ธรรมชาติของคน
ไม่ได้เขียน Blog มา 2 -3 วัน ชักเปรี้ยวปาก...เฮ้ย.....ไม่ใช่....ชักเหงาน่ะ วันนี้จะมา นิน...นิน....ทา เรื่องธรรมชาติของคนกันดีฝ่าเนาะ นานาทัศนะ ทัศนะใคร ทัศนะมัน ไม่ว่ากัน ท่านผู้ใด๋อยากมีส่วนร่วมด้วยช่วยแจม ออกลายมาเล้ย...ออกลาย.....มาเลย
ก็เราต้องทำงานกับคน เราถึงต้องรู้จักคน และ เข้าใจคน เอาละเรามาว่ากันถึงธรรมชาติของคน ทั้งจากที่อ่านสะสมมาชั่วชีวิต และที่จำขี้ปากชาวบ้านมา แล้วเอามารวบยอดเป็นความคิดของเราแต่ผู้เดียว อิอิ....สะใจโก๋ ความว่า หยังงี้
1. คนทุกคนมีความสำคัญตามบทบาทหน้าที่ของตน แต่ไม่มีใครสำคัญเกินจนขาดไม่ได้ เพราะงั้นอย่าเล่นตัวเป็นอันขาดเชียวนะ กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี ยุคนี้ยิ่งงานหายากอยู่ ไอ้ที่ได้แล้วต้องกอดให้แน่นเข้าไว้ ขอบอก ดิฉันไม่เคยเห็นองค์กรไหนล่มจมเพราะคนที่คิดว่าตัวเก่งแล้วบังอาจประชดด้วยการลาออกเล้ย คนที่ตายก็คนที่ประชดนั่นแหละ แต่องค์กรยังอยู่ยั่งยืนยงชั่วกาลนานเทอญ แต่ถ้าองค์กรจะล่มจมเพราะโกงกินละก็หล่อไม่เถียง
2. คนมีหลายระดับ มีความแตกต่างกันตามแต่ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน จะพูดจะจาต้องดูทิศทางลมดีๆ บางทีพูดดี เจตนาดี แต่คนฟังแปรเป็นร้ายละก้อ ตัวใครตัวมัน เรื่องคำพูดต้องระวังมั่กๆ พูดไม่ระวังเดี๋ยวปากจะมีสี อย่าลืมเวลาเราว่าเขาเราไม่คิด แถมเราลืมไปเลย แต่เขาซิ จะจำคำพูดเราไปคิดจนวันตาย ปากเสียทำให้มีศัตรูไม่รู้ตัว คุ้มมั๊ย...คุ้มมั๊ย....
3. คนชอบปกป้องตัวเอง พยายามหาเหตุผลยกทั้งแม่น้ำฮวงโหและ แยงซีเกียงมาแก้ตัว หรือไม่จริง ใช่อยู่แล้ว...เพราะมันเป็นธรรม- มะ- ซาด ของมนุษสา มนุษสัง(ไม่ใช่ภาษาเพี้ยนนะ แต่เป็นภาษาบาลีจ้าๆๆๆๆ)
4. คนชอบแสวงหาสิ่งที่ตัวเองขาดเสมอ จริงวะ จริงยิ่งกว่าจริง ยกตัวอย่างดิฉันก็ได้ ไหนไหนก็ไหนๆ ดิฉันเป็นคนตัวเตี้ยประเภทเผ่าพันธ์ปิคมี่เลยหละ เลยตั้งสเปคไว้ว่าจะต้องมีแฟนตัวสูง ตลอดชีวิตพยายามสอดส่ายสายตาเสาะหาคนที่จะมาเป็นแฟนต้องตัวสูงเป็นอันดับแรก คุณสมบัติอย่างอื่นตามมาทีหลัง ฮ่าๆๆๆๆ เพราะ ด้วยความเป็นคนมีจินตนาการอันลึกซึ้ง ดิฉันกลัวลูกที่เกิดมาต้องมาสอยพริกกินนนน
5. คนทุกคนมีศักดิ์ศรีอย่าไปดูถูกเป็นอันขาด เหมือนคำพูดของบรรดานักเลงหัวไม้ประเภทอันธพาลครองเมือง ที่ว่าฆ่าได้หยามไม่ได้ อยากรู้สามารถทดลองเป็นกรณีศึกษาได้ทุกเวลาเจ้าค่าเอ้ย.........
6. คนยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ตนสำคัญที่สุด รองลงมาถึงจะเป็นคนใกล้ตัว ใครจะเถียงว่าไม่จริง เอาข้าพเจ้านี่แหละเป็นตัวอย่าง (ปลอดภัยดี ขืนไปยกตัวอย่างคนอื่นมีสิทธิ์ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ติดตารางตายตอนแก่ สู้อุตส่าห์รักษาเนื้อรักษาตัวทำงานมากว่า 30 ปี กะว่าเกษียณจะได้อยู่อย่างสงบสุข ได้ปฏิบัติธรรม และได้เที่ยวตามอัตภาพ ดันมาติดคุกตอนจบ ยิ่งกว่าซวยเลยแหละ) เช่น ไม่ว่าจะทำอะไรก็เอาความคิด ความชอบของตัวเองนั่นแหละเป็นหลัก เผลอๆคิดแทนคนอื่นซะอีกแน่ะ ไม่เรียกว่ายึดตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้วจะเรียกว่าอันหยัง
7. ถ้าทำอะไรแล้วได้ผลประโยชน์จะทำ แหง่ละ ไม่ได้ผลประโยชน์จะทำทำไม ให้โง่เรอะ สู้อุตส่าห์ตะกายเรียนหนังสือมาชั่วชีวิตก็เพื่อเอาความรู้มาแลกเงินแหละ พูดถึงเรื่องเรียนหนังสือ ดิฉันผู้มีจินตนาการอันสูงส่ง คิดเลยไปถึงเกิดชาติหน้า เกิดใหม่ต้องมาเริ่มชีวิตใหม่ต้องมานั่งเรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นอนุบาลใหม่ จนจบ ปีตรี ถึง ป.โท หรือ ถึงป.เอก เหนื่อยยยย โอ๊ย...ย...อยากตายอีกรอบ
8. คนย่อมมองต่างมุม บางคนก๊อมองมุมเดียว บางคนก๊อมองทุกเหลี่ยมทุกมุม มุมใครมุมมัน ตามแต่ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ไม่มีใครผิดทั้งหมด ไม่มีใครถูกทั้งหมด เพราะฉะนั้นเวลาเขาเถียงกัน จริงๆ เขาไม่ได้เถียงกันหร็อก แต่เขาพูดกันคนละเรื่องต่างหาก
9. คนทุกคนมีความสามารถแต่เป็นความสามารถที่แตกต่างกัน ทำหน้าที่กันคนละอย่าง เหมือนเวลาเราดูหนังดูละคร องค์ประกอบของฉากทุกชิ้นมีความหมายหมด จะขาดชิ้นใดชิ้นนึงไม่ได้เลย เช่น ฉากรักของพระเอกนางเอกในสวน มีต้นไม้ หลากหลาย ต้นไม้เดินไม่ได้ตั้งอยู่เฉยๆดูเหมือนไม่มีความสำคัญ แต่ถามว่าขาดต้นไม้ได้มั๊ย ก็มันเป็นฉากรักในสวน ถ้าไม่มีมันก็ไม่เป็นฉากรักในสวนซิ มันต้องเป็นฉากรักในทะเลทรายยยย แห้งแล้งน่าดูชม จริงแมะ....จริงแมะ...
ความเห็น (2)
- สวัสดีค่ะ พบกันที่นี้
- ได้อ่านความคิดเห็นดี ๆ
- เช้านี้ไปออกกำลังกายแล้วหรือยัง?
- เสาร์-อาทิตย์นี้ไม่ได้ไปหรอกค่ะ ติดทำงานนักศึกษาปี 1 เข้าหอพักค่ะ
