การบริหารองค์การ
ควรจะมีการประเมินก่อน ซึ่งเครื่องมือหรือแบบจำลอง 7s ของ
McKinsey ก็เป็นการวิเคราะห์องค์การของเราเองว่าปัจจัยต่าง ๆ
มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ 7s มี
ดังนี้
1. กลยุทธ์
(Strategy) คือ การวางแผนกิจกรรมภายในองค์กร
โดยให้แผนที่วางขึ้นมานั้นได้สอดคล้องและเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอก
และภายในองค์กร
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ช่วยสนับสนุนให้องค์กรมีขีดความสามารถเหนือคู่แข่งขัน
2. โครงสร้างองค์กร
(Structure) ลักษณะของโครงสร้างองค์กรมีประโยชน์ต่อการจัดทำกลยุทธ์ขององค์กร
เป็นอย่างมาก
เนื่องจากโครงสร้างขององค์กรจะเป็นตัวรองรับแผนกลยุทธ์ขององค์กร
ซึ่งจะต้องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกันด้วย
ถ้าโครงสร้างขององค์กรมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์แล้ว
ก็จะเป็นจุดแข็งขององค์กร
แต่ถ้าโครงสร้างขององค์กรไม่เหมาะสมสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร
ก็จะทำให้เกิดเป็นจุดอ่อนขององค์กร ตัวอย่างเช่น
บริษัท Intel
มีปัญหาในความไม่เหมาะสมระหว่างโครงสร้างขององค์กรกับกลยุทธ์ขององค์กร
ซึ่ง Intel ได้ใช้กลยุทธ์การเจริญเติบโตและขยายกิจการ
ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก
แต่โครงสร้างองค์กรนั้นยังเป็นลักษณะที่รวมอำนาจในการตัดสินใจ
จึงทำให้การบริหารและควบคุมเป็นไปอย่างขาดประสิทธิภาพ
ซึ่งถ้าหาการใช้แผนกลยุทธ์ที่จะเติบโตขยายกิจการ
องค์กรก็ควรที่จะมีการกระจายอำนาจ
เพื่อให้การบริหารและควบคุมนั้นเกิดประสิทธิภาพ
3. สไตล์
(Style) สไตล์ในการทำงานของผู้บริหารนั้น
มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงแล้ว
จะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของพนักงานภายในองค์กร
มากกว่าคำพูดของผู้บริหาร
ซึ่งถ้าหากผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการทำงาน
มีความสามารถในการจูงใจ เป็นแบบอย่างในการทำงานที่ดี
ซึ่งสไตล์เหล่านี้จะเป็นผลในการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน
ของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างยิ่ง
4. ระบบ
(System) เป็นการวิเคราะห์ถึงระบบงานขององค์กรในทุก ๆ
เรื่อง ทั้งเรื่องระบบการบริหารจัดการ ระบบการปฏิบัติงาน
เช่น ระบบสารสนเทศ ระบบการวางแผน ระบบงบประมาณ
ระบบการควบคุม ระบบการจัดซื้อ
ระบบในการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน ระบบในการฝึกอบรม
ตลอดจนระบบในการจ่ายผลตอบแทน
หากว่าองค์กรมีระบบงานที่ดีก็จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง
ดังนั้นระบบงานขององค์กรจะได้มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์และโครงสร้างขององค์กรด้วย
5. ทรัพยากรมนุษย์/สมาชิกภายในองค์กร
(Staff) งานหรือกิจกรรมขององค์กรที่เกิดจากแผนกลยุทธ์ขององค์กร
มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ปฏิบัติงานให้ตรงตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้
ดังนั้นองค์กรเองก็จำเป็นที่จะต้องมีพนักงานที่เข้ามาทำหน้าที่ปฏิบัติงาน
ซึ่งผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ปฏิบัติงานนั้นจำเป็นต้องมีความรู้
ความสามารถ มีทัศนคติที่ถูกต้องเหมาะและ
แรงจูงใจในการทำงาน ก็จะทำให้เกิดผลสำเร็จลงได้
ที่สำคัญคือการจัดคนภายในองค์กรให้เหมาะสมกับงาน
เช่น คนที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์
ก็ควรที่จะให้ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
หรือคนที่มีความรู้ทางด้านการตลาดก็ควรให้ทำงานด้านการตลาด
ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นจุดแข็งขององค์กรและทำให้งานนั้นออกมามีประสิทธิภาพ
6. ทักษะ
(Skill) เป็นการพิจารณาถึงทักษะหรือความเชี่ยวชาญขององค์กรโดยรวม
ว่ามีความเชี่ยวชาญหรือมีความชำนาญในด้านใด เช่น
บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย
เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
ดังนั้น
แผนกลยุทธ์ของบริษัทปูนซีเมนต์ก็จะมุ่งไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ซึ่งจะทำให้บริษัท
ประสบผลสำเร็จได้มากกว่าการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มงานที่ปูนซีเมนต์ไม่มีความชำนาญ
7. ค่านิยม (Shared
Value) เป็นการวิเคราะห์ถึงค่านิยมร่วม
ความเชื่อร่วมขององค์กร นั้น ๆ
ว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้เกิดปัจจัยแห่งความสำเร็จ
ในการบริหารธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้น
ซึ่งมักจะไม่ได้เขียนขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
แต่เป็นเพียงแนวคิดพื้นฐานขององค์กรแต่ละแห่ง
รวมทั้งสิ่งที่จะต้องให้องค์กรเป็นในอนาคต
ดังนั้นก็หมายถึงเป้าหมายสูงสุดขององค์กร (Super
ordinate) ซึ่งไม่กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร
องค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารนั้นทุกคนในองค์กรนั้นมักมีค่านิยมร่วมกัน
จึงทำให้เกิดเป็นผลสำเร็จขององค์กร
ความรู้จาก : วิชา กลยุทธ์
ไม่มีความเห็น