ทางสองแพร่ง จริยธรรมกับความอยู่รอดของกิจการ


จริยธรรมในการทำธุรกิจ ถ้าตัดสินผิดถูกไม่ได้และไม่สำคัญนัก อาจจะเคร่งครัดนักไม่ได้ ตราบใดที่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือสังคมเป็นวงกว้าง

 

             ในการทำงานที่ผ่านมา บางครั้งดิฉันมีความลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ในการตัดสินใจและ/หรือ การวางตัวให้ ถูกต้อง ให้ดี ให้สมบูรณ์  ทั้งต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ และต่อ ความรู้สึกและธรรมชาติภายในตัวเอง

              มีหลายครั้งที่   รู้สึกไม่สบายใจ  แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลอื่นประกอบแล้ว ก็จำเป็นต้องตัดสินใจทำไป ทั้งๆที่ความผิดความถูกอาจ   คาบเกี่ยวกัน ไม่มีผิดถูกอย่างเห็นได้ชัด   และต่อมา ก็หวนนึกถึงบ่อยๆ ต่อคำพุดต่อว่าของลูกค้า ที่ดิฉันก็บอกตัวเองทุกครั้งว่า ดิฉันอยู่ในสถานการณ์ ที่ไม่สามารถเลือกได้ ตราบใดที่อยู่ในจุดที่ต้องรับผิดชอบต่อกิจการ

             ค่ะ ดิฉันกำลังพูดถึงหัวข้อ จริยธรรมในการทำการค้า เรื่องมีอยู่ว่า   เมื่อดิฉันมาทำธุรกิจใหม่ๆ โดยไม่มี   พื้นฐานในเรื่องนี้มาก่อน  คืออุตสาหกรรมอาหาร จึงต้องมีนักวิชาการเป็นที่ปรึกษา คือผุ้อำนวยการสถาบันอาหาร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในสมัยนั้น   แต่เรื่องการหาลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ  ดิฉันรับผิดชอบเอง               

         ซึ่งในการหาลูกค้า    ค่อนข้างจะมีเทคนิคพอสมควร ซึ่งบังเอิญโชคดี ติดต่อกับBroker รายใหญ่ของทางอเมริกาได้ Broker รายนี้เป็นผู้หาสินค้าป้อนให้กับบริษัทอาหารใหญ่ๆหลายแห่งทั่วประเทศสหรํฐอเมริกา และบริษัทเหล่านี้ก็จะไปจัดจำหน่ายต่อไป ทั้งปลีกและส่ง        Brokerรายนี้ ตกลงมาดู แหล่งวัตถุดิบ  การผลิต  การควบคุมคุณภาพ  การจัดเก็บ และระบบLogisticทั้งหมดของเรา สรุปว่า พอใจมาก และเซ็นเอ็มโอยู สั่งงวดแรกพอสมควร แต่มีข้อแม้ให้บริษัทผู้ซื้อตัวจริงมาดูระบบทุกอย่างอีกที  ก่อนเปิดL/C ตกลงเขาจะมากัน 3 คนอีก 2อาทิตย์หน้า

               หัวหน้าคณะเป็นชาวฟิลลิปปินส์ จบ Food Engineering และFood Chemistry ผู้ช่วยเป็นชาวอเมริกัน 2 คน รับผิดชอบตรวจสอบคุณภาพ เราให้การต้อนรับอย่างดีมากๆ ให้ความร่วมมือทุกอย่าง

              วันหนึ่ง เล่าให้เขาฟังว่า เราต้องขายผ่านคนกลาง เขาบอกว่าน่าเสียดาย ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น     เขาจะทำอะไรบางอย่างให้เรา   เพิ่งมาทราบทีหลังว่าเขา emailรายงานไปยังสำนักงานใหญ่ ว่าเรามีมาตรฐานดีเชื่อถือได้   Strongly reccomend   ควรซื้อเราตรงจะดีกว่า

             Head office ตกลง อย่างไม่มั่นใจนัก   เพราะตั้งบริษัทมาก็หลายสิบปี ไม่เคยซื้อของจากใครตรง ไม่ว่าประเทศไหน  มีแต่ผ่านตัวกลาง มีเราเป็นเจ้าแรก เสี่ยงมากเหมือนกัน แต่จะลองดู               ครั้งแรกที่ทราบ ดีใจมาก ไม่คาดฝันมาก่อน เหมือนถูกล็อตเตอรี่ แต่พอตั้งสติได้ กลับกังวลมาก เพราะ เรามี Broker ติดต่อให้อีกที จึงเกี่ยงให้ลูกค้า เป็นคนแจ้ง Broker เอง ว่าผู้ซื้อตัดสินใจเอง ไม่ใช่เรานะ  ลูกค้า ทำหนังสือวันนั้นเลย และส่งสำเนาให้เราด้วย          

             วันรุ่งขึ้น Broker โทรมา ต่อว่าหลายประโยค แม้เราจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ฟัง ประโยคสุดท้าย ฟังแล้วสะดุ้ง เขาบอกว่า เราไม่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ ดิฉันนั่งคิดนาน จึงแจ้งไปยัง ลูกค้าเราว่า Lot นี้ ขอให้ซื้อผ่านคนกลางเถอะ เราไม่อยากให้ใครมาว่าอย่างนี้  ต่อไปค่อยตกลงกันใหม่

