คิดเรื่องงาน (8) หากนิสิตเปิดโทรศัพท์ในห้องประชุม และผมเขียนบันทึกในเวลาราชการ...


มันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ผมไม่อยากจะมองข้าม...

ช่วงหลายวันที่เหินห่างและเงียบงันไปจากโลกแห่งการเรียนรู้ใบนี้ -  ผมและผู้นำองค์กรนิสิตร่วม  40  คน   เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ  อาทิ   ม.รังสิต,  ม.ศิลปากร, ม.เกษตรศาสตร์  (กำแพงแสน)   และ ม.บูรพา

 

ผมบอกกล่าวกับนิสิตที่เดินทาง (จริง ๆ คือย้ำคิด ย้ำบ่น)  ครั้งนี้ในทำนองว่า  นี่คือ  กระบวนการเดินทางไปสู่การเรียนรู้โลกภายนอก  เป็นการเรียนรู้เพื่อให้เราได้ "เข้าใจ"  ใน  "ตัวตน"  ของเราเอง  ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้และเข้าใจในความเป็นสถาบันของตนเอง ...

 

บางที   ถ้าเรายังคงย่ำเพลินอยู่ในวังวนและบริบทของตนเอง  โดยไม่เคยที่จะนำพาตนเองไปสัมผัสวิถีจากภายนอกบ้าง  ก็ยิ่งอาจจะทำให้เราตกหลุมพรางทางกิจกรรม   ด้วยการไม่รู้จักตนตนของตนเอง  ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าตนเองรักและศรัทธาในวิถีของสถาบันมากน้อยแค่ไหน

 

นี่คือการเรียนรู้ "ตนเอง"  โดยผ่านกระบวนการเบิ่งมองจาก "ผู้อื่น" ...  นี่คือการสะท้อนคำถามว่าตนเองรักและให้เกียรติสถาบันตนเองสักแค่ไหน   โดยผ่านมิติการมองโลกจากสถาบันอื่น

 

ก่อนการเดินทางผมฝากประเด็นสำคัญอยู่แค่  2  เรื่อง  คือ

1.   อย่าลืมที่จะสำรวจตัวตนของตนเองว่ารู้จักสถาบันของตนเองแค่ไหน  และมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกิจกรรม  หรือวัฒนธรรมทางสังคมของสถาบันตนเองแค่ไหน ?  อย่างไร  ?   เพราะถ้าไม่ทำการบ้านเหล่านี้ไปบ้าง  เราจะไม่สามารถสนทนากับเพื่อนต่างสถาบันได้เลย   และจะไม่รู้แม้กระทั่งว่า   อะไรคือโจทย์ของการเดินทางไปศึกษาในครั้งนี้

2.  อย่าลืมที่จะเสาะแสวงหาบริบทข้อมูลของสถาบันที่ตนเองกำลังจะไปศึกษาดูงาน  ว่าเป็นอย่างไร  มีอะไรเหมือน  หรือต่างจากสถาบันของตนเองบ้าง  เพราะหากเดินทางไปด้วย "มือที่ว่างเปล่า"  และ "สมองที่กลวงเปล่า"   ก็ดูจะง่าย  หรือมักง่าย  เกินไปสำหรับการศึกษาดูงานครั้งนี้

 

นั่นคือ  ภาพรวมสองประเด็นหลักที่ฝากให้นิสิตได้ขบคิดและทำการบ้านไปล่วงหน้า   ส่วนจิปาถะอื่น ๆ  อาทิ  การประพฤติตน,  วินัยและความเกรงใจอื่นใดนั้น  ผมทิ้งให้เป็นภาระของนายกองค์การนิสิตที่จะต้องบอกกล่าวต่อนิสิตผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้

 

ก่อนปิดประเด็นในครั้งนั้น   ผมยังไม่ลืมที่จะบอกกล่าวว่า  ผมไม่พึงปรารถนาให้นิสิต มมส  เปิดเครื่องโทรศัพท์ไว้ในขณะอยู่ในห้องประชุมร่วมกับสถาบันอื่น ๆ  ...

 

เฉกเช่นกับที่ผมไม่ปรารถนาตีพิมพ์บันทึกของตนเองในบล็อกอันเป็นช่วงเวลาราชการของการทำงาน   เพราะมันจะกลายเป็นการใช้เวลาราชการไปกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ "ราชการ"

แต่บางท่านที่เขียนจบแล้ว   พร้อมเก็บสต๊อกเรื่องนั้นไว้   เพียงแต่ใช้เวลาอันน้อยนิดตีพิมพ์เผยแพร่ในบล็อกโดยไม่เบียดเบียนเวลาราชการมากนัก,  ผมว่าก็ โอ เค นะ ... 

 

ไม่รู้ว่าผมซีเรียสเกินไป หรือเปล่า...  แต่ผมก็สะท้อนมาด้วยความสัตย์จริง  ..

 

แต่ประทานโทษนะครับ,  วันนี้และขณะนี้   ผมลากิจ  จึงสามารถมานั่งพร่ำบ่นได้  โดยไม่เกี่ยวกับการนำเอาเวลาราชการมาเขียนบันทึก...

  

อย่างไรเสีย,   ผมต้องขอบคุณและขออภัยในความไม่สะดวกทางอารมณ์จากเสียงเปรยบ่นของกระผมในบันทึกนี้เป็นอย่างสูง

 

 

คำสำคัญ (Tags): #คิดเรื่องงาน
หมายเลขบันทึก: 98328เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2007 15:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน..แผ่นดิน

การเขียนบันทึกนี้   เขียนในเวลาราชการไม่ได้ก็จริงอยู่ค่ะ...แต่จะมีประโยชน์มากกว่าการคุยนินทากัน....ถ้าเราจะเขียนในเรื่องที่ดีนะคะ

แต่ครูอ้อยก็ใช้เวลาส่วนตัว และเวลาว่างจริงๆ  ค่ะ

อารมณ์ไม่ดี   ก็บ่นเถิดค่ะ   มีกันทั่วทุกคนค่ะ  อย่าเก็บไว้ค่ะ

เรื่องนี้มีประเด็นค่ะ....ค่อยคุยกัน...ตอนนี้กำลังเป็นเวลาราชการ
  • สวัสดีครับ ครูอ้อย
  • ตอนนี้อารมณ์เบิกบานมากครับ  ...เลยกล้าที่จะเขียนในทำนองนี้
  • แต่ที่จริง  มันมาจากการสนทนากับนิสิตในทำนองที่นิสิตสะท้อนกลับมาว่า  บุคลากรมัก chat  ในเวลาราชการ  มากกว่า
  • แต่ผมก็นึกยังไงไม่รู้...เขียนออกมาในทำนองนี้เฉยเลย   (สุ่มเสี่ยงต่อการโกรธงอนของใครอยู่หลายคนกระทมังครับ) ... ซึ่งต้องขออภัยล่วงหน้าไว้  ณ  ที่นี้ 
  • แค่สำหรับการเป็นแบบอย่างของนิสิต  ผมก็จำต้องพูดถึงเรื่องนี้ในแบบฉบับของผมบ้าง 
  • แต่ผมหมายถึงการเขียนบันทึกนะครับ ไม่ได้เหมารวมถึงการตอบบันทึก ..
  • ...
  • แต่ก็ยืนยันครับ  โลก G2K  ทุก ๆ บันทึก คือสาระแห่งการเติมเต็มโลกการทำงานและโลกของการใช้ชีวิตอย่างดีเยี่ยม
  • ....
  • ขอบพระคุณครูอ้อยมาก ๆ ครับ...
  • ขอบพระคุณ G2K  ที่ทำให้ผมมีพื้นที่ทางความคิดกว้างขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

สวัสดีครับ  อ.เมตตา

P

ขอบพระคุณมากครับ ที่แวะมาบอกข่าวในประเด็นนี้

แต่เอะ..ว่าไป  ผมก็ชักหนาว ๆ ร้อน ๆ เสียแล้วว่า  ประเด็นของผมจะเป็นที่ไม่พึงใจของใครบ้างหรือเปล่าหนอ

หนาว ๆ ร้อน ๆ จริง ๆ นะครับ

  • สิ่งแรกครับการไปดูงานต้องมีการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ข่าวความเคลื่อนไหวที่ทั้งดีและไม่ดีของสถาบันนั้นก่อน เพื่อป้องกันคำถามบางอย่างที่อาจจะส่งผมต่อความรู้สึก ของผู้รับการดูงาน
  • ประเด็นที่ 2 สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลไปที่อื่นๆ เป็นหมู่คณะจำนวนมาก การหลงทาง หรือ หลงกัน หรือเถรไถร ของบ้างคนเป็นเรื่องที่เกิดบ่อย ต้องมีการตามตัว และเครื่องมือที่ดีที่สุดคือ มือถือ ดังนั้นเมื่อบอกให้นิสิตปิดก่อนเข้าแล้ว ในทางกลับกัน พอออกมา อย่าลืมบอกให้เขาปิดด้วยนะครับ
  • การพิมพ์บันทึกใน G2K นั้น จะเสียงานเสียการนั้นคงไม่มีใครตอบได้ นอกจากเราเองครับ
บางครั้งบางเวลา ในเวลาราชการ ถ้าหากเราทำงานในหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะพักผ่อนด้วยการเขียนบันทึกบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ถ้าไม่กระทบกับงานประจำที่ทำอยู่ จริงไหมคะ

