ในฐานะที่เป็นทั้งแม่และป้าของหลานๆหลายคน มักมีเพื่อนๆ น้องๆ มาคุย (แนวบ่น) เรื่องลูกๆหลานๆกับผู้เขียนเสมอ ซึ่งผู้เขียนก็มักจะพูดถึงการคิดดังๆอยู่บ่อยๆ การคิดดังๆให้เด็กๆได้ยินเป็นประจำจะทำให้เขาได้รับรู้ไปเองว่าในแต่ละสถานการณ์นั้นเราใช้ตรรกอะไร อย่างไร ส่งผลอย่างไร รู้สึกอย่างไร
เมื่อเราคิดดังๆให้เด็กได้ยินบ่อยๆเขาก็จะซึมซับเอาชุดความคิดต่างๆที่เรามี รู้หลักการคาดคะเนของเรา นานๆเข้าเด็กๆก็จะคาดการณ์ได้เอง ที่สำคัญการคิดดังน่าฟังกว่าการพร่ำบ่นเป็นไหนๆ
ตัวอย่างการคิดดังๆ...
เมื่อสองวันก่อน โรงเรียนที่ผู้เขียนทำงานอยู่มีการจัดอบรมเรื่อง Systems Thinking โดยวิทยากรรับเชิญท่านหนึ่ง ในการอบรมจะมีการนำเสนอผ่านจอโปรเจคเตอร์ ทีนี้โปรแกรมที่ใช้อาจจะมี Bug ที่ทำให้ตัวโปรแกรมปิดเองระหว่างการนำเสนอ ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นเกือบทุก ๑๐ นาที ครั้งที่ ๒-๓ ที่ต้อง set ใหม่ วิทยากรก็จะยิ้มๆและพูดออกมาดังๆขณะที่เริ่มเปิดโปรแกรมใหม่ไปด้วยว่า เออ..นี่ก็แสดงให้เราเห็นไตรลักษณ์นะ อึม..อะไรมันก็ไม่เที่ยง นะ มันไม่คงที่.... เกิดขึ้นครั้งที่ ๔-๕ ก็ยังยิ้มและพูดไปด้วย นอกจากเริ่มเปิดโปรแกรมใหม่แล้ว ยังต้องทำงานในส่วนที่เมื่อครู่ยังไม่ได้ Save ใหม่ วิทยากรคนเดิมก็ยังยิ้มไปพูดไป...อึม...เป็นการสอนสตินะ ให้รู้ตัว ตามให้ทันนะเจ้าตัวโมโหหงุดหงิด รู้ทันจะได้ไล่ทันมัน... น้องโปรแกรมเมอร์ที่เข้าอบรมด้วยอุทานออกมาอย่างดังเลยว่า อ๋อ...มันเป็นแบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว ฟังหลวงพ่อพูด (เทศน์) มาตั้งหลายทีว่าให้มีสติ รู้ตัว แต่ไม่เคยเข้าใจว่ามันเป็นยังไง อ๋อ....มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
กลายเป็นว่าในการมาอบรมครั้งนี้ เจ้าน้องโปรแกรมเมอร์คนนี้ได้เรียนรู้ธรรมแบบปิ๊งแว้ปจากท่านวิทยากร ในนาทีที่มีการติดขัดในการอบรม Systems Thinking นั่นเอง
ผมก็ชอบคิดดังๆครับ และบางครั้งก็บอกเด็กด้วยว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องคิด เรียกว่าต้อง "เห็นความคิด" ไปด้วย เพราะส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับการให้ "ความคิดเห็น" โดยที่ไม่เคย "เห็นความคิด" เลย
จริงด้วยค่ะ...คิดดัง ก็ต้องดิดดีด้วย และต้องเรียกตัวเองให้มีสติเพื่อ"เห็นความคิด" อีกด้วย... ข้อหลังนี่ทำยากจังค่ะ