             แต่ลูกค้าไม่ยอม บอกว่า สิทธิ์ขาดทั้งหมด อยู่ที่เขาๆเป็นผู้ซื้อ และเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเราตั้งแต่บัดนั้น  ส่วนการซื้อจากประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ เขาซื้อผ่านคนกลางเจ้าเดิมอยู่

             เรื่องนี้ ดิฉันไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็จำเป็นจริงๆ  แลกกับความอยู่รอด และความเจริญเติบโตของธุรกิจ เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จริยธรรมในการทำธุรกิจ ถ้าตัดสินผิดถูกไม่ได้และไม่สำคัญนัก  อาจจะเคร่งครัดนักไม่ได้ ตราบใดที่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือสังคมเป็นวงกว้าง เพราะการแข่งขันทางธุรกิจมีสูงมาก ใครไม่แข็งแรง ไม่ขยัน  ไม่มี  passion ในการดำเนินงาน  ก็อยู่ไม่ได้แน่นอน  ถ้าเป็นท่านๆจะทำอย่างไรคะ

              

หมายเลขบันทึก: 93742เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2007 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (62)
บางครั้งยากครับที่จะตัดสินชัดเจน แต่กรณีนี้ ไม่ผิดหรอกฮะ
  • โดยส่วนตัวดิฉันเอง  ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำอย่างคุณได้ค่ะ  ฉันไม่กล้าเผชิญกับความขัดแย้งภายในใจได้นาน 
  • ชื่นชมในตัวคุณมากๆค่ะ  คุณเป็นผู้หญิงเก่งค่ะ...กล้าคิด...กล้าทำ...กล้าตัดสินใจบนเหตุผลของตน...
  • ...ฉันว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือ...เรา...เข้าใจในตัวเราค่ะ...
  • ขอให้กำลังใจค่ะ
ไม่มีรูป
นพ

ขอบคุณค่ะ

ที่ไม่ค่อยสบายใจเพราะ ลูกค้าคนแรกต่อว่า และเราก็จะให้เขาเป็นคนกลางในงวดแรกอยู่แล้ว แต่ลูกค้าตัวจริงไม่ยอมค่ะ

P

ขอบคุณค่ะ

เรื่องการเผชิญกับความขัดแย้งในใจมีเป็นประจำเลยค่ะ ขอสารภาพ อยู่ที่ว่า เหตุผลไหนจะเหนือกว่ากัน ภายใต้ขอบเขตของศีลธรรมและความถูกต้องค่ะ

กรณีนี้ ไม่ผิดค่ะ เพราะคุณก็จะขายผ่านอยู่แล้ว แต่ลูกค้าไม่ยอมเอง และคุณมีหน้าที่ในการยึดถือเป้าหมายขององค์กรเป็นหลักด้วยค่ะ
ไม่มีรูป
สาริน

การทำธุรกิจนี่ มีความกดดันสูงเหมือนกันค่ะ

บางทีเหนื่อยใจจริงๆ ความเสี่ยงก็สูงค่ะ แต่ก็ชอบ

ชอบมากกว่าไม่ชอบค่ะ

ดิฉันเคยได้ยินว่า การซื้อของๆทางเมืองนอกเขามีBuyer.ใช่ไหมคะ การที่เขามาซื้อเองตรงเลย แสดงว่า ไว้ใจและเชื่อใจมาก เพราะไม่มีกันชนแล้วนะคะ

ก็น่าภูมิใจค่ะแทนค่ะ เรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของลูกค้าตัวจริงค่ะ

ดาวเรือง
ไม่มีรูป
ดาวเรือง

ขอบคุณค่ะ

การซื้อของลูกค้ามีทั้ง 2 อย่างค่ะ ทั้งซื้อตรง และมีคนกลาง แล้วแต่ประเทศด้วย ที่เยอรมัน จะซื้อผ่านคนกลาง ที่อังกฤษซื้อตรงเยอะ ที่อเมริกา เดี๋ยวนี้ก็ชอบซื้อตรง แต่ก่อนเขามีปัญหาเรื่องภาษาบ้าง เรื่องความรับผิดชอบบ้างค่ะ

นอกเรื่องครับ แล้วในกรณี บริษัทค้าบุหรี่ เหล้า ผิดไหมครับ

Tong

เรื่องนี้ ก็เป็นความนิยมของผู้บริโภคส่วนหนึ่งค่ะ ความนิยมไปกระตุ้นการผลิตและการโฆษณาค่ะ

ผู้ผลิตก็เลยผลิตออกมาใหญ่

สวัสดีค่ะ

คุณเป็นคนมีความกล้าหาญนะคะ จ

ริงๆก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ ในเมื่อลูกค้าจริงต้องการอย่างนี้ ก็ไม่ผิดอะไร ทุกอย่าง น่าจะอยู่ที่ลูกค้า ก็เขาจะซื้อกับคุณ เห็นว่าน่าเชื่อถือพอ

ไม่มีรูป
ราตรี

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ

ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ๆได้รับมอบหมาย ทำให้เราต้องกล้าในการตัดสินใจค่ะ ในมุมที่ดีที่สุด สำหรับสถานการณ์ในขณะนั้น

  • สวัสดีครับพี่ sasinanda
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องลำบากใจจริง ๆ เป็นสาเหตุให้บริษัท broker ส่วนใหญ่มักไม่พยายามให้ผู้ซื้อและผู้ขายรู้จักกันโดยตรง
  • หากมีการระบุค่าปรับหรือมีการจ่ายเงินมัดจำระหว่างคุณ sasinanda กับ broker อาจจะทำให้คุณ sasinanda สบายใจมากกว่านี้เพราะอย่างน้อย broker ก็ได้อะไรไปบ้าง จะเป็น win-win-win แต่นี่เป็น win-lose-win
  • ในมุมมองนักเศรษฐศาสตร์คุณ sasinanda ทำถูกเพราะการมี broker ทำให้ราคาแพงขึ้นครับ
  • ขอบพระคุณครับ
P

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่ให้ความเห็นที่ดีค่ะ คุณแนะนำดีๆเสมอเลย

  • ที่อึดอัดใจหน่อย ก็ตรงที่เขาใจกว้างให้เราเจอกับลูกค้าค่ะ คุณชี้ประเด็นถูกเลย
  • ก็ถึงได้บอกว่า lot แรก เราจะซื้อผ่านBrokerไงคะ แต่ลูกค้า ไม่ยอม
  • หลังจากเรื่องนี้ เราก็ไม่ค่อยมีbrokerแล้วค่ะ เพราะลูกค้า ส่วนใหญ่ถ้าเห็นว่า ผู้ผลิต  ไม่มีปัญหาเรื่องcommunicationเขาก็อยากซื้อตรงกันทั้งนั้นค่ะ
  • ขอบคุณที่ให้ความเห็น ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ช่วยเข้ามาใหม่นะคะ

สวัสดีค่ะ

การทำอะไรก็เสี่ยงทั้งนั้นนะคะ ชีวิตมีทางเลือกมาให้เรื่อยเลย สู้เรียนไปเรื่อยๆดีกว่า ไม่เสี่ยง มีแค่สอบได้ดี ไม่ดี พ่อแม่บ่นหน่อยเท่านั้น

ไม่มีรูป
กานดา

สวัสดีค่ะ

ใช่ค่ะ ชีวิตมีความเสี่ยง เราต้องกล้าเสี่ยงในบางครั้ง ที่เราคิดรอบคอบแล้วค่ะ

ไม่มีอะไรง่ายหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ

การตัดสินใจอะไร ก็ต้องให้ก่อเกิดประโยชน์ให้แก่คนอื่นที่เราต้องรับผิดชอบ มากที่สุด แต่ก็จะหลีกเลี่ยง มิให้มีคน ไม่เสียประโยชน์เลย ไม่ได้เหมือนกันค่ะ

คำว่ามีpassionในการทำ..... แปลว่าอะไรค่ะ

สวัสดีครับ

การค้าขายกับจริยธรรมมันอยู่คนละด้านของตาชั่งนะครับ...ซื้อของผ่านคนกลางยังไงก็แพงกว่าอยู่แล้ว...ผมเพิ่งทำบุญบ้านมาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา...แม่บ้านอยากได้ขนมหวานจากร้านขนมที่บางประกง...หาซื้อแบบเดียวกันที่กรุงเทพก็ได้แต่ราคาแพงกว่าเป็นเท่าตัว...ผมเลยต้องขับรถไปซื้อเอง...ยังไงก็ขึ้นอยู่กับคนจ่ายเงินละครับ...ไม่ว่าจะซื้อของเล็กน้อยหรือซื้อของใหญ่เป็นระบบ...จริงไหมครับ...

 

โอชกร

P

สวัสดีค่ะ

แหม พูดถูกใจจริงๆเลยค่ะ ต้องการฟังอยู่แล้ว เพราะใครๆก็ปลอบแบบนี้ แต่เราเองกลับรู้สึกอึดอัดใจ ประโยคที่เขาว่าเรา มันทำให้อึ้งไปเลย ไม่ค่อยชอบให้ใครว่าแบบนี้ เพราะปกติ จะตรงไปตรงมา สบายๆ

ทำงานก็อย่างนี้ ใครๆก็เจอปัญหาไม่สบายใจกันทุกคน จะพูดหรือเปล่าเท่านั้น

เอาไว้เป็นกรณีศึกษาก็แล้วกันค่ะ เผื่อเจออะไรคล้ายๆอย่างนี้ จะได้ มีคำตอบ

สวัสดีค่ะ

พูดในแง่จิตวิทยา คำพูดของคนมีผลกระทบต่อความทรงจำของเรานะคะ คุณถึงจำได้ ไม่ลืม ต้องไปกระทบจิตใต้สำนึกแน่ๆเลย

 แต่กรณีนี้ คุณทำถุกต้องแล้วค่ะ ลูกค้า คือผู้จ่ายเงินตัวจริงค่ะ brokerแค่เสียประโยชน์ที่หวังเท่านั้น

ไม่มีรูป
ญาณี
สวัสดีค่ะ ความทรงจำของเรายังมีอยู่ในสมอง เพียงแต่ว่า อาจไม่นึกถึงเท่านั้นค่ะ

ตัวอย่างนี้ อาจไม่ค่อยดีนักสำหรับดิฉัน แต่โดยทั่วไป ก็ไม่มีใครนึกถึงแล้ว เพราะเราก็บริสุทธิ์ใจค่ะ

คุณsasinandaคงมีผู้ถือหุ้นแน่นอน อยากทราบว่า เราจะปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างไรคะ

ไม่มีรูป
สิรานันท์

สวัสดีค่ะ

ค่ะบริษัทเรามีผู้ถือหุ้นค่ะ จริยธรรมที่มีต่อผู้ถือหุ้นคือ

การจ่ายเงินปันผล ตามที่ผู้ถือหุ้น ควรจะได้รับ ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจและสนับสนุน งานของบริษัท

ไม่มีรูป
ปุ้ม

คำว่ามีpassionในการทำ..... แปลว่าอะไรค่ะ

สวัสดีค่ะ

Passion is the emotion of feeling very strongly about a subject.

เวลาเราจะทำงานอะไรก็ตาม ต้องทุ่มเทเอาใจใส่ ให้เวลากับมัน ไม่มีการท้อถอย ฝ่าฟันอุปสรรคให้ถึงที่สุด มีวิริยะอุตสาหะอย่างเยี่ยมยอดค่ะ

สวัสดีค่ะพี่sasinanda 

ราณีเห็นด้วยค่ะว่าบางครั้งมันก็คาบเกี่ยวกันระหว่างธุรกิจ กับจริยธรรมทางธุรกิจ บางครั้งเราต้องทำเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจค่ะ  เพราะถ้าเราไม่ทำคนอื่นก็ทำค่ะ ถามว่าไม่เห็นแก่ตัวเหรอ  ราณีเชื่ออยู่อย่างไม่มีใครที่ไม่นึกถึง ตัวเอง ครอบครัว ธุรกิจของตนเองหรอกค่ะ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด 100% หรอกค่ะ

แต่เมื่อเรามีกำไรแล้ว เราทำประโยชน์เพื่อสังคมแค่ไหน (บางครั้งถ้ามองลึกๆแล้วบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศก็ทำอย่างนี้เหมือนกันค่ะ) แต่เส้นความพอดี หรือพอเพียง ของคนเราอยู่ตรงไหน ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ มีใจที่จะตอบแทนสังคมแค่ไหน

ราณีพูดแบบรวม ๆ นะค่ะ ไม่ได้จะมีจิตใจอคติแต่เพียงอย่างใดค่ะ ขอบคุณที่มีแง่มุมดี ๆ ให้ราณีได้อ่านค่ะ เพราะบางครั้งมันคาบเกี่ยวกันจริง ๆ เราว่าถูก แต่คนหนึ่งว่าผิด อยู่ที่ต่างมอง...ต่างมุมค่ะ  (เอ๊ะคุ้นๆ ค่ะ อิ อิ)

P

สวัสดีค่ะ หายไปไหนคะ คงยุ่งๆนะคะ

ใช่ค่ะ พี่ถึงบอกว่า มันเป็นเส้นที่คาบเกี่ยวกันมากในกรณีนี้ และที่พอจะแก้ตัวได้ ก้คือ ลูกค้า เป็นคนinitiated เองในเรื่องนี้ ไม่ใช่เราไปmoveก่อนนะ

ที่ตอนแรกเขาใช้brokerเพราะกลัว  พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่พอเขามาพบเรา เขาจึงเปลี่ยนใจ ไม่อยากผ่านใคร  อยากติดต่อตรงค่ะ

ขอบคุณที่ให้ความเห็นตรงๆค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณครับที่ คุณพี่ sasinanda 

และนำให้อ่านเคสนี้ดู ...

อ่านแล้ว รู้สึกสบายใจน่ะครับ จริงๆแล้วเคสนี้ พี่ sasinanda คงไม่กังวลหนักเท่าเคสลูกค้ารายใหญ่กระมัง .. ผมมีข้อสังเกตนิดหน่อยน่ะครับ

๑.ทางพี่ และผู้บริหารได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วครับ.. ที่จะมีสัมพันธ์ไมตรีต่อ Place แห่งนี้ และที่สำคัญลูกค้ารายอื่น ๆ Place แห่งนี้ก็รับหน้าที่ต่อไปโดย ทั้งพี่และคนกลางดังกล่าวยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่ซึ่งสังเกตได้จากการที่ยังทำงานร่วมกันในเคสลูกค้ารายอื่นอยู่ (การ win-lose ในลูกค้ารายใหญ่ ที่ทางคนกลางโทรมาต่อว่านั้น น่าจะเป็นการเคลียร์กันซึ่งน่าจะจบลงไปแล้ว ดังเช่น ช้อน-ส้อมที่เวลาทานอาหารก็ต้องกระทบกัน แต่ก็ยังต้องอยู่ในจานเดียวกันต่อไปดังน้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า โดยนิสัยของฝรั่งที่พูดตรงๆไม่อ้อมค้อมแล้ว ก็ไม่น่าจะโกรธอะไรมากแค่ได้พูดออกมาก็จบนอนหลับหนึ่งตื่นก็ลืมแล้ววันรุ่งขึ้นก็มาค้าขายกันใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
๒.เรื่องดังกล่าว ไม่ถือเป็นการผิดจริยธรรม ครับ .. ธุรกิจและการตกลง ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ การผิดจริยธรรมในความเห็นส่วนตัวและการสั่งสอนของผู้มีความรู้-อาจารย์ของกระผม เขาเคยเล่าให้ฟังว่าน่าจะเป็นการกระทำของธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสังคม-ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนมากกว่า เช่น การปล่อยน้ำเสีย การปล่อยมลพิษทางอากาศ การคดโกงทางการค้าในแง่ของการส่งของด้อยคุณภาพ ฯลฯ ซึ่งจากที่อ่านบันทึกน่ะครับ ถ้ามองย้อนกลับมา-ถ้าผมอยู่จุดที่ต้องตัดสินใจแบบคุณพี่จริงๆแล้วล่ะก็ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและยากมากทีเดียว ต้องใช้senseทางการค้า ไหวพริบ และความกล้าที่จะตัดสินใจ และมีภาวะผู้นำอย่างมากทีเดียว - - ซึ่งผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า คุณพี่นั้น ตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วครับ และ ไม่ผิดจริยธรรมด้วย - -
๓.ขอขอบพระคุณครับที่ชี้แนะ และให้ได้เรียนรู้เคสดีๆ ประทังปัญญา เป็นอย่างยิ่ง - - กระผมมีความคิดอยู่อย่างว่า ไม่ว่าใครถ้าต้องตัดสินใจอย่างฉับพลันแบบนั้นก็คงอึดอัด และก็คิดว่ามีไม่น้อยที่ไม่กล้าเลยแม้จะตัดสินใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ บ่งบอกได้ว่า "ความเป็นมืออาชีพ" นั้นเป็นอย่างไร .. ขอขอบพระคุณครับ .. (ระดับต่างกันเหลือเกิน..กระผมได้เรียนรู้จากคุณพี่เยอะเลยครับ)

P

สวัสดีค่ะ

ขอบคุรที่เข้ามาcommentให้ เป็นเรื่องจริงที่อาจไม่ค่อยน่า happyมากสำหรับตัวเอง

  • อาจไม่กังวลเท่าสินค้าโดนreject เพราะเป็นเรื่องที่ไม่กระทบฐานะบริษัทเท่าใด แต่กระทบใจเรา
  • ฝรั่งพูดอะไรชอบพูดตรงๆ บางทีตรงไป ผิดกับญี่ปุ่น ไม่ค่อยพูดว่าใคร ดีกันคนละอย่าง นี่ละ ความแตกต่างของวัฒนธรรม
  • จริยธรรมในcaseนี้ ฝรั่งมองว่า ผิดคำพูด ผิดข้อตกลงเบื้องต้นค่ะ
  • ขอบคุณมากที่แวะมา เขินมากเลยที่ชม ไม่เก่งขนาดนั้นค่ะ แต่เป็นธรรมชาติของคน ที่จนมุม และ ต้องตัดสินใจค่ะ
  • ทำธุรกิจยากกว่าที่คิดไว้นะครับ
  • ขอเป็นคุณครูต่อดีกว่าครับ
  • ฮ่าๆๆๆ
P

สวัสดีค่ะ

เป็นครูบาอาจารย์ก็ยากค่ะ ยากคนละแบบ แล้วแต่ความชอบและความถนัดของแต่ละคนค่ะ

การสร้างคน ทำไมจะไม่ยากคะ ยากส์ๆๆ มากๆๆเลยหล่ะ

 

น่าสนใจนะคะ ไม่เคยมีประสบการณ์ แบบนี้

เข้ามาเรียนรู้ และดูรูปสวยๆ ชอบ  ขอบคุณค่ะ

P

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ค่ะ เป็นประสบการณ์ในสายธุระกิจ ซึ่งเราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้นะคะ

ชีวิตคนเรามีแง่มุมมากมาย  หลากหลาย ต่างๆกันค่ะ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ

  • แหมยากจังค่ะ..คงไม่มีคำตอบให้แน่ๆ
  • แต่ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆ
P
P
ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ มาบ่อยๆนะคะ จะได้มีกำลังใจค่ะ

                  มันก็คาบเกี่ยวจริง ๆ ครับ แต่คุณพี่มองเห็นเป็นความห่วงใยและกังวลอยู่  แสดงว่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกผู้คนมากอยู่   แต่ก็นั่น  การตัดสินใจในการทำธุรกิจนั้นบางอย่างก็ต้องเข้มแข็ง ออกไปหรือแสดงความเชื่อมั่น หรือสร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งในส่วนองค์กรของเรา ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน

               บางทีอาจต้องใช้การชั่งน้ำหนักดูระหว่างสองสิ่งที่ผลกระทบจะเกิดกับสิ่งไหนมากกว่าหากตัดสินใจแบบใดออกไป  ผมเชื่อว่าคนที่มีความห่วงใยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว  ต้องตัดสินใจโดยความเหมาะสมที่สุดแล้ว

               อาจไม่ใช่การเลือกแบบถูกหรือผิดนะครับ เลือกแบบ ว่า ไม่เลือกทั้งสองข้อ  หรือว่า เอาแบบ กลาง ๆ ได้หรือไม่    แลกเปลี่ยนครับ ผมเองไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจ

ความเห็นส่วนตัวแล้ว มันเป็นเรื่องของธุรกิจจริงๆ ค่ะ
ฺฺBroker พลาดเองที่ผู้ซื้อตรงมาพบกับผู้ผลิต หรือ ไม่ได้ทำข้อตกลงอะไรไว้กับผู้ผลิตแต่แรก ทำให้ผู้ผลิตสามารถขายตรงได้ จุดนี้จึงดูเหมือนว่าไม่มีจรรยาบรรณ แต่คำว่า ธุรกิจ  ผู้ซื้อและ ผู้ผลิต เมื่อพบกันแล้วตรงเป๋ง ขนาดนี้ .... คนกลาง ไม่มีความหมายค่ะ เข้าใจเขามากๆ เพราะ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ คือ เป็นตัวแทนขาย เมื่อวันนึงเขาขายตรงได้ เขาเขี่ยเราทิ้ง ทั้งๆที่เราทำการตลาดให้ แต่เราก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เขานะคะ เป็นสิทธิ์ของเขา ที่เขาจะผ่านหรือไม่ผ่านเราก็ได้

ไม่อยากให้พี่คิดมากค่ะ เพราะตัดสินใจไปแล้วเราก็ทำให้ดีที่สุด ภายภาคหน้าก็คงต้องคิดถึง Broker ที่พาลูกค้ามาให้เรา ก็เท่านั้นเอง มันคงวงจรค่ะ

P

สวัสดีค่ะ ดีใจที่เข้ามาให้ความเห็นนะคะ

  • เรื่องนี้ เป็นกรณีศึกษาสำหรับคนทั่วไปด้วย เพราะอาจจะพบเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนี้ แต่การตัดสินใจอาจไม่เหมือนกัน แล้วแต่สถานการณ์
  • แนวทางการตัดสินใจ พี่ยึดเอา แนวทางอรรถประโยชน์  -Utilitarian-  เป็นที่ตั้งค่ะ  ในการนี้ต้องการให้ได้ประโยชนืแก่คนส่วนใหญ่กว่า ได้แก่ ลูกค้าโดยตรง  พนักงานของเรา  และผู้ถือหุ้น ต่อมาเราได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่   ยิ่งต้องตัดสินใจอย่างที่ทำไป
  • ทางเลือกนี้ อาจให้ผลไม่ดีต่อคนอื่น คือ Brokerบ้าง แต่ส่วนได้ประโยชน์มีมากกว่าค่ะ
  • ถ้าไม่ตัดสินใจอย่างนี้ คงถูกคณะกรรมการโหวตให้ออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการแน่แนอน
  • จะเลือกแบบกลางๆ ไม่ได้ค่ะ
  • ชีวิตจริงอาจขัดกับอุดมคติบ้าง อยู่ที่ว่า เรา จะเลือกแบบไหนค่ะ
P

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้คิดมากแล้วค่ะ เพียงแต่คันๆนิดๆ 

 แต่ถ้าพิจารณาตามแนวทาง ที่ผลการตัดสินใจจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นสูงกว่า ก็ คงต้องตัดสินใจตามนั้นค่ะ

มาเยี่ยมบ่อยๆนะคะ

สวัสดีครับ ถ้าเปรียบกับสีต่างๆ ทางสายธุรกิจ ก็ น่าจะ เป็น สีเทา น่ะครับ เพราะถ้าเป็น สีขาว ก็ คงเป็นมูลนิธิ หรือ สถานสงเคราะห์ น่ะสิครับ (แต่ เอ.บางมูลนิธิยังใช้ชื่อบังหน้า.หาประโยชน์ก็มีนา) ทำธุรกิจ คงจะให้ถูกใจทุกฝ่ายคงเป็นไปไม่ได้จริงไหมครับ.ที่สำคัญการรักษาประโยชน์ขององค์กร โดยยึดหลักธรรม น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมเสียมากกว่า .ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น .อย่างไรซะชีวิตก็ ต้องดำเนินต่อไป. แล้วค่อยถอดหัวโขนมารีแลคซ์กับครอบครัวที่แสนอบอุ่น. - - ขอให้กำลังใจนะคร้าบ..
  • สวัสดีครับ
  • ผมไม่อาจเสนอแนะอะไรได้เลยครับเพราะคนละสายงาน แต่มองในแง่ความรู้สึกทั่วไป ผมคิดว่า คนที่แบกภาระของบริษัทที่มีฐานการเงินจำนวนมากมายนั้น การตัดสินใจแต่ละครั้งย่อมส่งผลสะเทือนแก่บริษัท หรือองค์กร ทั้งในทางดี และไม่ดี  จึงพอเดาความรู้สึกได้ว่าอย่างไร
  • ผมจึงเข้าใจว่านักธุรกิจนั้นเครียดมากๆ เพราะต้องแข่งกันตลอดเวลา โดยเฉพาะแข่งกับตัวเอง สายงานธุรกิจจึงพัฒนารวดเร็วกว่าสายงานอื่นๆเพราะแรงขับ(drive) มีมากมายนี่เอง ต้องลงทุนสร้างเอง พัฒนาเองเพื่อแข่งขัน แข่งขันเพื่ออยู่ได้ หากไม่พัฒนาก็โดนเบียดตกเวทีไป
  • ผมจึงทึ่งนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ  แต่หากย้อนมองว่าจริยธรรมเฉพาะเรื่องนี้แล้วผมคิดว่า ทำถูกแล้วครับ
  • ผมเองเคยประสบเรื่องถูกต่อว่าเช่นเดียวกัน อาจจะไม่ใช่การค้าแต่เป็นธุรกิจด้านการศึกษา ผมตัดสินใจส่งลูกสาวไปเรียน High school ที่ New Zealand ผ่านฝรั่งผู้ทำธุรกิจด้านนี้ฝรั่งคนนี้มีภรรยาเป็นคนไทย  เขาบริการดีมาก email ให้เราทราบทุกสัปดาห์เรื่องความก้าวหน้าในการติดต่อต่างๆ โรงเรียน ที่พัก การเดินทาง สารพัด  ต่อมาเพื่อที่เคยเรียนจบ ดร.ที่นั่นบอกว่าไปเสียเงินเสียทองผ่านเขาทำไม แพงมาก ไม่ต้องผ่านฝรั่ง เดียวเขาจัดการให้ เขามีเพื่อนอยู่ที่นั่น เราจึงบอกเลิกฝรั่งไป แต่เราก็จ่ายเงินให้เขาครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ตกลงราคากัน  เขาต่อว่ามาก และพูดไม่ดีกับเรา  เราเองก็ตกใจเพราะไม่เคย และกลัวไปว่าเดี๋ยวเขาจะไปแกล้งลูกเราหรือเปล่า  แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไร  แต่ก็ติดอยู่ในใจว่าเราทำผิดไปหรือเปล่าที่ยกเลิกเขาไป   แต่เดี๋ยวนี้ลืมไปแล้วครับ พอมาอ่านบันทึกนี้เลยนึกขึ้นมาได้ครับ
  • ขอบคุณครับ
P

ถูกต้องค่ะ เอ!แต่ไม่คิดว่าจะมีที่ไหน เป็นสีขาวหมดนะคะ ไม่เชื่อ ลองเจาะลึกซีคะ ขาวหม่นๆกันก็มีนะ

ดังนั้น กรณีนี้ แนวทางอรรถประโยชน์ น่าจะไปได้ดีกับเป้าหมายด้านการผลิต  การค้า และประสิทธิภาพค่ะ

P

สวัสดีค่ะ และขอบคุณที่แวะเข้ามา

เรื่องของคุณบางทราย ก็คล้ายๆกันค่ะ แต่คนละภาคส่วนเท่านั้นเอง

ตอนแรก คุณยังไม่ทราบอะไรเป็นอะไร ก็พึ่งคนกลาง ก่อน เป็นbusinessของเขาด้วย  แต่พอเราทราบอะไรมากขึ้น เราก็มีสิทธิ์จะเปลี่ยนใจได้นี่คะ เพราะเราก็save มากขึ้น

ก็ ลองเป็นเขาบ้างซี และคุณก็ให้เงินเขาไปบางส่วนด้วย  ฝรั่ง พอไม่พอใจอะไร  ก็พูดรุนแรงทุกคนค่ะ เราไม่เคยชิน ก็ตกใจ คงจะรู้สึกเหมือนๆกันค่ะ

ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ

ถ้าต้องเลือกจริยธรรมกับความอยู่รอดในภาคธุรกิจตอบยากมากครับ...

คงต้องผสมผสานให้ลงตัว เป็นทางสายกลางที่องค์การอยู่รอดด้วย และไม่เป็นการผิดจริยธรรมมากจนให้อภัยไม่ได้....

ตอบยากครับ แค่เราทำแล้วสบายใจไม่ฝืนตัวเองมากก็น่าจะพอแล้วครับ...

ขอบคุณมากครับ...

P

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับประโยคว่า

คงต้องผสมผสานให้ลงตัว เป็นทางสายกลางที่องค์การอยู่รอดด้วย

เป็นทางออกที่อุดมคติที่สุดค่ะ และทุกคนอยากให้เป็นตามนี้ค่ะ

คนเรา ค่านิยมส่วนตัว บางที อาจไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งจากในองค์กรตัวเองและผู้ถือหุ้นค่ะ

แต่ไม่เครียดค่ะ ตราบใด ที่เรายังอยากทำงานตรงนี้ ต้องคิดถึงส่วนรวมก่อนค่ะ

ผมว่า ส่วนรวมต้องมาก่อน...
-บริษัทของเรา
-ลูกน้อง พนักงานของเรา
-อาจจะเสียลูกค้าไปบ้าง ก็หาใหม่ได้ ตามกฏการขาย
-เราพึ่งตนเองได้
-จริยธรรมอยู่ใจเรา
-มันเป็นอดีตไปแล้ว...

เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว...ขอให้กำลังใจครับ...

ไม่มีรูป

สวัสดีค่ะ

ที่เข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ

อย่างไรก็ตาม เราก็ขายสินค้าให้เขาตามคุณภาพจำนวน และราคา ที่ตกลงกัน ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณค่ะ

มาบ่อยๆนะคะ

สวัสดีครับ .. พอ พูดเรื่องสีเนี่ย .. ผมได้อ่านบันทึกของคุณพี่เกี่ยวกับ "สี" ครับ .. นั่งคิดอยู่ว่า สีอะไรเหมาะกับ เรา ก็ เป็นการคิดที่รีแลคซ์ดี และการคิดแบบสบาย สบาย นี้ ก็ น่าจะดีไม่น้อยทีเดียว

.. อ่านบันทึกเกี่ยวกับ"สี"ทำให้ รีแลคซ์ขึ้นเยอะเลยครับ เพลินดีด้วย

  • ถ้าว่างๆ อยากให้คุณพี่ ออกพอคเก็ตบุค มาให้อ่านหน่อยก็คงดีนะครับ(ถ้ามีเวลาพอน่ะครับ) เกี่ยวกับเรื่อง สบาย สบาย ..ซึ่งผมก็เป็นนักอ่านคนนึง ได้อ่านแล้วรู้สึกเข้าถึงทันที .. เอาเป็นว่าถ้าว่างก็ วางแผงขายหนังสือสักหน่อยครับ

ป.ล. เป็นอย่างที่คุณพี่กล่าวแหละครับ สีหม่นๆ จริง เต็มไปหมด ..
ขอบพระคุณครับ

Beautiful+garden+lสวัสดีค่ะ

P
P

ดิฉันเป็นคนชอบสีหลายสี หลากหลาย แม้แต่สวนก็มีพันธ์ไม้ต่างๆค่ะ สดชื่น ไม่เครียดเลยค่ะ เรื่องที่คิดไม่ออกมักจะมาคิดออกตอนเดินเล่นคนเดียวในสวนค่ะ