อยากให้ราชการไทย มีพักกลางวันนานๆ กว่านี้หน่อย พักตอนสายด้วย พักตอนบ่ายด้วย จะได้ชัดเจนว่าเวลาไหนควรทำอะไร :-)

มือถือนี่ก็มีปัญหาเหมือนกัน ลืมเปิดบ่อย  บางทีสั่นแล้วก็ไม่รู้สึก ต่อไปอาจจะมี interface ที่ดีกว่านี้ :-)

น้องชาย

  • เปิดประเด็นได้สวย
  • บรรยายภาพได้ชัดเจน
  • ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน
  • คิดว่าไม่ได้เหมารวมว่าข้าราชการทุกคนเป็นอยู่แล้ว

เคยคิดค่ะ ....  วันหนึ่งข้าราชการทำงาน 7 ชั่วโมง

08.30 - 12.00 น.

13.00 - 16.30 น.

จริง ๆ แล้วทำงานกันกี่ชั่วโมง  ลองคิดดูเล่น ๆ

มาถึงเวลา 08.30 น. ไปกินข้าวเช้าครึ่งชั่วโมง (ถ้ากิน)แต่งหน้า ทาปาก แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ 10 นาที  พักเบรค 10 นาที พูดคุยสารทุกข์สุกข์ดิบ/โทรศัพท์ 10 นาที  อาจจะไปห้องน้ำอีก 10 นาที  รวมแล้วประมาณ ชั่วโมง 20 นาที  เพราะฉะนั้น  ทำงานช่วงเช้าเท่าไร ?

ช่วงบ่าย เข้ามาทำงาน (จริง) 13.00 น. เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ฯลฯ 10 นาที  ทักทานเพื่อนฝูง 10 นาที  เบรค 10 นาที (อาจมากกว่านั้น) คุยกัน/โทรศัพท์ 20 นาที (รวม ๆ )  รวมเวลาประมาณ 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมง  แล้วเราทำงานกันเท่าไร?

นี่ยังไม่รวมว่า วันไหนฝนตก รถติด พ่อตาป่วย แม่ยายไม่สบาย ญาติเสีย ไปเสียค่าโทรศัพท์ ไฟฟ้า น้ำประปา หมางอน(อันนี้ผุ้เขียนเอง...คิกคิก)  ฯลฯ  ทำให้มาทำงานช้า 

ฮา.......

แล้วเราก็จะบอกว่าทำงานหนัก ๆ ๆ ๆ ๆ  ทำงานมาก ๆ ๆ ๆ ๆ

บางครั้งใครที่ทำงาน 08.30 - 16.30 น. แล้วบ่นว่างานมาก ๆ ๆ ก็จะบอกว่าคุณลองไปเขียนรายงานประจำวันมาสิว่าคุณทำอะไรในแต่ละวันบ้าง ให้จดแม้กระทั่งการใช้โทรศัพท์  แล้วคุณลองมาดูว่า วัน ๆ หนึ่งคุณทำอะไรบ้าง..........คุ้มกับสิ่งที่หลวงให้คุณหรือเปล่า  เงินเดือน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก ค่า........ ค่าโบนัส ฯลฯ 

อืม..........ยาวไปไหมคะ มีอีกเยอะประเด็นเรื่องเวลาราชการ

สำหรับตัวเอง......บางครั้งก็ยังใช้เวลาราชการในการทำเรื่องในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ.....แต่...คิดว่าตัวเองก็คืนเวลาให้กับราชการไม่น้อย เพราะทำงานนอกเวลาอย่างสม่ำเสมอ ......  ทดแทนกันได้ไหมคะ

 มีความสุขกับการทำงานนะคะ

สวัสดีครับ

P

ก่อนอื่นต้องขอบคุณนะครับ...ขอบคุณมากจริง ๆ

สิ่งแรกครับการไปดูงานต้องมีการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ข่าวความเคลื่อนไหวที่ทั้งดีและไม่ดีของสถาบันนั้นก่อน เพื่อป้องกันคำถามบางอย่างที่อาจจะส่งผมต่อความรู้สึก ของผู้รับการดูงาน

เห็นด้วยกับประเด็นนี้มาก ...  ซึ่งก่อนการเดินทางเราได้ปฐมนิเทศเล็ก ๆ  ให้กับผู้นำองค์กรนิสิต  และให้พึงระมัดระวังพฤติการณ์ต่าง ๆ  พึงระวังคำถามที่ "ไม่เข้าท่า"   เพื่อมิให้กระทบต่อสัมพันธภาพที่ดีของสถาบันทั้งสอง

ขอบคุณอีกครั้งครับ...

