การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข
ในสังคมปัจจุบันนี้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology =IT) ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตของเราเป็นอย่างดี เช่น ด้านการศึกษา ด้านการทำงานต่างๆ และการติดต่อสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในหน่วยงานภาครัฐบาลและหน่วยงานภาคเอกชนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การที่จะพัฒนาเว็ปไซต์และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องใช้งบประมาณสูงและใช้เวลาในการเตรียมการนาน ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โครงการต่างๆ ก็ยังต้องชะลอตัว แต่การสร้างแผนงานและวิสัยทัศน์ที่ดีเกี่ยวกับการทำให้หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็สามารถปฏิบัติได้ สิ่งที่ควรตระหนักและสร้างความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ ข้อมูลที่เป็นความจริง ถูกต้อง แม่นยำ โปร่งใส และเป็นปัจจุบันที่สุด ซึ่งก็จะทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดจากการไปสนทนากับชาวต่างชาติ
วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆอีก 7 คน ก็ได้นัดหมายกันไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติ เวลา 18.00 น.ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษา โดยในงานนั้นจะมีงานปั้นและแกะสลักเทียนนานาชาติ ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 7 แล้ว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2555 ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงศิลปะการแกะสลักเทียนและวัฒนธรรมการแห่เทียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อที่จะได้เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่มีความงดงามล่ำค่าไว้สืบเนื่องต่อกันไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน เมื่อข้าพเจ้าได้รู้ว่าจะได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาตินี้ ข้าพเจ้าก็รู้สึกตื่นเต้นและตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นเยาวชนคนอุบลราชธานีมากขึ้น เพราะการทำกิจกรรมนี้ก็เท่ากับว่าเราต้องไปเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของเราด้วย ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ากดดันมากขึ้นเพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่ว่าในลึกๆของก้นบึ้งของหัวใจของข้าพเจ้าได้สั่งออกมาว่าจะต้องทำให้ได้ และต้องทำให้ได้ดีที่สุดด้วย เมื่อเป็นคำสั่งแล้วก็ทำให้ข้าพเจ้าต้องสู้ต่อไปเพื่อจะได้พบเจอกับความสำเร็จ พอถึง เวลา 18.00 น. พวกเราก็รวมตัวกันได้แล้วจากนั้นก็พากันเดินไปทักทายและสนทนากับชาวต่างชาติ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ เดินหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะสนทนาด้วยนั้น ก็มีอุปสรรคมากเหลือเกิน เพราะเดินไปหาใครก็บอกว่ารีบๆๆบ้าง ไม่สะดวกบ้าง และอื่นๆ อีกต่างนานา ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ก็ได้แต่น้อยใจ และคิดตั้งคำถามว่าเพราะอะไร ถึงได้มีอุปสรรคมากเหลือเกิน เพราะถามไปแล้ว 3-4 คน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถสนทนาได้เลย จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ก็ได้เจอกับชาวต่างชาติคนที่ 5 เธอเป็นผู้หญิง ที่น่ารักมากในสายตาของข้าพเจ้าและน่าจะเป็นคนใจดี ก็เลยคิดว่าคนนี้น่าจะสามารถสนทนากับกลุ่มของข้าพเจ้าได้ ก็เลยเดินไปหา ความรู้สึกตอนนั้นทั้งตื่นเต้นและเป็นกล้าๆกลัวๆ ที่จะสนทนากับเธอ "จะทำยังไงกันดีนะ" พูดกับเพื่อนๆ ข้าพเจ้าก็เลยตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปถามเธอ ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แล้วพอเดินไปถึงเห็นเธอยืนอยู่กับคนไทย ก็เลยเข้าไปพูดคุยกับคนไทยนั้นก่อน จากนั้นคนไทยคนนั้นก็ได้สนทนากับเธอ แล้วเธอก็เลยมองมาที่พวกเรา ต่อจากนั้นพวกเราจึงได้สนทนากับเธอ และได้ขออนุญาตในการสนทนาเธอ เธอก็อนุญาตให้สนทนากับเธอได้เป็นไปอย่างที่ข้าพเจ้าคิดไว้ไม่มีผิดว่าเธอจะเป็นคนที่ใจดี หลังจากนั้นข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ยิ่งพากันตื่นเต้นมากขึ้นกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้ได้อยู่และพูดคุยใกล้ๆกันกับชาวต่างชาติ บทสนทนาของกลุ่มพวกเราก็เป็นประโยคที่พื้นฐานทั่วไป เช่น
ขณะที่เราทำการสนทนานั้นก็ได้มีการบันทึกวิดีโอไว้ ความรู้สึกตอนที่บันทึกก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งของพวกเราที่มีความรู้สึกตื่นเต้น และกังวลมาก แต่ก็คิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าจะต้องทำให้ได้ หลังจากที่ทำการบันทึกวิดีโอเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ร่วมกันถ่ายภาพกับเธอคนนั้น ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมากอีกรูปหนึ่ง เพราะกว่าจะได้มาก็ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆมากมาย
หลังจากที่ได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติครั้งนี้ ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็ได้คำตอบที่น่าประทับใจมากจากเธอ คือ เธอชื่อ Diana. Washington-DC. America. เธอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เธอพักอยู่ที่อำนาจเจริญ และเธอบอกว่าเธอชอบศิลปะการแกะสลักเทียนและประเพณีการแห่เทียนของชาวจังหวัดอุบลราชธานีมาก เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ตระการตาและสวยงามมาก โดยการไปสนทนาครั้งนี้ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย และคนจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้เห็นประเพณีอันสวยงามและล่ำค่านี้ ซึ่งขณะนั้นก็ทำให้ข้าพเจ้าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี และจากที่ตื่นเต้นและกลัวๆนั้นก็หายไปหมดเลย ทำให้การสนทนาครั้งนี้ของกลุ่มข้าพเจ้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ ผศ. วิไล แพงศรี มากนะค่ะที่ได้ให้ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมดีดีนี้คะ
ข้อมูอภาพจาก @Chadarutalbum : Thursday 2th August 2012