ในการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับบทความที่เราเขียนเรื่อง “ความดีในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์” รุ่นน้องเขียนจดหมายมาจาก Oxford เล่าให้ฟังเรื่องแนวคิดของ Amartya Sen นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ที่เขียนหนังสือหลายเล่ม เช่น Development As Freedom (เราคิดว่า งานของ Sen มีอิทธิพลต่อนักคิดไทยที่ทำงานเคลื่อนไหวทางสังคมหรืองานวิชาการทางเศรษฐกิจสังคมอยู่ไม่น้อย)
ขออนุญาตเอาข้อมูลของน้องมาเล่าสู่กันฟังเพราะเห็นว่าน่าสนใจค่ะ
***********
อะไรควรเป็นมาตรวัดการพัฒนา: อรรถประโยชน์ หรือ ความสามารถ ?
“ Sen กล่าวว่าสาเหตุที่เขาคิดว่า Capability (ความสามารถ) ควรเป็นมาตรวัดทางการพัฒนานั้น ก็เพราะหากมองเอาที่ Utility (อรรถประโยชน์ หรือ ความพอใจ) แล้ว ความพอใจที่มากไม่ได้หมายความว่าจะดีจริงๆเสมอไป สาเหตุก็เพราะ ความพอใจถูกตีกรอบ (Bounded) โดยค่านิยมได้
Sen ยกตัวอย่างสังคมที่มีค่านิยมกดขี่ผู้หญิงว่า ผู้หญิงที่อยู่ในสังคมเหล่านั้นก็อาจไม่รู้สึกเสียความพอใจอะไรมากมาย เพราะค่านิยมที่ตนเองอยู่ด้วยมาแต่กำเนิดตีกรอบความพอใจของเขาไว้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการกดขี่ผู้หญิงไม่ควรถูกยกเลิก
ทีนี้ปัญหาที่เกิดก็คือ แล้วใครจะมาชี้ว่าค่านิยมไหมดีไม่ดี ค่านิยมไหนควรเปลี่ยนไม่ควรเปลี่ยน"
จะเปลี่ยนค่านิยมโดยวิธีใด: ประชาธิปไตย หรือ การกำหนดจากเบื้องบน ?
“ประเด็นที่ว่านี้ จะว่าไปเป็นจุดอ่อนของ Capability Approach ของ Sen ครับ เพราะ Sen เห็นว่าไม่ควรมีคุณพ่อรู้ดีมาบอกว่าค่านิยมควรเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ Senเน้นให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามกระบวนการประชาธิปไตย
นั่นคือเขาขัดแย้งกันในตนเอง เพราะหากให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามเสียงคนในสังคมแล้ว คนในสังคมก็อาจติดอยู่ในค่านิยมแบบเดิม และไม่อาจรู้ได้ว่าค่านิยมตนที่มีอยู่นั้นมีข้อบกพร่องอย่างไร Capability Approach ก็เกิดขึ้นจริงไม่ได้
ประเด็นนี้มีคนโจมตี Sen มาก และกลายเป็นจุดแตกต่างระหว่างนักวิชาการหลายคนที่สนับสนุน Capability Approach เช่น Martha Nusbaam ที่ไม่เห็นด้วยกับ Sen และระบุว่าแนวทางที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมตาม Capability Approach ควรถูกนำไปใช้โดยรัฐบาลทุกประเทศ และบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบบนลงล่าง Nusbaam มองว่าหากให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยตามที่ Sen ว่า ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง (พูดง่ายๆว่าไม่ Practical)
วิวาทะดังกล่าวปัจจุบันก็ยังคงอยู่ครับ ถือเป็นประเด็นที่ Contoversial ที่สุดประเด็นหนึ่งในทฤษฎีของ Sen ”
*************
ขอบคุณข้อมูลที่น่าสนใจจาก “น้องชาย” ผู้อยู่ต่างแดนค่ะ
สังคมไทยคงจะพอมีคำตอบจากประสบการณ์อยู่ว่า จะคาดหวังการริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลง “ในทางสร้างสรรค์” จากผู้กำหนดทิศทางประเทศที่อยู่ส่วนบนได้มากน้อยแค่ไหน ..... แม้ว่าพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระราชทานแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อ “เปลี่ยนค่านิยม” มาให้เป็นทางเลือกหนึ่งแล้วก็ตาม
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต
ครั้งก่อนแวะมาส่งรูป ครั้งนี้แวะมาอ่าน ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะธร
ดีใจมากที่แวะมาทักทายค่ะ ตอนนี้อังกฤษคงประมาณเกือบ 11 โมงเช้า
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึกนะคะ เพิ่งได้ฟังเกี่ยวกับทัศนะเรื่องการเปลี่ยนความคิดคนของ Sen ...น่าสนใจค่ะ
ถ้า Sen ใช้เทคนิคนี้ที่เมืองไทยจะ work ไหม (หมายถึง การ"บอก"คนอื่น) เพราะคนไทย " เชื่อเพราะคนที่เราเชื่อบอก" มากกว่า "เชื่อเพราะเหตุผลที่บอก" ค่ะ ตรงนี้ขัดกับการเรียนรู้ในพุทธศาสนาเลยนะคะ
งานของ Sen อ่านยากมากค่ะ ใช้ภาษายาก อาจเพราะเขาคิดอะไรเชิงซ้อนอยู่
เจอคณบดี ท่านอ่านเรื่องที่พี่เขียน แล้วไล่ให้พี่ไปอ่านงานของ Sen :)
ส่วนคำถามของธร เกี่ยวกับ พอช. และอื่นๆ พี่จะดูให้อีกทีนะคะ