ในฐานะที่อาจารย์ป็อปมีประสบการณ์ทางจิตวิทยา โปรดช่วยแนะนำกิจกรรมกลุ่ม หรือเดี่ยว(รายบุคคล)
ผมกำลังออกแบบการเรียนการสอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตและงาน ซึ่งในคำอธิบายรายวิชามีคำว่า ให้นักศึกษารู้จักตนเองอย่างถ่องแท้อยู่ด้วย (ระยะเวลาเรียน ๑๖ สัปดาห์ครับ)
ผมได้ถามคำถามเดียวกันนี้กับคุณเบิร์ด(นักจิตวิทยา)และคุณหมอมาโนช(จิตแพทย์)ด้วยครับ ผมกำลังหา "how-to" เรื่องนี้ครับ กำลังรอคำตอบอยู่
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าครับ (แต่หากไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไรครับ)
ไม่มีความเห็น
ขอบคุณสำหรับคำถามครับอาจารย์สุรเชษฐ
คงต้องให้คำจำกัดความของ "รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้" ว่าครอบคลุมองค์ประกอบใดบ้าง ที่เป็นพื้นฐานทางจิตวิทยาและมีทฤษฎีใดที่รองรับการสร้างโปรแกรมทางกิจกรรมบำบัดทางจิตสังคม
เท่าที่ศึกษามา แม้แต่การจัดกิจกรรมบำบัดแบบเดี่ยวหรือกลุ่มในผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตสังคม เรายังไม่สามารถใช้โปรแกรมหรือทฤษฎีอันใดอันหนึ่งแก้ไขได้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่างๆของการพัฒนาตนเอง ในหัวข้อ self-efficacy, self-determination (competence, autonomouse, relatedness), self-regulation, self-actualization, intrinsic motivation, well-being satisfaction, occupational performance (psychosocial skills)
ดังนั้นผมคิดว่าอาจารย์คงต้องอธิบาย "รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้" ว่าจะเน้นพัฒนาตนเองด้านใด เมื่อทราบปัญหาของการรู้จักตนเองในกลุ่มคนที่ต้องการศึกษาแล้ว การสร้างโปรแกรมเฉพาะกลุ่มก็มีหลายกระบวนการ จนถึงการเลือกตัวดัชนีชี้วัดว่ากลุ่มคนดังกล่าวต้องใช้อะไรวัดจะได้รู้ว่าโปรแกรมที่ให้นั้นมีประสิทธิผลครับ
หากอาจารย์ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติม เชิญอีเมล์ได้ครับ
ผมมีตัวอย่างหนึ่งในการสร้างโปรแกรมเน้นเพิ่ม Self-efficacy ซึ่งเป็นหนึ่งในการรู้จักตนเองในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาโรคข้อครับ
คลิกที่ http://www.niams.nih.gov/hi/outreach/hppsummary.htm
ขอบคุณอาจารย์ป๊อบมากที่ถามปุ๊บตอบปั๊บทั้งทางอีเมล์และ G2K ผมขอแลกเปลี่ยนทาง g2k แล้วกันนะครับ เผื่อมีผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ หรือผู้สนใจเรื่องนี้ได้มีส่วนร่วมใส่ (input) ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ความเห็น ด้วย (ไม่มีก็ไม่เป็นไร เสวนากัน ๒ คน)
จุดมุ่งหมายของกิจกรรมที่ผมต้องการ คือ ให้นักศึกษา "เห็น" ภาพของตัวเองตามความเป็นจริง (ไม่บิดเบี้ยว เมื่อเริ่มต้นจากความเป็นจริงได้ก็สามารถกำหนดแนวทางพัฒนาตนเอง ด้วยตนเองได้ต่อไปถูกต้อง
บันทึก อ.อาลัม วันนี้เรื่อง ภาพนึกอย่าคิดว่าไม่สำคัญ ข้อความในบันทึกของท่านตอนหนึ่งโดนใจผมมาก และใช้ตอบคำถามอาจารย์ป๊อปได้เลยว่าผมต้องการอะไร ขออนุญาต quote ข้อความตอนนั้นมาดังนี้ครับ
"...หาก"ภาพนึก"ต่อตัวเราเองเป็นภาพนึกที่ี่"มองเห็นตัวเอง" อย่างที่มันเป็นอยู่จริง จะดีมากครับ เพราะจะทำให้เราพบและเห็น "จุดเด่น" และ "จุดด้อย" ของตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการ "พัฒนาตนเอง" ครับ ในทางตรงกันข้าม หากเรามีภาพนึกที่มองเห็นตนเอง บิดเบี้ยวไปจากที่มันเป็นอยู่จริงไม่ว่ามัน (ภาพนึกนั้น)จะโน้มไปในทางบวกหรือลบก็ตาม เราก็จะเสีย โอกาสสำหรับการพัฒนาตนเองไปอย่างน่าเสียดาย..."
