http://www.gotoknow.org/posts/510669
ที่เห็น ๆ ก็ มีที่
ป.ตรี เอกปฐมวัยที่รภ.บ้านสมเด็จฯ กทม.
การศึกษาปฐมวัย รภ.สวนดุสิต เอกปฐมวัยคบ. กทม. (อันนี้เป็นโครงการร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ต้องรอจังหวะที่เปิด ก็ใช้สิทธิพนักงานส่วนท้องถิ่นหรือลูกจ้าง ขอทุนสมัครเรียน
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี 41 หมู่ 5 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
นอกจากนี้ คิดว่าที่ รภ.ต่าง ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน รู้สึกว่าจะมีภาคพิเศษ เสาร์อาทิตย์ด้วย ลองสอบถามดูตาม ม.ราชภัฏต่าง ๆ ทั่วประเทศ
เพราะ คบ.สาขาเอกปฐมวัย หายาก ปัจจุบันทราบว่าเป็นที่น่าสนใจของนักศึกษา
http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/519879
กรณีของคุณหนูรี น่าจะเป็น "กรณีที่มีรายการบุคคลที่มิชอบ" เพราะไปใช้รายการบุคคลของคนอื่น หากเป็นกรณีเช่นนี้ เมื่อมีการขอเพิ่มชื่อใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว ก็จะต้องกำหนดเลขประจำตัวประชาชนใหม่ (เลขใหม่)
การได้สัญชาติไทยของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย
http://www.gotoknow.org/posts/510683
การพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติเด็กในสภาพแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสาซึ่งถูกทอดทิ้ง
http://www.gotoknow.org/posts/517590
การให้สัญชาติไทย และการให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่กลุ่มเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553
http://www.gotoknow.org/posts/510669
http://www.gotoknow.org/posts/517451
"มีสัญชาติไทยโดยการเกิด" หมายถึงเกิดในประเทศไทย หรือ เกิดโดยที่มีบิดามารดา หรือ บิดา หรือมารดา มีสัญชาติไทย
กรณี "แปลงสัญชาติเป็นไทย" ถือว่ามิได้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
กรณีมีนามสกุล "แซ่" เพียงดูแค่นามสกุล คงไม่ได้ ต้องดูว่า ไม่ได้แปลงสัญชาติใช่หรือไม่ หากเป็นการแปลงสัญชาติ ตาม พรบ.สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ถือว่า มิได้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
++++++++++++++++++++++++++++++++++
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช ๒๔๕๗
มาตรา ๑๒ ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันรับเลือก
(๓) มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นประจำและมีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรในหมู่บ้านนั้นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีจนถึงวันเลือกและเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นหลักฐาน
(๔) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(๕) ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(๖) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ ติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
(๗) ไม่เป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือของรัฐวิสาหกิจ หรือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือลูกจ้างของส่วนราชการ หรือลูกจ้างของเอกชนซึ่งมีหน้าที่ทำงานประจำ
(๘) ไม่เป็นผู้มีอิทธิพลหรือเสียชื่อในทางพาลหรือทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม
(๙) ไม่เป็นผู้เคยถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทุจริตต่อหน้าที่ และยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก
(มาตรา ๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒)
