เวลา....หายไปไหน


เวลาไม่เคยหายไปจริงๆซักที

เวลา......ในช่วงที่อากาศอ้าวอบอึมครึมแต่ไม่มีหยาดน้ำฟ้าหล่นลงมาให้ชื่นฉ่ำหัวใจ.......อึดอัด และกลัดกลุ้ม.....ข้าพเจ้านั่งครุ่นคิดมาเป็นมากกว่าสามชั่วหลับ.....เวลามันหายไปไหน (จ้ะ)......แม้จะเคยอ่าน    โมโม่ (ของมิฆาเอล เอนเด้) ก่อนหน้านี้มานานแล้วก็ตามแต่วันวานผ่านไปมาเริ่มจะนานก็อาจจะทำให้ลางลืมเกี่ยวกับชายชุดเทาที่เข้ามาปล้นชิงเวลาจากมวลมนุษยโลกไปมากมาย......มีคนเคยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า สิ่งที่พระเจ้าให้มนุษย์มาเท่ากันทุกคน คือ เวลา  แต่ทำไมก็ยังต้องการให้วันหนึ่งมีมากกว่า 24 ชั่วโมง ......ทั้งๆที่ไอสไตน์ ก็บอกข้าพเจ้านักหนาว่าเวลาเป็นเพียงเลขสมมติที่ไม่มีจริง (ตามทฤษฎีสัมพันธภาพ) แต่ข้าพเจ้ายังร่ำร้องเรียกหาเวลา เวลา และเวลา อยู่ดี บนความเป็นไปของช่วงชีวิต.....ความยุ่งเหยิงมากมายที่เปรียบดั่งชายชุดเทาน่าชังผู้เข้ามาช่วงชิงเวลาที่มีค่าจากกำมือของเรา......ไม่น่าเชื่อ มนุษย์ผู้มีเวลาเป็นพันๆวินาทีต่อวันจะถูกทำลายหายไปกับเรื่องราวเพียงไม่กี่เรื่อง......ในยามนี้ข้าพเจ้าถูกคุกคามจากการขาดเวลา (ที่ยังต้องการไม่สุดสิ้น) จนบางทีอดคิดไม่ได้ว่า วันๆเอาเวลาไปทำอะไรจนหมด (ทั้งๆที่เวลามันก็ต้องหมดไปวันๆอยู่แล้ว) น่าอิจฉาผู้คนที่ชีวิตคุ้นชินกับการไม่เร่งเร้ารีบร้อน......ในวัยหนุ่มช่วงหนึ่งของชีวิต ข้าพเจ้าเดินทางสะพายย่ามแบกเป้จาริกแสวงบุญไปตามหนทางของคนหนุ่ม (ในสมัยนิยม) การเดินทางนั่งรถหวานเย็นเข็ญใจจากไทยไปลาวก็ดูวุ่นวายไม่น้อย .....หลวงพระบาง เมืองน้อยในหุบ ความเก่าเก็บที่ไม่แก่กรอบ ชักพาความอยากให้เดินทางไปสัมผัสสักทีด้วยรอยยิ้มเปื้อนแก้ม.....ช่วงนี้ล่ะที่ข้าพเจ้าเริ่มมองเห็นว่าทุกอย่างเป็นปัญหา ทั้งที่คนลาวและสภาพแวดล้อมล้วนเป็นปกติแต่ไอ้ที่ก่อปัญหาคือตัวเราเอง (แบบไม่รู้ตัว) รถก็บอกชื่อแล้วว่า รถช้า ช้าจริงๆ จอดรับคนข้าพเจ้ายังพอทนได้แต่จอดรอคนทนไม่ไหวแล้ว (โว้ย) ทุกอย่างช่างดูช้าและช้าจนน่าแปลกใจ.....ข้าพเจ้าบ่นพึมพัมๆเบาๆกับตัวเองอย่างรำคาญในการยุรยาตร(อาจเขียนผิดได้ อยากใช้ศัพท์แสง 555) ของคนที่นี่    มากเท่าลมหายใจที่ข้าพเจ้าก้มลงมองนาฬิกา....ทำไมมันไม่ถึงไหนสักที...จนแล้วจนรอดข้าพเจ้าก็มาจอดพักที่นี่จนได้....หลวงพระบาง แซบอีหลีเด้อ (หมายถึงแซบในความสวยงามและเรื่องราว) วิถีที่นี่ทำให้ข้าพเจ้าต้องถอดนาฬิกาเรือนโก้ออกจากกายเพราะเก้งก้างเกะกะ การยืนมองพระเณรเดินช้าเชื่อง การดูแม่เฒ่าพ่อเฒ่าใส่บาตรเชื่องช้า การได้บุญอย่างค่อยเป็นไป และการไม่สำมะหาของคนที่นี่ บอกได้คำเดียวว่าข้าพเจ้ารู้สึกดีขึ้นมากกว่าสามกองกับเหตุการณ์ในรถหวานเย็น เวลาอาจสำคัญกับใครหลายคน และสำหรับใครหลายคนกลับทำเรื่องราวต่างๆโดยปราศจากเงื่อนแห่งเวลา ในแวบแห่งปัญญาเกิด โอหนอ คนที่นี่ไม่ได้เป็นปัญหาเลย ไอ้เราต่างหากที่เป็นตัวปัญหา แล้วยังไม่รู้อีก น่าตลก ขากลับข้าพเจ้ายิ้มแย้มตลอดรายทางทั้งที่รถช้าแสนช้า ทั้งรอคนขึ้นและลง ทั้งขนไก่ ขนไข่ เข่งผักสารพัด เพราะข้าพเจ้ารู้ตัว และเตือนตนเป็นอย่างดีว่า ขากลับ อย่าลืม ถอดนาฬิกานะจ้ะ....พ่อรูปหล่อ...5555 ข้าพเจ้าหัวเราะ555ให้กับความโง่ขามาอยู่นาน มันก็เท่านั้นเองสำหรับเวลา.....และนาฬิกา......เห็นทีในวันนี้และอีกหลายวันๆ ได้เวลาที่จะกลับไปค้นหาวิธีถอดนาฬิกาเรือนเดิม...ที่หลวงพระบางซะแล้วครับ (ถ้าท่านหัวหน้าโครงการสนับสนุน (งบประมาณ).....55555)

 

หมายเลขบันทึก: 97983เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2007 11:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

คงมีผู้คนไม่น้อยในโลกใบนี้ที่ตามหาเวลาเหมือน อ.ไผ่ ซึ่งเวลาเหล่านั้นอาจจะไม่ได้หายไปไหน เวลาที่มีของเราทั้งหมดอยู่ที่ใจคะ หากจิตใจเราเร่าร้อนเร่งรีบกับภาระหน้าที่ที่มีอยู่ เวลาที่เราตามหาก็อาจจะหาไม่เจอ แต่ถ้าเราจัดการกับใจของเราให้เป็นไปตามปกติวิสัยที่มันควรจะเป็นเวลาที่เราตามหาก็เดินอยู่ใกล้ๆตัวเราเนี้ยะคะ

 เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากให้วันวันนึงมี 48 ชั่วโมง

แล้วตกลงว่าเวลาหรือนาฬิกาคะที่หายไป (หรือว่ามันเจ๊งคะ..นาฬิกาหนะ...555)

^_^

จะไปเมื่อไรชวนผมด้วยดิ...หาเพื่อนไปเหมือนกัน

เวลาของผม หมดไปกับเรื่องเพียงไม่กี่เรื่องจริงอย่างที่อาจารย์ว่า แต่ผมไม่เสียดายเวลาที่ผ่านไปอ่ะครับ เพราะมันหมายถึงเวลาที่ผมรอคอย กำลังกะเถิบใกล้เข้ามาอีกนิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท