ช่วงวันหยุดสงกรานต์
ผมได้มีโอกาสไปใช้บริการ "ขสมก.
พาเที่ยวไหว้พระ ๙ วัด"
โดยเขตการเดินรถที่ ๑ อู่บางเขน ครับ (หากท่านผู้อ่าน
อ่านแล้วต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อที่นี่นะครับ
http://www.tourthaivariety.com/index.php?
lay=show&ac=article&Id=163306 )
ที่อู่บางเขนนี้ เขามีบริการพาเที่ยวไหว้พระ ๙ วัด ทั้งหมด ๑๑ เส้นทาง รวมเป็น ๙๙ วัด และเร็วนี้จะเปิดเพิ่มอีก ๑ สาย เป็น ๑๐๘ วัด ครับ สนน ราคา มี ๒ ราคา เหมาจ่าย คือ สายสั้น ๒๗๙ บาท สายยาว ๓๕๙ บาท... นับเป็น Idea หารายได้ที่ดีมาก ของ ขสมก. พอดีผมไปค้นข้อมูลมา (Update มีนาคม ๒๕๕๐) ทราบว่า โครงการนี้ฯ (พาเที่ยวไหว้พระ ๙ วัด) มีคนให้ความสนใจมาก เป็นโครงการที่ทำกำไรให้ ขสมก. ปีละ ๑๐ ล้านบาทเลยทีเดียว.. ครับ
เราได้ซื้อทัวร์สาย "ไหว้พระ ๙ วัด ใน กทม." ครับ ไม่ต้องจองตั๋ว แต่ให้ไปเข้าคิวซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ที่อู่บางเขนครับ (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์) มีให้เลือก ๑๑ เส้นทาง ของเราได้ใช้บริการของรถเมล์ปอ. (ปรับอากาศ) สาย 522 ครับ
ป้ายที่ติดข้างรถ ขสมก. เที่ยวไทยไหว้ (รีบพิมพ์ไปหน่อย) พระ 9 วัด |
ที่น่าประทับใจคือ ผอ.เขตการเดินรถที่ ๑ ลงทุนมาประชาสัมพันธ์โครงการด้วยตัวเอง พร้อมแจกพระให้ผู้โดยสารทุกคน คนละ ๑ องค์ ด้วยครับ.
ท่านผอ.เขตการเดินรถ นำพระมาแจก |
สำหรับเรื่องเล่านั้น จะเลือกวัดที่ไปไหว้พระเป็นมูลเหตุ และค้นประวัติสั้นๆ พร้อมภาพถ่ายประกอบ มานำเสนอให้ผู้อ่านได้ติดตามนะครับ
เริ่มทัวร์กันเลยครับ
วัดที่ ๑ : วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บางเขนครับ เป็นวัดที่ไม่ค่อยดังเท่าไร แต่คนในกรุงเทพฯ รู้จักกันดี เพราะมีงานศพบ่อย มีงานศพทีไรรถติดทุกที... ที่นี่มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ครับ ถ้ามาวัดนี้ต้องไหว้พระบรมสารีริกธาตุ
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วัดที่ ๒ : วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ “สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์” ทรงออกแบบ เพื่อสร้างแทนวัดเดิม จากนั้นโปรดพระราชทานชื่อว่า “วัดเบญจมบพิตร” ซึ่งแปลว่า “วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๕” พระอุโบสถ ถือเป็น “สถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบของศิลปะไทย” สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี เป็นทรงจัตุรมุข หลังคาซ้อน ๔ ชั้น มีพระระเบียงรอบด้านหลัง ภายใน ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระประธานในพระอุโบสถ ใต้รัตนบัลลังก์บรรจุพระสรีรางคารรัชกาลที่ ๕
9 โมงเศษ ที่วัดเบญจมบพิตร กำลังมีการนำนาคเข้าโบสถ์อยู่พอดีเลย จึงถายภาพมาให้ชมกัน พระอุโบสถเป็นทรงจตุรมุข
ที่ประชุมสงฆ์กำลังนั่งหัตถบาท ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นประธาน
ศาลาร้อยปี ด้านหลังวัดเบญจมบพิตร
ภาพลายแกะสลักที่บานประตูด้านข้างของวัด
วัดที่ ๓ : วัดราชนัดดาราม วรวิหาร
เป็นวัดสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อยู่ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ.. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างบนสวนผลไม้เก่าเนื้อที่ประมาณ ๒๕ ไร่ เพื่อพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี (ซึ่งภายหลังเป็นพระมเหสีในรัชกาลที่ ๔) เสด็จวางศิลาฤกษ์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๙
ยอดโลหะปราสาท บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ยอดโลหะปราสาท (องค์เล็ก)
พระประธานหล่อด้วยทองแดง รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามว่า “พระเสฏฐตมุนี”
ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
วัดที่ ๔ : วัดเทพธิดาราม วรวิหาร
ตั้งอยู่ริมถนนมหาไชยใกล้วัดราชนัดดา หันหน้าออกสู่คลองรอบกรุง หรือ กำแพงพระนครด้านทิศตะวันออกในสมัยก่อน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดเทพธิดาราม เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ และสร้างเสร็จ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๒ คำว่า เทพธิดา หมายถึง กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ หรือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองศ์เจ้าวิลาส พระราชธิดาองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ ๓ ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงาม ทรงได้รับใช้เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของพระราชบิดา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อร่วมในการก่อสร้างวัดเทพธิดารามด้วย
วัดเทพธิดารามมีสถาปัตยกรรมเป็นแบบจีน ในวัดมีตุ๊กตาจีนจำหลักทั้งรูปสัตว์และรูปคน
พระอุโบสถ เป็นศิลปะสมัยรัชกาลที่ 3 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะจีน หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกาและหางหงส์ หน้าบันประดับเครื่องกระเบื้องจีน ภายในมี “พระพุทธเทววิลาศหรือหลวงพ่อขาว” ประดิษฐานเป็นพระประธาน
สุนทรภู่เคยมาจำพรรษาที่นี่ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๘ - ๒๓๘๕ และได้เขียนบทกลอนเรื่องรำพันพิลาปขึ้น มีบทพรรณนาลักษณะปูชนียสถานปูชนียวัตถุของวัดอย่างละเอียด บรรยายถึงความงามของพระอารามไว้ และเรียกว่า "กุฏิสุนทรภู่" มีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงกวีเอกผู้นี้ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน เป็นประจำทุกปี
วัดเทพธิดาราม ถ่ายจากโลหะปราสาท
“พระพุทธเทววิลาศหรือหลวงพ่อขาว” ประดิษฐานเป็นพระประธาน
พระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมรูปหล่อ ของรัชกาลที่ ๓ ผู้สร้างวัด ภายในอุโบสถ
เจดีย์ย่อมุม ในวัดเทพธิดาราม
ตุ๊กตาจีน มีมากมายภายในวัดเทพธิดาราม เป็นตุ๊กตาที่ถ่วงใต้ท้องเรือขากลับจากค้าขายกับจีน
หมายเหตุ บันทึกนี้ต้องขอขอบคุณ Sponsor และผู้ร่วมเดินทางไปด้วย ที่ขณะนี้เดินทางขึ้นไปทางเหนือครับ