http://www.gotoknow.org/posts/510669
ลองศึกษาดูข้อเขียนในโกทูโนว ขณะนี้สำนักทะเบียนทุกแห่งในราชอาณาจักรกำลังรับคำร้องกลุ่มบุคคลเป้าหมายอยู่ ให้ดูว่าคุณอยู่กลุ่มไหน ในจำนวน ๔ กลุ่ม
ข้อมูลคุณมีไม่เพียงพอ เดาว่าคุณน่าจะอยู่ในกลุ่มที่ ๒ (บุคคลเลข ๐) ดูใน
"การให้สัญชาติไทย และการให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่กลุ่มเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553"
http://www.gotoknow.org/posts/510669
หากมีพยานบุคคลแน่หนาว่า บุพการี (บิดาหรือมารดา) มีสัญชาติไทย และมีพยานบุคคลอื่นที่เป็นญาติใกล้ชิดยืนยัน ก็ใช้วิธีที่หนึ่ง เมื่อคุณอายุ ๒๐ ปี ในอีกไม่เกิน ๖ เดือนนี้ โดยขอเพิ่มชื่อ ตามระเบียบ สทร.ฯ ข้อ ๙๗ (ได้รหัสบุคคลประเภท ๕) โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา ตามข้อ ๕๗ (ได้รหัสบุคคลประเภท ๒) เพราะอายุคุณเกินกว่า ๗ ปี และหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ มิใช่ตัวจริง โดยใช้สำเนาหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ ของ รพ.เป็นเอกสารประกอบ โดยมีพยานบุคคลยืนยันว่าได้เกิดที่ รพ.จริง เช่น ผู้รู้เห็นการเกิด พร้อมพยานบุคคลแวดล้อมอื่น และพยานบุคคลผู้มีฐานะมั่นคง ตามที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (ทางที่ดีให้ถาม จนท.ทะเบียนฯ ก่อน หากจะใช้วิธีการเพิ่มชื่อด้วยวิธีนี้ เพราะอาจติดขัดด้วยพยานบุคคลที่ไม่มียืนยัน)
กรณีที่สอง ขอลงรายการสัญชาติไทย ตามมาตรา ๒๓ แห่งพรบ.สัญชาติ ฉบับที่ ๔ พ.ศ.๒๕๕๑ กรณีนี้เพียงแต่มีพยานบุคคลยืนยันว่าเกิดในประเทศไทย ก็น่าจะเพียงพอแล้ว โดยมีสำเนาหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ ประกอบ โดยมีพยานบุคคลยืนยันว่าได้เกิดที่ รพ.จริง ซึ่งขณะนี้สำนักทะเบียนฯ กำลังประชาสัมพันธ์ ให้กลุ่มบุคคลเป้าหมายไปยื่นคำร้อง กรณีของคุณเอกณรงค์อายุยังไม่ครบ ๒๐ ปี คงต้องให้เจ้าบ้านที่เราจะขอเพิ่มชื่อไปยื่นคำร้องให้ หรือรออีก ๖ เดือน อายุครบ ๒๐ ปี ก็ไปยื่นคำร้องเอง
อย่าลืมก่อนไปยื่นคำร้องควรปรึกษากับทีมทนาย ทีมนักกฎหมาย เพื่อเตรียมชี้แจงให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อความเรียบร้อย ไม่ติดขัดด้วยระเบียบ และทางปฏิบัติ
ยังไง ๆ เมื่อไปยื่นคำร้องแล้ว จนท.เขาต้องแจ้งผลการดำเนินการให้เราทราบภายใน ๙๐ วัน (ห้ามเกิน เพราะหากเกิน ๙๐ วัน ผู้ร้องก็จะโต้แย้งสิทธิทางศาลปกครองได้ ด้วยเหตุล่าช้า)
ให้สามีลาวขอสัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย
มีข้อแนะนำเบื้องต้น
๑. ให้สามีไปทำหนังสือเดินทางไว้ (passport ของลาว) และของคุณก็ควรมีหนังสือเดินทาง (passport ของไทย) ไว้เช่นเดียวกับสามี (เผื่อเดินทางเข้าออกไทย-ลาว)
๒. ให้ไปจดทะเบียนสมรสกับสามีลาวที่สำนักทะเบียนอำเภอ หรือที่สถานทูตไทยในลาว (จะสะดวกกว่า) โดยสามีลาวต้องไปทำหนังสือรับรองว่ายังไม่มีคู่สมรสจากทางการลาว พร้อมคำแปลภาษาไทย เพื่อนำมาแสดงต่อหน้านายทะเบียนสมรสไทย (นายอำเภอ หรือ สถานทูต)
เพื่อนผู้เขียนกลับกันกับคุณ คือ เขาไปมีภรรยาที่ฝั่งลาว และมีบุตรด้วยกัน และประกอบอาชีพที่ฝั่งลาว วันดีคืนดีก็พาภรรยาลาวมาจดทะเบียนสมรสที่ฝั่งไทย
ต้นฉบับ ท.ร.๑/๑ ลองไปขอค้นดูที่ ร.พ. แล้วให้ รพ.รับรองสำเนา
แต่ จะยากสักหน่อย เพราะหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ของ รพ. เขาจะโละทิ้งทีละ ๕ ปี (ปกติเอกสารตามระเบียบสารบรรณจะเก็บไว้ ๑๐ ปี ยกเว้นเอกสารประวัติศาสตร์ เอกสารหนังสือสำคัญ ต้องเก็บไว้ตลอดไป)
ลองเข้าไปดูข้อเขียนใน
http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/512480