สวัสดีครับ น้องนุ้ย

P
บางครั้งบางเวลา ในเวลาราชการ ถ้าหากเราทำงานในหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะพักผ่อนด้วยการเขียนบันทึกบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ถ้าไม่กระทบกับงานประจำที่ทำอยู่ จริงไหมคะ
.....
คำเดียว สั้น  ๆ  คือ ... ครับ !

 สวัสดี

P   อย่าไปซีเรียสกับมันมากนักน้องรัก ทำงานหากเราทำได้บรรลุตามเป้าประสงค์ นั่นคือประสิทธิภาพของงานหรือผลของงาน เวลาไม่ใช่อะไรที่จะไปจำกัดมากมาย โดยเฉพากองกิจการนิสิตบางที หกทุ่ม ตีสอง เรายังทำงานอยู่มิใช่รึ
      การเขียนบล็อค มีเวลา และจุดประกายก็รีบเขียนซะ งานเขียนจะได้มีสีสรรและเป็นประโยชน์ต่อมวลเพื่อนสมาชิก
       
      อย่าเครียดกับมัน มันไม่ได้ออกนอกกรอบมากมาย

สวัสดีครับ

P

ไอเดียกระฉูดน่าสนใจ  ... ผมก็ชอบนะ  ได้พักผ่อนนาน ๆ เช่นนี้  แต่ก็ไม่ใช่เหลือเวลาทำงานน้อยลง

พักเที่ยงนานขึ้นก็น่าจะดีไม่น้อย...กระมังครับ

ผมคิดเช่นนั้น

บ่าววีร์  ครับ

P

โทรศัพท์มือถือ  เป็นเครื่องมือสำคัญในการดำรงชีวิตในยุคข่าวสารอย่างมศาล

แต่นักเขียนท่านหนึ่งก็กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า  "คุยโทรศัพท์ให้น้อยลง   อ่านหนังสือให้มากขึ้น"

ขอบคุณครับ...

 

สวัสดีค่ะ

 วันนี้ คุณมาแปลกนะคะ.....

สวัสดีครับ
P

เป็นการแจกแจงรายละเอียดเวลาและพฤติกรรมของคนราชการได้อย่างน่าคิด  .. ผมเองก็เป็นคน ๆ หนึ่งที่มักจะทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยครั้ง   อดีตเคยนอนบนเก้าอี้  และอยู่ดูแลนิสิตดึกดื่นถึงรุ่งเช้าก็ถมไป

สำหรับตัวเอง......บางครั้งก็ยังใช้เวลาราชการในการทำเรื่องในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ.....แต่...คิดว่าตัวเองก็คืนเวลาให้กับราชการไม่น้อย เพราะทำงานนอกเวลาอย่างสม่ำเสมอ ......  ทดแทนกันได้ไหมคะ

....

แน่นอนครับ...  ทนแทนกันได้...

ยกเว้นมาสาย  แต่ทำงานล่วงเวลาก็ไม่มีผลต่อการหักล้างกันได้

...

ขอบพระคุณมากครับ

ขอบคุณพี่ตุ๋ย ครับ...

P

ช่วงนี้จินตนาการผมแห้งแล้งน่าดู...  อาจเป็นเพราะความเหนื่อยเพลียทางร่างกาย  เรื่องที่เขียนจึงดูแปร่ง ๆ  อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

....

กองกิจการนิสิตบางที หกทุ่ม ตีสอง เรายังทำงานอยู่มิใช่รึ ...

....

ใช่แล้วครับ  สถานการณ์นั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

สวัสดีครับ
P

ผมเองเพิ่งกลับจากราชการ  .. วันนี้ล้าโรยเกินจะถ่อสังขารไปทำงานได้  เลยถือโอกาสพักผ่อน  แต่ไปตามงานวิจัยของตนเอง ... 

ว่าง ๆ เลยเขียนบันทึก  กระนั้นก็ยังไม่ได้แวะไปท่องบันทึกของกัลยาณมิตรใดมากนัก

.....

 วันนี้ คุณมาแปลกนะคะ.....

.....

ช่วงนี้อยากเปลี่ยนรสชาติการเขียนใหม่ ๆ ดูบ้าง  ...

เรื่องนี้  เปิดเรื่อง  กล่าวถึงการดูงาน และท้ายก็หักมุมมาอย่างน่าชังเลยใช่ไหมครับ

ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ พี่เองก็พึ่งเขียนบันทึกเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือในห้องประชุม ในที่สาธารณะที่มีคนอื่นอยู่ด้วย...เพราะชักจะทนไม่ได้กับคนคุยโทรศัพท์ในห้องประชุม...

เคยครั้งหนึ่งกำลังสัมภาษณ์นักศึกษาอยู่ 3-4 คน มีคนหนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามา เขารับมาคุยแบบไม่เกรงใจเราซึ่งเป็นอาจารย์กำลังสัมภาษณ์อยู่ ช่วง 2-3 นาทีแรกก็ทนค่ะ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย...แต่เป็นคุยเมาท์แตกกันเพื่อน แล้วทำแบบเอามาพูดข้างหน้า เวลาฟังก็เอาไปแนบหู แบบวัยรุ่นเจาะแจะค่ะ.....หลังจากนั้น ว๊ากเลยค่ะ ว่าไม่มีมารยาท หยุดคุยเดี๋ยวนี้...

  • Panda
    เมื่อ จ. 27 ก.พ. 2549 @ 13:46 [13218]

     ผมก็ได้แต่หวังว่า  ชุมชน MSU KM จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด อย่างที่ ท่านอธิการบดี พูดถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ มมส. ในด้านอื่น ๆ   ผมยังไม่แน่ใจว่า การใช้เวลาในชั่วโมงทำงานปกติ มาเขียน blog ใน gotoknow.org นี้  ทาง ผู้บริหารจะเห็นเป็นอย่างไร ? 

    สนับสนุนให้ทำ หรือ ถือว่าเอาเวลาทำงานมาใช้ในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง (เบียดบังเวลาราชการมาใช้อ่านและเขียนบันทึกส่วนตัว)  เนื่องจากเวลาที่ปรากฏ จะบอกชัดว่าส่งขึ้นเวลาไหนของวัน  อย่างผมยังไม่มีคอมพิวเตอร์ของตัวเองใช้  ก็ต้องใช้ของภาควิชาในทุกอย่าง.........

  • ข้อความข้างบนคือที่ผมบันทึกไว้เมื่อ เริ่มเขียน Blog ได้ไม่นานครับ

เหนื่อยนักพักก่อนจ้า  แล้วจะมีแรงสู้ใหม่

ได้พานักศึกษาไปดูงาน ต้องเตรียมหลายเรื่อง กลับมาให้นศ. AAR ก็ดีนะคะ

การเปิดประเด็นเรื่องเวลาราชการ กรณีการเขียนบันทึก ใน gotoknow  น่าสนใจ เพราะคิดเหมือนคุณ แผ่นดิน  จึงไม่ค่อยใช้เวลาราชการ ยกเว้นวันที่ลา บางคนอาจจะเห็นว่าเครียดไปมั้ง แต่มีหลายคนที่ไม่เห็นประโยชน์ของการเปิดดูบันทึกเพราะเค้าอาจจะมีประสบการณ์ ที่ไม่ O มาก่อน  ใครจะรู้บ้างว่า การเปิดอ่านอะไรเล็กน้อย บางทีก็มีกำลังใจไปทำงานต่อได้อีกตั้งเยอะ เนอะ  อย่างน้อยก็ดีกว่าไปนินทากันแหละ

ส่วนเรื่องไม่อยู่ในเวลาราชการแล้วอยู่ทำงานนอกเวลา นั้น พึงระวัง  เพราะถ้าเป็นงานบริการ    เค้าก็จะมาติดต่อในเวลาราชการ  บางคนก็เห็นว่าเปลืองไฟหลวง  

  • สวัสดีครับพี่แผ่นดิน
  • ผมเขียนทุกคืนครับ
  • 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5 5
  • เผอิญผมไม่มีเวลาราชการครับ ส่วนใหญ่จะมีแต่เวลารัฐวิสาหกิจซึ่งยุ่งมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ
    แต่ผมก็เห็นด้วยครับ

ตามมาเก็บประเด็นนี้...ทำไมต้องหนาวๆ ร้อนคะ..เดี๋ยวไม่สบายไปจะแย่...ใครจะพึงใจหรือไม่พึงใจ...สุดแล้วแต่...เขียนชัดนี่คะคือมุมคิด...มุมมองของเรา...ทั้งสองอย่างตามชือเรื่องมีกริยาอาการที่ พอเหมาะพอดีได้อยู่แล้ว...