  • เข้ามาแล้วไม่ผิดหวังครับ
  • แต่การหาจุดยืนที่ดีนี้ลำบากเหมือนกันน่ะครับ
  • ผมต้องกลับคิด ทบทวน และทบทวนตัวเองโดยด่วนแล้วครับ ว่างานเราเป็นไงบ้างที่ผ่านมา
ดิฉันได้เข้าไปอ่านทุกเรื่องค่ะ คุณ sasinanda เป็นคนเก่งคนหนึ่งค่ะ  นำความรู้และประสบการณ์มาเล่าให้ฟังรู้สึกดีค่ะ และเป็นประโยชน์ด้วย ดิฉันก็ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
P

ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมค่ะ

ขอให้โชคดีในงานนะคะ

ไม่มีรูป
กฤษณา

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ดิฉันเรียนรู้จากการทำงานมากที่สุดค่ะ บางอย่างเพิ่งรู้ ไม่ได้ทำเป็นมาก่อนเลยค่ะ

สวัสดีฮะ

การทำธุรกิจ นี่มีความเสี่ยง ผมก็อยากทำ แต่ยังดูๆอยู่ ไม่ค่อยกล้า

ไม่มีรูป
พล

สวัสดีค่ะ

ใช่ค่ะการทำธรกิจ ไม่ว่าใหญ่เล็กมีความเสี่ยงทั้งนั้น

การกินเงินเดือน ปลอดภัยแต่ บางทีเงินเฟื้อไปเร็วกว่า

แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีปัจจัยอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องมาพิจารณา คุณต้องใจเย็นอย่าผลีผลามนะคะ บางทีอยู่ที่เก่าดีกว่ามากๆนะคะ

สวัสดีครับ

แวะมาเก็บเกี่ยวความรู้ ...

ระยะหลังเรื่องจริยธรรมกลายเป็นวาทกรรมที่สังคมหวนหาเป็นที่สุด  ล่าสุด รัฐธรรมนูญฉบับร่าง  ก็มีบัญญัติเรื่องจริยธรรม หรือคุณธรรมไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ยิ่งอ่านบันทึกทุกบันทึกจากบล็อกนี้  ยิ่งเห็นสังคมในอีกมุมที่กว้างขึ้น  และเป็นปัจจุบันกว่าที่ผมแอบอิงอยู่อย่างเห็นได้ชัด

P

ขอบคุณที่แวะมา คืนนี้ ยุ่งๆทำpower pointให้คุณหมอ เลขาเขาลา 3 วันค่ะ แต่อดโต้ตอบกับคุณโอ๋ไม่ได้นิดหน่อย

http://gotoknow.org/blog/english-usage/94858

แนวทางการตัดสินใจ พี่ยึดเอา แนวทางอรรถประโยชน์  -Utilitarian-  เป็นที่ตั้งค่ะ  ในการนี้ต้องการให้ได้ประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่กว่า ได้แก่ ลูกค้าโดยตรง  พนักงานของเรา  และผู้ถือหุ้น

เรื่องแบบนี้ ละเอียดอ่อน ต้องดูเป็นเรื่องๆไปค่ะ

สวัสดี  ตอนเช้าครับ

 ผมประทับใจคำกล่าวที่อาจารย์แลกเปลี่ยนไว้ในบันทึกของ คุณ โอ๋  มาก  เลยขออนุญาตนำมาแสดงอีกครั้ง  เพราะผมเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

(ขอบพระคุณครับ)

ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการนั่นก็คือเราจะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ   เป็นความสำเร็จที่เราเองรับรู้และเข้าใจ   โดยไม่ต้องให้ใครมายืนยัน

P
P

ค่ะ เป็นความสำเร็จในภาพรวมของชีวิต

คุณโชคดี ตรงที่มีงานที่คุณชอบ  คุณรัก มีความสุขที่จะทำ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีชีวิตที่มีความสุข ตามที่ปรารถนา

คนเราจะมีทุกข์ ตรงที่ อะไรๆก็ไม่ได้อย่างใจ

แต่อยู่ที่เรา ตั้งความหวังไว้แค่ไหน

ตัวพี่เอง ตั้งความหวังในชีวิตที่ ประเมินแล้ว พอเอื้อมถึง ไม่ชอบ day dream ไม่ชอบ หวังลมๆแล้งๆค่ะ

เรื่องจริยธรรมแค่นี้ คุณ ไม่มีอะไรผิด สบายใจได้ครับ

แต่ก้ดี เป็นกรณีศึกษานะครับ

ไม่มีรูป
การุณ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ การุณ
ขอบคุณ ในความเห็นของคุณค่ะ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกดี
เนื่องจาก ดิฉันค่อนข้าง เคร่งครัดในเรื่องศาสนา  ซึ่งสอนในเรื่องรากฐานสำคัญของการคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคม ดังนั้น พอโดนต่อว่า แบบนี้ อย่างไม่เกรงใจ จึงทำให้ค่อนข้าง คิดมากค่ะ

ปกติ จะเป็นคนที่ยึดถือเรื่อง "คุณธรรม/จริยธรรม" ซึ่ง เป็นกฎเกณฑ์เหล่านี้อยู่นอกเหนือตัวบทกฎหมาย  แตก็อาจถูกละเมิดได้ โดยไม่มีความผิด  แต่ก็ไม่ควรละเมิด
ฉะนั้นการทำธุรกิจนอกจากจะต้องไม่ผิดกฎหมายแล้ว ยังจะต้องอยู่ในกรอบของคุณธรรม/จริยธรรมด้วย
แต่เรื่องนี้ ก็คิดว่า ดิฉันไม่ได้ผิดอะไรค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท