ผมกำลังพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพื่อการปลดหนี้
ศูนย์อยู่ที่ 5 ตำบลของอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ที่กลุ่มพวกนักวิชาการกล่าวว่า
ผมคิดไม่ทันสมัย ใครๆ เขาก็พูดเรื่องความพอเพียงทั้งนั้น
ต้อง "เพื่อเศรษฐกิจพอเพียง" ซิจึงจะเท่ห์
แต่ผมกลับคิดว่าถ้าไม่เริ่มที่แผนปลดหนี้ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
แล้วจะพอเพียงได้ยังไง
ผมไม่เข้าใจครับ
ในที่สุดความแน่นอนบนความไม่แน่นอนก็เกิดขึ้นกับผม เมื่อคืนนี้ เวลา ๑๙.๐๐ น. เศษ ลูกชายคนเดียวของผมก็ต้องจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่เลือกว่าเป็นเพศใด สถานะใด ความตายก็เกิดขึ้นได้กับทุกคน ผมมีลูกคนเดียวความยากจนจึงทำให้ผมมีความคิดว่ามีลูกเพียงคนเดียวก็พอ เราไม่มีฐานะจะเลี้ยงดูให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ วันนี้จึงเป็นวันที่ผมต้องเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม ผมยืนดูจนถึงวาระสุดท้ายของลูกชายผม การตายเป็นการจากกันอย่างถาวรไม่อาจย้อนกลับมาพบกันได้อีก ความรักและความผูกพันเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ในใจของเราตลอดไป ลูกเอ๋ยไปสู่สุคติภพนะลูก สิ่งใดที่ลูกได้ทำไว้ในขณะที่ยังมีชีวิต ที่เป็นสิ่งไม่ดี พ่อคนนี้อโหสิกรรมทุกเรื่อง พ่อตั้งใจให้ลูกเกิดมาพ่อรักลูก พ่อคิดอยู่เสมอว่าพ่อต้องตายก่อน จึงจัดหา จัดเตรียมไว้เพื่อลูกในอนาคตจะได้มีความสุข ให้ต่างจากพ่อที่เกิดมาเป็นคนจน ต้องดิ้นรนแสวงหาด้วยตนเอง วันนี้พอจะมีให้ลูกใช้ได้ไปจนตายแต่ลูกกลับมาตายก่อนพ่อ พ่อคนนี้รักลูก
๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ วันนี้ครบ ๓๕ ปีของการรับราการของผม เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๐ ผมเดินทางลงเรือจากท่าเรือตลาดสดบางบัวทอง ไปโรงเรียนวัดเสนีวงศ์ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี พร้อมกับเพื่อนที่สอบบรรจุได้อีกสองคน คือคุณสมพงษ์ คชินทรานนท์ คนนี้อายุมากกว่าผม ๗ ปี อีกคนคือคุณวิโรจน์ ดีวุ่น (คนนี้เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน) เราลงเรือไปพร้อมกันในเรือมีครูอีกหลายคนทั้งที่ไปโรงเรียนวัดเสนีวงศ์ และโรงเรียนอื่นที่เรือผ่าน เตรียมอุปกรณ์เสื้อผ้ามาค้างเพื่อกลับเย็นวันศุกร์เพราะปกติจะไม่มีเรือกลับหลังจากโรงเรียนเลิก ครูใหญ่ นายไพโรจน์ บัวภิบาล ก็ปฐมนิเทศครูใหม่ทั้งสามคนให้เลือกสอนว่าจะสอนชั้นไหนผมถูกบังคับให้สอนชั้น ป.๑ ทั้งๆที่ผมมาจากโรงเรียนที่สอนชั้น มศ.๑-๓ ตกลงครับสอน ป.๑ก็สอน บ้านพักมีหลังเดียวที่เหลือเพื่อนสองคนเขาอยู่กันคนละห้องส่วนผมครูใหญ่ไปฝากไว้กับหลวงพ่อให้อาศัยนอนกุฏิพระที่ว่างไม่มีพระอยู่ ดีครับเช้าขึ้นเดินถือปิ่นโตตามพระไปบิณฑบาตร ได้รู้จักผู้ปกครอง แต่พระเดินเร็วจังเลย แถมเดินตามคันนาและท้องนา ตอข้าวแห้งๆตำเท้าเจ็บจังเลย วันนี้ ครบ ๓๕ ปีแล้วครับ ความรู้สึกต่างกับวันนั้นมากมายเพราะวันนั้คิดถึงวันนี้ ว่าตัวเราจะเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คืออีก ๓๕ ปี วันนี้เดินทางมาถึงแล้วครับ เหลืออีกเพียงสามเดือน กับอีก ๒๔ วัน ดีใจครับที่เดินมาจนสุดทาง ขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ถวายเทียนพรรษา
วันนี้ตอนเช้าผมรีบไปโรงพยาบาลปทุมธานี ตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปพบหมอคลีนนิก นอกเวลาเพราะมีอาการปวดหัวบริเวณท้ายทอยมาหลายวันได้แต่กินยาพาราเพื่อบรรเทาอาการปวด บางวันต้องกินครั้งละ ๒ เม็ด ถึงสามครังจึงบรรเทาได้ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ ๓๐ ก.ค. ปวดหัวอย่างที่อธิบายไว้ต้องกินยาพารา วันอังคารที่ ๓๑ ก.ค. มีเรื่องต้องตัดสินใจเด็ดขาดให้คนออกจากงานอีกทำให้ปวดหัวเพิ่มขึ้น ได้พบหมออธิบายให้หมอทราบถึงอาการ หมอท่านก็พูดคุยดีให้กำลังใจผม เรียกผมว่าพี่ทุกคำ ออกจากห้องตรวจลืมดูชื่อหมอ ขอชมเชยท่านไว้ตรงนี้นะครับ เสร็จจากโรงพยาบาลรีบกลับโรงเรียน เพราะจะต้องนำต้นเทียนไปถวายวัด ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลได้โทรศัพท์บอกกับผู้ช่วยสมเพชร ให้ดำเนินการถวายต้นเทียนที่วัดสำโรงไปก่อน เพราะผมคงเดินทางมาไม่ทันแน่ ผมเดินทางมาถึงวัดไทร เพื่อถวายต้นเทียนพรรษา ของคุณครูทุกท่านที่ร่วมถวายต้นเทียนที่วัดสำโรง และวัดไทร โดยเฉพาะคุณศิวพงษ์ รุจนพฤนท์ ที่ดูแลเอาใจใส่กำกับขบวนแห่ต้นเทียน เมื่อปีที่แล้วผมได้จัดให้มีพิธีหล่อเทียนในบริเวณโรงเรียน ก็ประสบความสำเร็จ นักเรียน ผู้ปกครอง ครู ร่วมกันหล่อเทียน เสร็จแล้วตกแต่งต้นเทียนนำไปถวายวัด ทุกคนก็ภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมทำต้นเทียนไปถวายวัด ครับอดีตที่ดีๆเราก็ควรจดจำไว้ และถ้ามีโอกาสทำให้ดีกว่าก็ควรจะทำ ผมเองเหลือเวลาอีกเพียง ๖๑ วันก็พ้นหน้าที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน เสียดายที่โอกาสจะทำเช่นนั้นมันไม่มีอีกแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่าก่อนที่จะเกษียณอายุราชการจะทำสิ่งดีๆไว้เป็นอนุสรณ์ งานต่อไปก็จะเป็น"วันแม่"