ดูวิธีแรก ขอเพิ่มชื่อบุคคลสัญชาติไทย กรณีไม่มีเอกสาร ตามระเบียบ สทร. ข้อ ๙๗ จะดูดีกว่า แต่ก็ไม่ง่ายนัก ข้อแนะนำเบื้องต้น พอสังเขปมีดังนี้
๑. รออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ (๑๙ มิย.๕๖)
๒. เตรียมเอกสาร หนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑ , บัตรบุคคเลข ๐, ใบรบ.โรงเรียน (ใบสุทธิ,ใบประกาศนียบัตร ม.๖) ,ทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๔) ฉบับที่จะเพิ่มชื่อ
๓. เตรียมพยานบุคคล อันนี้หนักหน่อย เพราะเหตุเกิดนาน ๑๙- ๒๐ ปีแล้ว ได้แก่
๓.๑ ญาติใกล้ชิดที่มีสัญชาติไทย เช่น บิดา, มารดา , พี่น้องร่วมบิดามารดา , ลุงป้าน้าอา (เน้นว่าบุคคลเหล่านี้ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย) ได้พยานบุคคลประเภทนี้มากเท่าไหร่ยิ่งดีมาก
๓.๒ พยานบุคคลที่รู้เห็นการเกิด หรือ เห็นเรามาตั้งแต่เด็กแรกเกิดเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเจ้าบ้านที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๔) ฉบับที่เราจะขอเพิ่มชื่อ ขอสัก ๒ - ๓ คนยิ่งดี
๓.๓ พยานผู้มีฐานะมั่นคง ได้แก่ ข้าราชการ หรือ ประธานชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่รู้จัดตัวเราเป็นอย่างดี โดยเฉพาะครูอาจารย์ที่เคยสอนเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ก็อย่าลืมวิธีที่สอง กรณีีที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า "มารดาหรือบิดา" มีสัญชาติไทย ก็ให้นึกถึงวิธีที่สองทันที เพราะคุณเอกณรงค์เกิดในประเทศไทย (ตามหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑) ไม่ว่าบิดามารดาจะเป็นใครก็ตาม ย่อมได้สัญชาติไทย ตาม พรบ.สัญชาติ ฉบับที่ ๔ พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งจะมีผลให้ได้สัญชาติไทยตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เป็นต้นไป
===============================
ตามข้อมูล คุณเอกณรงค์ หากข้อเท็จจริงมีว่า "มีมารดาที่มีสัญชาติไทย" คุณเอกณรงค์ ย่อมได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ (ตามหลักสายโลหิต) แต่ปรากฏว่าคุณเอกณรงค์เป็น "บุคคลเลข ๐" (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน)
ปัญหามีว่าคุณเอกณรงค์จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้มีรายการในทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๔) ว่าเป็นบุคคลที่มี "สัญชาติไทย" เพราะยังเป็นผู้เยาว์ (อายุ ๑๙ ปี) หากพ้นวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖ คุณเอกณรงค์ก็จะบรรลุนิติภาวะ กระทำการขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านได้เอง
(๑) กรณีแรก ดำเนินการตาม พรบ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.๒๕๓๔
(๑.๑) ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางฯ พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๕๗ กรณีแจ้งการเกิดเกินกำหนดเวลาของบุคคลสัญชาติไทย การสอบสวนเจ้าบ้าน บิดา มารดา ผู้รู้เห็นการเกิด และพยานบุคคลผู้มีฐานะมั่นคง แล้วเสนอนายอำเภอท้องที่อนุมัติ (แต่กรณีเด็กอายุไม่เกิน ๗ ปีบริบูรณ์นับแต่วันยื่นคำร้อง ให้นายทะเบียนฯเป็นผู้อนุญาตแทนนายอำเภอ)
(๑.๒) ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางฯ พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๙๗ กรณีบุคคลสัญชาติไทยขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านโดยไม่มีเอกสาร โดยคุณเอกณรงค์ยื่นคำร้องด้วยตัวเอง เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ สอบสวนคล้าย ๆ กับข้อ ๑.๑ เสนอนายอำเภอท้องที่ที่มีภูมิลำเนาอยู่เป็นผู้อนุมัติเพิ่มชื่อ
(๒) กรณีที่สอง กรณีนี้ลำบากในการพิจารณามาก แต่ง่ายสำหรับ จนท.ที่ขี้เกียจวินิจฉัย และขี้เกียจหาพยานหลักฐาน โดย จนท.จะแนะนำให้ดำเนินการขอลงสัญชาติไทยสำหรับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งดูจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ที่คนไทยแท้ ๆ ถูกผลักไสให้ไปลงสัญชาติไทย ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นช่องทางที่ไม่ถูกต้อง ตาม พรบ.สัญชาติฯ ฉบับที่ ๔ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๒๓ ซึ่งวิธีนี้เป็นการปัดความรับผิดชอบเรื่องการพิสูจน์สัญชาติของมารดา โดยผลักไสให้ "คนไทย" ต้องตกอยู่ในสถานะของ "คนต่างด้าวไร้รัฐไร้สัญชาติ"
ลองอ่านศึกษาดูบทความต่าง ๆ ให้มาก ๆ เพื่อดูช่องทาง สำหรับผู้เขียนในข้อกฎหมายพอมีบ้าง แต่จะถนัดประสบการณ์มากกว่า เพราะสัญชาติ เป็นเรื่องซับซ้อน มีข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์ สอบสวนมาก และเกี่ยวกับกฎหมายหลักอยู่ ๒ - ๓ ตัว คือ พรบ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.๒๕๓๔, พรบ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘, พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ (นอกจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑)
==============================
ลองศึกษาดูลิงค์ข้างล่าง
http://www.isab.go.th/dopa_isab/ebookFile/222/222.pdf
http://www.dopa.go.th/dopanew/doc/moi03091587.pdf
ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การสั่งให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไปและการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/177/50.PDF
ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานานตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/177/54.PDF
=================================
http://www.gotoknow.org/posts/510683
http://www.gotoknow.org/posts/510669
http://www.gotoknow.org/posts/510664
หนังสือกรมการปกครอง ที่ มท ๐๓๐๙.๑/ว ๕๕๒๗ ลง ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การขอลงรายการสัญชาติไทยตามมามตรา ๒๓ แห่ง พรบ.สัญชาติ ฉบับที่ ๔ พ.ศ.๒๕๕๑
http://118.174.31.136/STR/data_pdf/mt03091_v5527.pdf
การจัดการสถานะของบุคคล(๒)
http://www.gotoknow.org/posts/308475?
หนังสือรับกรองการเกิด
http://www.gotoknow.org/posts/308473?
http://www.gotoknow.org/posts/303612?
http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=450&d_id=449&page=2&start=1
“เรื่องเล่าว่าด้วยหนังสือรับรองการเกิด”
รากมีคุณสมบัติ
การปลูกหญ้าแฝก
1. ปลูกหญ้าแฝกขวางความลาดเทของพื้นที่
2. ปลูกแฝกในสวนผลไม้ หรือไม้ยืนต้น
3. ปลูกแฝกรอบสระน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ
ชื่อเรียก
หญ้าแฝก มีชื่อวิทยาศาสตร์ Vetiveria Zizanioides
ชื่อสามัญคือ Vetiver Grass
เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่อยู่ในตระกูลหญ้าเช่นเดียวกับ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย และตะไคร้
ชาวบ้านรู้จักหญ้าแฝกกันในชื่อ แฝกลุ่ม, แฝกดอน, แฝกหอม, ขนาก, แฝกท้องขาว, หญ้าคมบาง เป็นต้น
http://www.pttplc.com/TH/veltiver-grass-cultivation-project-knowledge.aspx
http://www.chaipat.or.th/chaipat_old/vetiver/vetiver_t.html
http://myleaf.igetweb.com/?mo=3&art=550446
http://nstda.or.th/rural/public/100%20articles-stkc/47.pdf
http://www.huaysaicenter.org/vetiver_grass.php
http://th.wikipedia.org/wiki/หญ้าแฝก
คำว่า "ผู้บริหารท้องถิ่น" หมายถึง "นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (นายก อปท. = นายก อบต., นายกเทศมนตรี, นายก อบจ., นายกเมืองพัทยา, ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร) มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
คำว่า "ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น" หมายถึง รองนายกฯ ,ที่ปรึกษานายกฯ ,และเลขานุการนายกฯ มาจากการแต่งตั้งของนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
การได้สัญชาติไทยของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย
http://118.174.31.136/data_pdf/km7_53.ppt
1. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 7(1)
2. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 7 ทวิ
3. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551มาตรา 23
4. ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ฯ พ.ศ.2543 มาตรา 7 (1) (2)
5. โดยการแปลงสัญชาติเป็นไทยหรือขอถือสัญชาติไทยตามสามี
แนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551
การยื่นคำขอแปลงสัญชาติตามสามี ตามมาตรา 9
(1) มีภูมิลำเนาในประเทศไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร.13)
(2) จดทะเบียนสมรสกับชายไทย ไม่น้อยกว่า 3 ปี ถ้ามีบุตรกับคู่สมรส ไม่น้อยกว่า 1 ปี (จดทะเบียนสมรส)
(3) มีอาชีพเป็นหลักฐานและมีรายได้ ดังนี้
1. กรณีคนต่างด้าวทั่วไป 20,000 บาท/เดือน
2. กรณีคนต่างด้าวที่เป็นชนกลุ่มน้อย 10,000 บาท/เดือน
(4) ตรวจสอบสภาพการสมรสและประวัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
1. ทะเบียนสมรส จากสำนักบริหารการทะเบียน
2. ประวัติอาชญากรรม กองทะเบียนประวัติอาชญากรรม
3. พฤติการณ์ทางการเมือง จากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล
4. ยาเสพติด จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
5. พฤติการณ์ความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
6. ตรวจสอบหมายจับ จากกองการต่างประเทศ สตช.
การยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ตามมาตรา 10
(1) บรรลุนิติภาวะแล้ว
(2) มีความประพฤติดีและผ่านตรวจสอบประวัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(3) มีอาชีพเป็นหลักฐานและมีรายได้ ดังนี้
1. กรณีคนต่างด้าวทั่วไป 80,000 บาท
2. กรณีคนต่างด้าวที่เป็นชนกลุ่มน้อย 40,000 บาท
กรณีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ ต้องถือต่างด้าวไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีรายได้ 20,000 บาท/เดือน
(4) กรณีที่ผู้ยื่นคำร้องมีความเกี่ยวพันธ์กับประเทศไทย
1. กรณีคนต่างด้าวทั่วไป 40,000 บาท
2. กรณีคนต่างด้าวที่เป็นชนกลุ่มน้อย 20,000 บาท
(5) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวและใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
การยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยและการสัมภาษณ์
กรุงเทพมหานคร
ชนกลุ่มน้อย - สำนักบริหารการทะเบียน
คนต่างด้าวทั่วไป – สันติบาล
การสัมภาษณ์ จากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
ต่างจังหวัด
ชนกลุ่มน้อย - อำเภอ
คนต่างด้าวทั่วไป – ภูธรจังหวัด
การสัมภาษณ์ จากคณะทำงานระดับจังหวัด
หากเรียนจบ ม.๖ (ม.ปลาย) เทียบเท่าวุฒิ ต้องเรียนต่อ ปวส. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง) อีก ๒ ปี ไม่ต้องเรียน ปวช. เพราะวุฒิต่ำกว่า ปวส.
