก้าวไปนั้นต้องมีดุลยภาพของสรรพสิ่งด้วย มิเช่นนั้น สังคมชุมชนจะถูกกระฉาก ลากถูไป เพราะสังคมเมืองลุยไปข้างหน้าไกลเกินไปที่จะมองเห็นชุมชนเล็กๆที่ยังต้องออกจากบ้านเพื่อใช้เวลาทั้งวันนั่งจับปลาเพียงสองสามตัวเพื่อครอบครัวของเขา..

หมายเลขบันทึก: 112913เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2007 22:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะพี่บู๊ท

อย่างหนิงนี่ไม่มีใครลากเลยค่ะ  (ลากไม่ไหวด้วยมั้ง  อิอิ )  ขอเพียงส่ง Sig มาหนิงก็แจ้นไปแล้วค่ะ  ถ้าเรื่องที่สนใจเนอะ !!

สวัสดีน้องหนิงP 

  • แหมมาแต่เช้าเชียว ขยันจริงนะ
  • กลิ้งไปหนิง (เหมือนพี่เลย)
  • รอหนังสือเที่ยวเวียตนามนะ ทางร้านยังไม่ส่งมาให้พี่เลย

ลุยไปข้างหน้า.......

  • ถ้าเร็วเกินไป ก็ล้มง่ายๆ และเจ็บมาก
  • ถ้าเพื่อนร่วมสังคมตามไม่ทัน ก็โดดเดี่ยวตัวเอง
  • โอกาสที่จะ "ลืมตีน" ตัวเองโดยง่าย
  • ผมชอบเดินสบายๆ ใครจะว่าขี้เกียจ แต่มีความสุขครับที่ได้จูงเมียจูงลูก เดินทักทายเพื่อนบ้านด้วยรอยยิ้มไปด้วยกัน
  • การทำงานและการพัฒนาสังคมก็คงไม่ต่างกันนะครับ

สวัสดีครับน้อง P ยอดดอย

  • พี่เองก็คิดเช่นนั้น
  • พี่เห็น "การลุยไปข้างหน้า" อย่างเต็มที่ พบว่าคนคนนั้นต้องใช้เวลาเพื่อลุยมากจริงๆ มากเกินไป จนไม่มีเวลาสำหรับครอบครัว คนที่เป็นที่รัก และหน้าที่อื่นๆก็ด้อยลง  เพราะต้องทุ่มเทเวลาเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวัน
  • แล้วครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ หรืออยู่แบบมีปัญหาครับ
  • พอดี คือคำตอบ แต่มักไม่รู้ว่าพอดีอยู่ตรงไหน หรือทนไม่ได้ "ที่จะด้อยกว่าคนอื่น จึงต้องรู้เท่า หรือมากกว่าคนอื่น"..?? มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่งนะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท