จริยธรรมในการทำธุรกิจ ถ้าตัดสินผิดถูกไม่ได้และไม่สำคัญนัก อาจจะเคร่งครัดนักไม่ได้ ตราบใดที่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือสังคมเป็นวงกว้าง
ในการทำงานที่ผ่านมา บางครั้งดิฉันมีความลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง
ในการตัดสินใจและ/หรือ การวางตัวให้ ถูกต้อง ให้ดี
ให้สมบูรณ์ ทั้งต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ และต่อ
ความรู้สึกและธรรมชาติภายในตัวเอง
มีหลายครั้งที่
รู้สึกไม่สบายใจ แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลอื่นประกอบแล้ว
ก็จำเป็นต้องตัดสินใจทำไป
ทั้งๆที่ความผิดความถูกอาจ คาบเกี่ยวกัน
ไม่มีผิดถูกอย่างเห็นได้ชัด และต่อมา
ก็หวนนึกถึงบ่อยๆ ต่อคำพุดต่อว่าของลูกค้า
ที่ดิฉันก็บอกตัวเองทุกครั้งว่า ดิฉันอยู่ในสถานการณ์
ที่ไม่สามารถเลือกได้
ตราบใดที่อยู่ในจุดที่ต้องรับผิดชอบต่อกิจการ
ค่ะ
ดิฉันกำลังพูดถึงหัวข้อ จริยธรรมในการทำการค้า
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อดิฉันมาทำธุรกิจใหม่ๆ
โดยไม่มี
พื้นฐานในเรื่องนี้มาก่อน คืออุตสาหกรรมอาหาร
จึงต้องมีนักวิชาการเป็นที่ปรึกษา
คือผุ้อำนวยการสถาบันอาหารฯ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในสมัยนั้น แต่เรื่องการหาลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
ดิฉันรับผิดชอบเอง
ซึ่งในการหาลูกค้า
ค่อนข้างจะมีเทคนิคพอสมควร ซึ่งบังเอิญโชคดี ติดต่อกับBroker
รายใหญ่ของทางอเมริกาได้ Broker
รายนี้เป็นผู้หาสินค้าป้อนให้กับบริษัทอาหารใหญ่ๆหลายแห่งทั่วประเทศสหรํฐอเมริกา
และบริษัทเหล่านี้ก็จะไปจัดจำหน่ายต่อไป
ทั้งปลีกและส่ง
Brokerรายนี้
ตกลงมาดู แหล่งวัตถุดิบ
การผลิต การควบคุมคุณภาพ
การจัดเก็บ และระบบLogisticทั้งหมดของเรา
สรุปว่า พอใจมาก และเซ็นเอ็มโอยู สั่งงวดแรกพอสมควร
แต่มีข้อแม้ให้บริษัทผู้ซื้อตัวจริงมาดูระบบทุกอย่างอีกที
ก่อนเปิดL/C
ตกลงเขาจะมากัน 3 คนอีก 2อาทิตย์หน้า
หัวหน้าคณะเป็นชาวฟิลลิปปินส์ จบ Food
Engineering
และFood
Chemistry
ผู้ช่วยเป็นชาวอเมริกัน 2 คน รับผิดชอบตรวจสอบคุณภาพ
เราให้การต้อนรับอย่างดีมากๆ
ให้ความร่วมมือทุกอย่าง
วันหนึ่ง เล่าให้เขาฟังว่า เราต้องขายผ่านคนกลาง เขาบอกว่าน่าเสียดาย
ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น
เขาจะทำอะไรบางอย่างให้เรา
เพิ่งมาทราบทีหลังว่าเขา emailรายงานไปยังสำนักงานใหญ่
ว่าเรามีมาตรฐานดีเชื่อถือได้ Strongly reccomend ควรซื้อเราตรงจะดีกว่า
Head
office
ตกลง อย่างไม่มั่นใจนัก เพราะตั้งบริษัทมาก็หลายสิบปี
ไม่เคยซื้อของจากใครตรง ไม่ว่าประเทศไหน
มีแต่ผ่านตัวกลาง มีเราเป็นเจ้าแรก เสี่ยงมากเหมือนกัน
แต่จะลองดู
ครั้งแรกที่ทราบ ดีใจมาก ไม่คาดฝันมาก่อน เหมือนถูกล็อตเตอรี่
แต่พอตั้งสติได้ กลับกังวลมาก เพราะ
เรามี
Broker
ติดต่อให้อีกที จึงเกี่ยงให้ลูกค้า
เป็นคนแจ้ง Broker
เอง ว่าผู้ซื้อตัดสินใจเอง ไม่ใช่เรานะ ลูกค้า
ทำหนังสือวันนั้นเลย และส่งสำเนาให้เราด้วย
วันรุ่งขึ้น Broker
โทรมา ต่อว่าหลายประโยค แม้เราจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ฟัง ประโยคสุดท้าย ฟังแล้วสะดุ้ง เขาบอกว่า
เราไม่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ ดิฉันนั่งคิดนาน จึงแจ้งไปยัง
ลูกค้าเราว่า Lot
นี้ ขอให้ซื้อผ่านคนกลางเถอะ
เราไม่อยากให้ใครมาว่าอย่างนี้
ต่อไปค่อยตกลงกันใหม่
แต่ลูกค้าไม่ยอม บอกว่า สิทธิ์ขาดทั้งหมด อยู่ที่เขาๆเป็นผู้ซื้อ
และเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเราตั้งแต่บัดนั้น
ส่วนการซื้อจากประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ
เขาซื้อผ่านคนกลางเจ้าเดิมอยู่
เรื่องนี้
ดิฉันไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็จำเป็นจริงๆ
แลกกับความอยู่รอด และความเจริญเติบโตของธุรกิจ
เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จริยธรรมในการทำธุรกิจ
ถ้าตัดสินผิดถูกไม่ได้และไม่สำคัญนัก อาจจะเคร่งครัดนักไม่ได้
ตราบใดที่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือสังคมเป็นวงกว้าง
เพราะการแข่งขันทางธุรกิจมีสูงมาก ใครไม่แข็งแรง
ไม่ขยัน ไม่มี passion
ในการดำเนินงาน ก็อยู่ไม่ได้แน่นอน
ถ้าเป็นท่านๆจะทำอย่างไรคะ