คุณแผ่นดินครับ

ตึงไปหย่อนไปก็ไม่ดีทั้งนั้นนะครับ ผมว่าเราควรดูที่เจตนาอย่างที่หลายๆ คนได้ให้ความคิดเห็นไว้ในบล็อกนี้ เพราะว่าการเขียนบันทึกนั้นก็ไม่ต่างจากการคุยโทรศัพท์ในชั้นเรียน ถ้าทำอย่างไม่คิดให้รอบคอบ

เทอมนี้ผมได้เรียนในชั้นเรียนที่มีผู้บริหารระดับสูงเรียนด้วยหลายท่าน แต่ละท่านก็มีภารกิจรัดตัว ต้องคอยรับโทรศัพท์ คอยแก้ปัญหาที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยของตัวเองแม้จะนั่งในห้องเรียน แบบนี้ อาจารย์ก็ควรเปิดให้เขาได้รับโทรศัพท์ มีครั้งหนึ่งอาจารย์กำลังสอนอย่างออกรส ก็พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ring tone เป็นเสียงเร้าใจ ได้อารมณ์ไม่แพ้บทเรียนที่กำลังสอน อาจารย์ท่านก็ยิ้ม แล้วบอกว่า เออแบบนี้ดี ขอให้ทุกคนตั้ง ring tone แบบนี้นะ จะได้ตื่นเต้น

ถ้าคิดว่ามีประโยชน์กับงานก็เขียนเถอะครับ

ไม่งั้นที่เราอบรมเขียนบล็อกกันอยู่ ก็เป็นเรื่องที่เอาเวลางานมาใช้แบบไม่มีคุณภาพหรือเปล่า?

  • ไม่มีความคิดเห็นค่ะ
  • พี่จำเป็นใช้เครื่องที่ทำงานเพราะเครื่องที่บ้านลูกใช้ พ่อบ้านใช้ หลายบันทึกพี่มีรูป เครื่องที่ทำงานช้ามาก ไม่ทันใจวัยรุ่นอย่างพี่ และพี่ต้องทำงานบ้าน
  • แต่พยายามใช้เวลาราชการน้อยสุดค่ะ ส่วนใหญ่ใช้เวลาหลังทานข้าวเที่ยง แต่ละบันทึกมักเขียนไว้ก่อน แล้วมานำเสนอค่ะ แต่พี่ไม่ได้ใช้เวลาราชการธุรกิจอื่นใดนะ
น่าจะมาดูงานปัตตานีบ้างนะครับอ้ายแผ่นดิน....อิอิ...

สวัสดีครับ  คุณ

P

แต่ประทานโทษนะครับ,  วันนี้และขณะนี้   ผมลากิจ  จึงสามารถมานั่งพร่ำบ่นได้  โดยไม่เกี่ยวกับการนำเอาเวลาราชการมาเขียนบันทึก...

และมาอ่านบันทึกนี้ในเวลาราชการได้ไหมครับ..?

ฮา ๆ เอิก ๆ

P หนังสือกับโทรศัพท์มันใกล้ ้จะเป็นอย่างเดียวกันแล้ว? ต่อไปโทรศัพท์แทนที่จะดังหรือสั่น ก็ขึ้นไปข้อความเตือนบนหนังสือที่เราอ่าน ก็น่าสนใจดีนะครับ น่าจะเห็นแน่ๆ แล้วก็ไม่รบกวนคนอื่นด้วย :-)
 
 
  • ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นนี้ในเวลาราชการค่ะ
  • เรื่องโทรศัพท์เราสามารถจัดการได้
  • แต่อย่าให้โทรศัพท์มีอิทธิพลกับชีวิตค่ะ

ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเรื่องของเวลาให้เป็น   การเขียนเป็นการพัฒนาทักษะของเรา   ขอให้งานออกตามแผนงานของเรา  ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร ถ้าจะยกตัวอย่างก็คงไม่จบ คงจะต้องมามองที่ตัวของเราเองว่าเราจัดการบริการเวลาได้โอเคหรือ ยัง วันไหนที่เราเหนื่อยต้องการพักผ่อน เราก็ไม่ต้องบันทึก การที่เรากำหนดเวลาของตนเองมากเกินไปทำให้มีผลกระทบทางจิตใจ  ทำแล้วเกิดสุขและสนุกก็โอเค

แต่เรื่องของการเขียนบล๊อกอาจจะต้องพิจารณาร่วมกัน เพราะแต่ละคนมีภาระหน้าที่ที่แตกค่างกัน และต้องการถ่ายทอดออกมา บางครั้งอาจจะไม่สะดวก

ในส่วนตัวของพี่ ที่บ้านพักก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ ส่วนมากจะบันทึกในที่ทำงาน แต่พี่จะใช้เวลาที่สงบเงียบ คือ หลังเวลาการทำงานในการเขียนบันทึก

เอาให้เหมาะ ให้พอดี ให้ถูกกาลเทศะ ...ทั้งนี้ขึ้นกับวัฒนธรรมองค์กรครับ จะบังคับเลยก็ไม่ได้ จะยืดหยุ่นมากนักก็ไม่ดี ..ต้องดูจริตเขาด้วยครับ

ขอบคุณครับ

   มิติแห่งมุมมองของคนต่างกันมากมาย  แต่สิ่งที่เราจะสามารถปรับเปลี่ยนให้มีความสูงทางความคิดของคนได้นั้นคือสิ่งที่พี่สอนผมเสมอๆว่า

   เราต้องมีกระบวนการและวิถีความคิดของปัญญาชน

สวัสดีครับ  อ.แป๋ว
P
paew 

แรกเริ่มเขียนเรื่องนี้ก็สั่นไหว  หนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่ไม่น้อย   แต่เมื่อยืนระยะได้บันทึกนี้ก็มีคุณประโยชน์ต่อผมยิ่งนัก ..มีคนมาทายทักแลกเปลี่ยนและสะกิดเตือนอย่างเป็นมิตร

ผมทำงานในจุดนี้,   การจะสอนเด็ก  หรือนิสิต  จึงเริ่มจากการทำตัวให้เป็นแบบอย่างต่อพวกเขา  นี่จึงเป็นการหยิบเอานาฏกรรมเล็ก ๆ  ของนิสิตมาเปรียบเปรยกับตัวเองดูบ้าง

แต่สำหรับท่านอื่น ๆ  ก้เข้าใจนะครับที่จำต้องเขียนบันทึกในเวลาราชการเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ   หรือแม้แต่การพักผ่อน  คลายเครียดในช่วงที่งานไม่รัดตัว ...

ทิ้งรอยซะหน่อย  อิอิ  นอกเวลาราชการนะเนี่ย..

พี่เข้าใจค่ะ  ก็ได้แต่พยายามทำให้ดีที่สุด  พยายามจัดการเวลาค่ะ 

จนบางทีลืมเรื่องที่จะเขียนไปก็มีอ่ะค่ะ  จำได้แต่ว่า  มีประเด็นอยากเขียน  เรื่องนี้ๆๆนะ  แต่พอถึงนอกเวลาราชการ  ลืมแล้ว อิอิ

สวัสดีครับ  ท่าน อ.แพนด้า
P
Panda 

ผมเข้าใจสภาวะนี้ของท่านอาจารย์เป็นอย่างดี ... KM  มมส  ยังคงต้องอาศัยประสบการณ์และพลังทางความคิดจากอาจารย์อีกมาก  เสียดายก็แต่ผมยังช่วยเหลือไม่ได้เต็มที่ดังที่ควรจะเป็น....

กรณีที่สายสอนนั้น   ผมเห็นว่า  มีเวลาว่างอยู่ไม่น้อยและถ้าจะนำเวลานั้นมาเขียนบันทึกก็ไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย  เพราะนั่นคือการเรียนรู้และส่งความรู้ไปสู่ตลาดทางปัญญาที่รอการตอบรับและแต่งเติมจากผู้รู้ในแวดวงฯ  และท้ายที่สุดก็จะยังสามารถนำมาประมวลไปต่อยอดในห้องเรียนได้อีกต่อไป

...

แต่สำหรับสายสนับสนุน   ผมไม่พึงใจที่จะเห็นบุคลากรเล่น Chat  ในเวลาราชการอย่างไม่แยแสต่อสำนึกแห่งการให้บริการต่อนิสิต  .. ขณะที่นิสิตมายืนติดต่องาน  หน้าจอคอมฯ ก็ปรากฏการณ์นาฏกรรมในเรื่องพรรค์นี้อย่างไม่โสภา... อีกทั้งยังคุยกับนิสิตโดยไม่มองหน้า  เพราะจับจดอยู่ที่จอคอมฯ 

แต่นั่นก็เป็นแต่เพียงส่วนน้อยที่พานพบ...เท่านั้นและผมก็เพียงแต่นำเสี้ยวเล็ก ๆ มาสะท้อนในมุมมองของผม..

ยังไงก็ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ !

สวัสดีครับ
P

การโปรยบันทึกนี้ต่อสาธารณะเช่นนี้  ผลพวงทางความคิดผมได้กลับมาเกินคาด ... พบเจอความจำเป็นที่หลากหลายของแต่ละท่าน ... พบเจอสถานะของบล็อกที่มีต่อการสร้างปัญญาและผ่อนคลายความเครียดของแต่ละท่านทั้งในเวลาราการและเวลาอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

ผมเองก็เปิดอ่านบ้างในเวลาราชการ...  แต่ไม่นิยมอ่านนาน  และจะเก็บไว้ในแพลนเน็ตเสียก่อนแล้วค่อยไปนั่งอ่านทีหลัง,  นั่นเป็นที่มาว่าทำไมแพลนเน็ตผมถึงเยอะปานนั้น

....

ส่วนเรื่องไม่อยู่ในเวลาราชการแล้วอยู่ทำงานนอกเวลา นั้น พึงระวัง  เพราะถ้าเป็นงานบริการ    เค้าก็จะมาติดต่อในเวลาราชการ  บางคนก็เห็นว่าเปลืองไฟหลวง  

...

เรื่องนี้ผมเองก็ตระหนักเช่นกัน  เพราะแต่ก่อนแทบจะกินนอนบนโต๊ะบนเก้าอี้เลยก็ว่าได้ครับ ..  ทุกวันนี้จึงต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านซะส่วนใหญ่...เพราะวัน ๆ ต้องประชุม, เซ็นแฟ้ม  เวลางานที่ตนต้องรับผิดชอบตรง ๆ  นั้น แทบไม่มีเวลาจัดการเอาซะเลยครับ

...

 

น้องสายลมครับ
P
เห็นได้ชัดเลยว่า  ไม่มีเวลาราชการ  และเวลากลางวันก็ดูจะรัดตัวมาก  เพราะบันทึกแต่ละบันทึกฉายโฉมออกมาในบล็อกก็ล่วงเข้าเกือบหกทุ่มและหลังหกทุ่มแทบทั้งนั้นเลย ...กระมัง
พี่เมตตา  ครับ
P

 เข้าใจว่า  ตอนนี้คงอยู่ที่ งาน UKM  แล้ว...

....

ตามมาเก็บประเด็นนี้...ทำไมต้องหนาวๆ ร้อนคะ..เดี๋ยวไม่สบายไปจะแย่...ใครจะพึงใจหรือไม่พึงใจ...สุดแล้วแต่...เขียนชัดนี่คะคือมุมคิด...มุมมองของเรา...ทั้งสองอย่างตามชือเรื่องมีกริยาอาการที่ พอเหมาะพอดีได้อยู่แล้ว...

....

ขอบพระคุณครับ...

สวัสดีครับ 
P

ถ้าคิดว่ามีประโยชน์กับงานก็เขียนเถอะครับ

ไม่งั้นที่เราอบรมเขียนบล็อกกันอยู่ ก็เป็นเรื่องที่เอาเวลางานมาใช้แบบไม่มีคุณภาพหรือเปล่า?

...

ทัศนะข้างต้น  ชัดเจนและหนักแน่นมาก  ..ผมเองก็ถึงกลับอึ้งไปนานเลยทีเดียวเหมือนกัน

พี่อัมพร  ครับ
P

พยายามใช้เวลาราชการน้อยสุดค่ะ ส่วนใหญ่ใช้เวลาหลังทานข้าวเที่ยง แต่ละบันทึกมักเขียนไว้ก่อน แล้วมานำเสนอค่ะ แต่พี่ไม่ได้ใช้เวลาราชการธุรกิจอื่นใด

...

ผมเองก็เป็นอยู่เช่นเดียวกัน...นะครับ

ได้ข่าวว่า จากไอ้ตรีว่า มมส จะมาดูงานแถว ชลบุรี

ก็เลยจะแอบไปด้วยครับ แต่เข้ากะ ลืมคืนลืมวันไปเลย

เสียดายครับ

ขออภัยที่แวะมาตอบช้าและช้ามาก

  • ไปศึกษาดูงาน ม.บูรพา 
  • เป็นกิจกรรมที่อยากให้มีขึ้นหลายปีแล้ว
  • พอดีกลับมานั่งเก้าอี้ใหม่ เลยสนองกิเลสตรงนี้ซะเลย
  • แต่ก็หวังลึก ๆ ว่า  กิจกรรมเช่นนี้จะทำให้นิสิต มมส  เข้าใจและเกิดมโนทัศน์ในการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
  • ....
  • หวังว่าคงสบายดีนะ ...(คนเถื่อนแห่งสถาบัน)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท