ลุยไปข้างหน้า เพื่อนผู้บันทึกคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีสมัยที่แล้ว ทราบว่าตื่นเช้าขึ้นมาก็เปิด ทีวี สองเครื่อง วิทยุอีก และจะวางเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ไว้ตามจุดสำคัญต่างๆในบ้านเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารวันนี้ ยามที่เข้าห้องน้ำ ตาก็อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ หูก็ฟังรายงานข่าวเช้านี้ จะแต่งตัว จะกินข้าว หรือนั่งรถยนต์ไปทำงาน หูก็ฟังวิทยุหรือทีวีที่ติดรถยนต์ ตาก็อ่านหนังสือพิมพ์เรื่องราวที่สำคัญต่างๆ บุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานเกี่ยวกับบ้านเมืองระดับสูง ต้องติดตามข่าวสารให้ปัจจุบันที่สุด ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคต มิเช่นนั้นจะตกข่าวสาร
ผู้บันทึกทราบว่านายธนาคารบางแห่งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งหมุนเวียนกันอ่านข่าวเศรษฐกิจจากหน้าหนังสือพิมพ์หรือวารสารที่สำคัญต่างๆทางด้านเศรษฐกิจแล้วสรุปเป็นเอกสารให้ทุกเช้าตรู่ เพื่อให้เช้าวันใหม่สามารถ ติดตามข่าวสารได้ทันต่อเวลา สถานการณ์ทุกวัน
นอกจากนี้นักการเมือง นักบริหาร นักวิชาการยังต้องพยายามติดตามเรื่องราวในอนาคตอีกว่าจะไปไหน อย่างไร มีมาตราฐานอะไรใหม่ที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะนโยบายของสถาบันต่างๆ รัฐบาลต่างๆที่สำคัญในโลกนี้
นักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ต่างมุ่งทำกำไรสูงสุด ลดต้นทุนให้มากที่สุด และแข่งขันกับคู่แข่งให้ได้จึงต้องวิ่งไปข้างหน้ามากกว่าส่วนอื่นๆ ดังนั้นภาคธุรกิจจึงเป็นภาคที่ก้าวหน้ามากที่สุดในเรื่องราวของการนำวิชาการ เทคโนโลยี่ และการสร้างนวัตกรรมต่างๆออกมาเพื่อสร้างสรรคสิ่งใหม่ๆเสมอ แต่มีเป้าหมายเพื่อยกยอดการขายสินค้าให้ได้มากขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่า “ภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญที่นำพาสังคมไปสู่อนาคต”
นี้คือ “การลุยไปข้างหน้า” ซึ่งเป็นภาคที่มีอัตราความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เผลอเดี๋ยวเดียว ตกข่าวไปเสียแล้วหากไม่ติดตามข่าวสารดังกล่าว
“การลุยไปข้างหน้า” ดังกล่าวนี้มีอิทธิพลที่สำคัญที่ทำให้เกิดการไหลตามกันไปซึ่งเรียกว่าลัทธิเลียนแบบ เอาแบบ เพราะมันแฝงมากับคำว่าทันสมัย ค่านิยม ความสะดวกสบาย มีหน้ามีตา อินเทรนด์ โดยเฉพาะคนที่รับสิ่งเหล่านี้ได้ไวที่สุดคือวัยรุ่น ที่เป็นวัยที่ไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก ความยับยั้งชั่งใจมีน้อยกว่า ความเป็นเหตุเป็นผลยังไม่รอบด้านหรือมีน้อย หรืออาจกล่าวว่าเป็นวัยที่ยังไม่ค่อยมีความรับผิดชอบอะไรมากในชีวิต จึงเป็นกลุ่มคนที่ลุยไปข้างหน้ามากที่สุดกลุ่มหนึ่ง
น่าเสียดายที่ภาคธุรกิจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดนั้นได้สร้างสรรค์สีแห่งสังคมมากมาย และเข้าไปครอบสติสังคมอย่างแนบสนิท โดยเฉพาะวัยรุ่นให้ตกอยู่ในวาทกรรมของยุคสมัยดังกล่าว จนกลายเป็นสังคมบริโภคด้านเดียว แต่ขาดการผลิต
สังคมเหมือนร่างแห เมื่อดึงส่วนกลาง ส่วนชายขอบก็ขยับไปด้วย เมื่อการลุยไปข้างหน้าเพื่อหาเงินตราให้มากที่สุด เข้ามาแทนที่มาตรฐานสังคมแบบเดิมๆ สังคมชายขอบก็ลุยไปข้างหน้าด้วย จึงเกิดการเก็บดอกผักหวานป่ามาขายเพราะได้ราคาสูง มิใยจะคำนึงถึงการสูญพันธุ์ของผักหวานป่าในไม่กี่ปีข้างหน้า
ทุกป่าที่ผู้บันทึกสัมผัสมาเมื่อสำรวจสิ่งต่างๆที่ชาวบ้านเคยพึ่งพาอาศัยเพียงแค่บริโภคกันในครัวเรือน ในชุมชน แต่เมื่อธุรกิจเข้ามาให้ “มูลค่า” สิ่งเหล่านั้นขึ้นมา มูลค่าก็กลบเกลื่อน “คุณค่า” ลง สังคมที่สมานฉันท์ก็แตกร้าว ระบบนิเวศวัฒนธรรมก็แตกร้าวแล้วในที่สุดชีวิตก็แตกร้าว แม้จะมีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพราะ “ชีวิตลุยไปเอามันมา”
ผู้บันทึกสนับสนุนการก้าวไปข้างหน้า แต่การก้าวไปนั้นต้องมีดุลยภาพของสรรพสิ่งด้วย มิเช่นนั้น สังคมชุมชนจะถูกกระฉาก ลากถูไป เพราะสังคมเมืองลุยไปข้างหน้าไกลเกินไปที่จะมองเห็นชุมชนเล็กๆที่ยังต้องออกจากบ้านเพื่อใช้เวลาทั้งวันนั่งจับปลาเพียงสองสามตัวเพื่อครอบครัวของเขา..
สวัสดีค่ะพี่บู๊ท
อย่างหนิงนี่ไม่มีใครลากเลยค่ะ (ลากไม่ไหวด้วยมั้ง อิอิ ) ขอเพียงส่ง Sig มาหนิงก็แจ้นไปแล้วค่ะ ถ้าเรื่องที่สนใจเนอะ !!
สวัสดีน้องหนิง
ลุยไปข้างหน้า.......
สวัสดีครับน้อง ยอดดอย