แต่หากจะเรียนเพื่อเอาวุฒิ ปวช. ก็ได้ แต่ต้องไปเทียบเรียน รร.ที่เปิดสอน ปวช. ซึ่งจะเรียนเพิ่มต่อจากม.๖ อีกหน่อยแล้วแต่สาขาวิชาม.๖ที่เรียนมา
ทางที่ดีเมื่อจบ ม.๖ ก็ต่อ ปวส. จะดีกว่า
สรุป
การได้สัญชาติไทยของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย
1. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 7(1)
2. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 7 ทวิ
3. ตามผลของกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551มาตรา 23
4. ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ฯ พ.ศ.2543 มาตรา 7 (1) (2)
5. โดยการแปลงสัญชาติเป็นไทยหรือขอถือสัญชาติไทยตามสามี
คำถามไม่ชัดเจน
ที่ว่า "พ่อกับแม่ถือบัตรต่างด้าว" หมายถึง บัตรต่างด้าวแบบใด หากเป็นหนังสือสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (มีใบอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย) ถือว่าเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย
แต่ถ้าเป็นต่างด้าว บุคคลประเภท ๖ (ต่างด้าวที่เป็นผู้อพยพ ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้เข้าเมืองเพียงชั่วคราว และผู้ได้รับผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย) จะไม่ได้สัญชาติไทย แต่อาจขอสัญชาติไทยได้ตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคสอง
"ในกรณีที่เห็นสมควรรัฐมนตรีจะพิจารณาและสั่งเฉพาะรายให้บุคคลตามวรรคหนึ่งได้สัญชาติไทยก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด"
และมาตรา ๗ ทวิ วรรคสาม
"ให้ถือว่าผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เว้นแต่จะมีการสั่งเป็นอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น"
(มาตรา ๗ ทวิ เพิ่มโดย พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕)
มาตรา ๗ บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
(๑) ผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย
(๒) ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคหนึ่ง
(มาตรา ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕)
นอกจากนี้จะมีระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ.2535 และระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ.2543 และระเบียบฯ อื่นที่เกี่ยวข้อง และหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย และหนังสือสั่งการสำนักทะเบียนกลาง ฯลฯ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๒ ตอนที่ ๖๒ ฉบับพิเศษ หน้า ๑ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๐๘
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๓ หน้า ๓ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๔๒ หน้า ๙๔ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๕
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๓๙ ก หน้า ๒๔ – ๓๒ วันที่๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๕
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑ – ๔ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำฟ้องต่อศาลปกครองกลางกรณีขอสัญชาติไทยนายจอบิ 8 มีนาคม 2548
http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=127&d_id=127
พรบ.สัญชาติ๒๕๐๘มาตรา๗ทวิ
เมื่อ: มีนาคม 3, 2011, ๑๐:๒๘:๒๓ pm
เรื่องข่าวการอุ้มบุญว่าเด็กที่เกิดมาจะได้สัญชาติไทยเลยหรือเปล่า
http://www.innovaclub.net/SMF-Board/index.php?topic=16364.0
การได้สัญชาติไทยของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย
ลองติดตามดูบทความของ คุณพวงรัตน์ ปฐมสิริรักษ์
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507764
และอ.รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
ถ้าจะศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ (ม.๑) ในระบบการศึกษาปัจจุบัน ก็ต้องสำเร็จการศึกษาประถมศึกษา (ป.๖) เสียก่อน สำหรับคุณ จบป.๖ แล้ว สามารถเรียนต่อ ม.๑ ได้
"ชายบุคคลสัญชาติไทยทุกคน ต้องรับราชการทหาร (ต้องเกณฑ์ทหารทุกคน)"
ความรู้เกี่ยวกับการเข้ารับราชการทหาร
(พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ และกฎกระทรวงออกตามความใน พ.ร.บ. ฯพ.ศ.๒๔๙๘) ประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะชายที่มีสัญชาติไทย ต้องเข้ารับราชการทหารด้วยกันทุกคน แต่มีจำนวนมากยังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับหน้าที่การรับราชการทหารในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การขึ้นทะเบียนทหาร การรับหมายเกณฑ์ การเก็ณฑ์ทหาร รวมไปถึงการขอยกเว้น และการขอผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารกองประจำการ
ซึ่งก่อให้เกิดความสับสน ไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติตามหน้าที่ที่ถูกต้อง หรือได้รับคำชี้นำในการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จนกระทั่งต้องถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก ในข้อหาหลีกเลี่ยงขัดขื่นไม่ไปลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหาร) ไม่ไปรับหมายเรียก(หมายเกณฑ์) , หรือไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือก (เกณฑ์ทหาร) และ อื่น ๆ เป็นเหตุให้ต้องเสียทั้งเวลาและทรัพย์สินในการต่อสู้คดี
ดังนั้นเพื่อให้ชาวไทย ซึ่งเป็นทั้งนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้ทราบถึงหน้าที่และการปฏิบัติ เกี่ยวกับการรับราชการทหารได้ถูกต้องกองการสัสดี กรมเสมียนตรา จึงได้ทำคู่มือฉบับนี้ขึ้น เพื่อชี้แจงเน้นย้ำ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรับราชการทหาร เพื่อจะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดไว้ได้อย่างถูกต้อง และมีจิตสำนึกที่ดี พร้อมที่จะอุทิศแรงกายแรงใจ เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อรับใช้ประเทศชาติ ด้วยความเต็มใจสมกับเป็นชายชาติทหารอย่างแท้จริง
หวังว่าคู่มือสำหรับประชาชนเรื่องความรู้เกี่ยวกับ การรับราชการทหารฉบับนี้ คงเป็นประโยชน์แก่ท่านตามสมควร
http://www.mod.go.th/misc/officer1.htm
ลองไล่เรียงตามอายุ และระบบการศึกษาไทย
เกิด ๑๓ เมย.๒๔๙๔ อายุ ๗ ปี พ.ศ.๒๕๐๑ จบ ป.๔ พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้ใบสุทธิสำเร็จการศึกษาประถมศึกษา(ตอนต้น)
และหากเรียนต่อระดับสูงขึ้นในช่วงนั้น (พ.ศ.๒๕๐๕) ก็จะเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ ๑ (ม.๑) จบจบ ม. ๖(มัธยมศึกษาตอนต้น) หรือ ม.๘ (มัธยมศึกษาตอนปลาย)
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษา มีการเพิ่มชั้นเรียนประถมศึกษาตอนปลาย (ป.๕ - ป.๗) แล้วจึงจะต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ และ ๔-๕ (ม.ศ. ๑ - ๓ และ ม.ศ.๔-๕) ซึ่งเทียบเท่า ม.๖ และ ม.๘ เดิม
ต่อมาประมาณปีการศึกษา ๒๕๑๔ มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตร จากชั้นมัธยมศึกษา ม.ศ. เป็น ม. ฉะนั้นรุ่นนักเรียนปีการศึกษา ๒๕๑๘ จึงเป็นรุ่น ม.ศ. รุ่นสุดท้าย
สรุปของคุณ น่าจะได้วุฒิการศึกษาเพียงชั้นประโยคศึกษาประถมศึกษา(ตอนต้น) คือ ป.๔ เท่านั้น (สำเร็จการศึกษาตามเกณฑ์อายุ ๑๐ ปี ในพ.ศ. ๒๕๐๔) เพราะถ้าคุณได้ศึกษาต่อในช่วงนั้น จะเป็นชั้นมัธยมปีที่ ๑ - ๓ แต่ใบประกาศนียบัตร ออกให้ ปีพ.ศ.๒๕๐๗ ระบุว่าสำเร็จชั้น "ประถมศึกษา" (หมายถึงป.๔ เท่านั้น มิใช่ระบุว่าสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมแต่อย่างใด)
ฉะนั้น ถ้าจะศึกษาต่อในระบบการศึกษาปัจจุบัน ก็ต้องเรียนเทียบชั้นให้สำเร็จการศึกษาประถมศึกษา (ป.๖) เสียก่อน ยังเรียนต่อ ม.๑ ไม่ได้ ซึ่งสามารถเรียนเพื่อเทียบวุฒิการศึกษา ป.๖ ง่ายมาก โดยระบบการศึกษานอกโรงเรียน (ก.ศ.น.) ที่ใกล้บ้าน
ข้อแนะนำเบื้องต้น
๑. หาพยานเอกสารที่ราชการออกให้ และที่มีรูปถ่ายของตนเองประกอบไว้ เช่น ใบสุทธินักเรียน, ใบทรานสริปต์, หนังสือเดินทาง, ใบสำคัญทหารกองหนุน, ใบขับขี่รถยนต์-จักรยานยนต์,บัตรประจำตัวนักศึกษา เป็นต้น
๒. หาพยานบุคคลใกล้ชิด เช่น บิดามารดา หรือ บุคคลที่เชื่อถือได้ (เช่น ข้าราชการ,กำนัน,ผู้ใหญ่บ้านฯ) ไปรับรองตัวบุคคล เพื่อทำบัตร ณ สำนักทะเบียนอำเภอ, สำนักทะเบียนเขต หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลเมือง-เทศบาลนคร-เมืองพัทยา
๓. และหรือหาพยานเอกสารสำคัญของตนเอง เช่น สูติบัตร, ใบสำคัญทหารกองเกิน, ใบประกาศนียบัตรการศึกษา (ไม่มีรูป) ไว้ประกอบให้มากที่สุด กรณีตาม ข้อ ๑ ข้อ ๒ มีปัญหา