หมายเหตุ - ที่ทำไฮไลท์สีแดงนั้น ผมทำเองครับ
ข้อความนี้อธิบายสิ่งที่ผมต้องการได้เลย ซึ่งผมได้ถามความเห็นท่านในบันทึกนั้นไป ๒ ข้อ คือ
ผมรู้ว่าการตอบคำถาม how-to ยากกว่า what เคยถามผู้ที่ปฏิบัติธรรมในวัดว่า ในคำสอนของพุทธศาสนามีอะไรที่พูดถึงประเภทคนบ้างหรือไม่ เขาบอกว่าน่าจะเป็น "จริต ๖" เขาเองก็อธิบายไม่ได้ ผมก็ยังไม่ได้ไปค้นคว้าต่อว่าหมายถึงอะไร
จะได้
ขอต่ออีกนิดครับ ยังพิมพ์ไม่ทันเสร็จ มันบันทึกเอง (ไม่ทราบว่า อ.จันทวรรณ ตั้งโปรแกรมจับเวลาให้บันทึกเองหรือผมไปกดโดนปุ่มอะไรเข้า)
ที่จะต่อที่คิดไว้แล้วอยากเขียนให้จบมีอีก ๒ จุด ครับคือ
ผมอยากจัดกิจกรรมให้นักศึกษามาถึงจุดที่แต่ละคนพบภาพจริงของตัวเอง (ซ้อนกับที่คนใกล้ชิดเห็นแล้วเป็นภาพเดียวกัน - เป็นภาพจริง หรือ "ความจริง" ที่ไม่ใช่ "มายาภาพ") ให้เขาสามารถตั้งเป้าหมาย สร้างคำขวัญ สร้างแนวทางในการพัฒนาตัวเองได้จากความจริงเกี่ยวกับตัวเองที่ค้นพบ
วิธีการที่ผมเห็นเลาๆ ก็คือ แต่ละคนทั้งต้องมองตัวเอง และทั้งเพื่อนช่วยกันมอง(peer-to-peer) อย่างจริงใจต่อกันที่สุด โดยผมเกรงว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมากในกิจกรรมกลุ่ม ผมเองก็ไม่มี know-how ในการทำให้คนกล้าเปิดใจพูดถึงตัวเอง พูดถึงคนอื่นต่อหน้าอย่างที่ใจคิดจริงๆ และผมก็ไม่แน่ใจว่าสามารถเป็น "คุณเอื้อ" ที่เก่งในการคุมสถานการณ์ไม่ให้คนหมางใจกัน หรือลุกขึ้นมาวางมวยกันได้หรือไม่
ซึ่งผมคิดว่าต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของผู้ที่ทำงานด้านจิตวิทยามา ผมคิดถูกหรือเปล่าครับ
ผมได้ลองอธิบาย program ที่อาจารย์สุรเชษฐ์ต้องการไว้ในบล็อกเรื่อง Self-efficacy ครับ น่าจะเป็นประโยชน์ในการปรับใช้ในกิจกรรมนักศึกษาของอาจารย์นะครับ
อาจารย์ลองพิจารณาเนื้อหาจากบันทึกล่าสุดของผมนะครับ
http://gotoknow.org/blog/otpop/91854
ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
สวัสดีค่ะ
ผ่านมาเห็นบันทึกนี้ มีกิจกรรมละครบำบัด หรือ Drama Therapy ที่น่าจะเข้าข่ายสิ่งที่คุณสุรเชษฐกำลังสนใจหาคำตอบค่ะ
The use of dramatic process and theater as a therapuetic intervention began with Psychodrama. The field has expanded to allow many forms of theatrical interventions as therapy including role-play, theater games, group-dynamic games, mime, puppetry, and other improvisational techniques. Often, drama therapy is utilized to help a client:
Drama therapy is extremely varied in its use, based on the practitioner, the setting and the client. From fully-fledged performances to empty chair role-play, the sessions may involve many variables including the use of a troupe of actors.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่นะคะ http://www.artsintherapy.com/whatis.asp?id=228
เพราะมีอีเมลผู้เชี่ยวชาญมากมาย หากสนใจหาคำตอบต่อไปค่ะ
น่าสนใจครับ
ขอบคุณมากครับคุณ pinkyannie
pinkyannie เมื่อ ส. 28 เม.ย. 2550 @ 03:26 (240891) |
ขอบคุณมากครับ เคยได้ยิน music therapy เพิ่มทราบว่ามี drama therapy ด้วย จะคลิกเข้าไปดูครับ
ผมกำลังจะใช้ Drama therapy กับคนไข้วัยรุ่นซึมเศร้าในศุกร์นี้ครับ
ขอบคุณ อ.สุรเชษฐ์ และคุณ pinkyannie ครับ
พอดีสนใจเรื่อง drama therapy ค่ะ เลยลองหาข้อมูล แล้วก็ได้มาพบกับอาจารย์พอดี เลยมีข้อคำถามอยากให้อาจารย์แนะนำค่ะว่า ในระดับปริญญาเอกในสาขานี้มีที่ใดเปิดสอนไม๊ค่ะ แล้วถ้าหากดิฉันจบตรีจิตวิทยา และโทจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ แต่สนใจด้านนี้จะผ่านเกินการคัดเลือกไม๊ แต่มีportเกี่ยวกับการแสดงละครเวทีค่อนข้างเยอะพอสมควรค่ะ และอยากเป็นอาจารย์ด้านจิตวิทยานี้มาก ถ้าหากอาจารย์จะกรุณา ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ
ปล. จะติดตามอ่านข้อมูลดีๆของอาจารย์ต่อไปค่ะ
ขอบคุณครับคุณรดา
เสียดายที่ภาควิชาของผมกำลังรับสมัครอาจารย์ใหม่ จบโทสาขาใดก็ได้ แต่ต้องจบตรีกิจกรรมบำบัด เพราะเป็นอาจารย์ที่ต้องสอนและทำวิจัยทางกิจกรรมบำบัด ม. มหิดล
เท่าที่ทราบ drama therapy เป็นเทคนิคหนึ่งที่นำมาใช้รักษาผู้ป่วยทางคลินิก แต่ไม่ค่อยมีงานวิจัยมากนักในระดับ ป. เอก
ผมแนะนำให้คุณรดาลองศึกษาข้อมูลเรียน ป. เอก ทางจิตวิทยา หรือ สาขาอื่นๆ ที่เป็นการประยุกต์จิตวิทยา หรือ จิตสังคมขององค์กร จากนั้นลองนำเทคนิคนี้ไปทำวิจัยต่อ หากมีโอกาสให้ผมช่วยแนะนำด้านงานวิจัย ผมยินดีครับ [email protected]