[อ่านบันทึกตอนที่ 1 ได้ที่นี่ ค่ะ]
--------------------------------------------------------------------------------
อ.บอกว่า การพูดเรื่องจิต (citta) ที่เป็นคำภาษาบาลีให้ฝรั่งเข้าใจนั้นไม่ง่ายนัก
ฝรั่งเข้าใจว่าคนเราประกอบไปด้วย body กับ mind คือร่างกาย กับ อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช่ร่างกาย
หลายๆคนแปลคำว่า จิต ว่าตรงกับคำว่า mind แต่ท่านธรีธัมโมบอกว่าท่านจะแปลว่า heart นี่แหละ
ท่านบอกว่าคำว่า mind ในภาษาอังกฤษเนี่ยะ แปลเป็นภาษาบาลีได้อย่างน้อยตั้ง 5-6 คำ ท่านเลยไม่ชอบใช้ ้มันไม่เจาะจง (ท่านยกตัวอย่างมาแต่ไม่ได้จดไว้ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยมาเติมเต็มให้หน่อยนะคะ จำได้แค่คำว่า citta กับ mana)
หัวข้อธรรมสนทนาวันนี้คือ "freeing your heart" ท่านบอกว่า heart ในที่นี้ก็คือจิต จริงๆภาษาอังกฤษก็มี แต่ไม่ค่อยใช้กันแล้ว เป็นคำคนโบราณพูด ท่านบอกว่าให้ลองนึกถึงคำว่า
พอท่านอาจารย์พูด 4 คำนี้ขึ้นมาฝรั่งก็อ๋อ เข้าใจแล้วว่า "จิต" ไม่ใช่ mind ที่เกียวกับสมองเท่านั้นเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งไปมากกว่า "ความคิด"
(น่าสนใจนะคะที่ฝรั้งไม่ค่อยใช้ 4 คำนี้แล้วในชีวิตประจำวัน เช่น ไปใช้คำว่า open-minded แทน)
ท่านอาจารย์บอกว่าจริงๆจิตหน่ะ โดยเริ่มมันก็เป็นอิสระอยู่แล้ว
แต่เราไปสร้างขยะ เอาอะไรรกๆไปโปะ ไปพอกทำให้มันหนัก
เพราะเราไม่มีสติปล่อยให้สิ่งต่างๆมา control เรา แทนที่เราจะไปอยู่ที่ที่เหนือกว่าไปคุมมันได้
--------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ขออนุโมทนาบุญที่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมเรียนรู้จากท่านอาจารย์ธีรธัมโมนะคะ ไม่เคยพบท่านหรอกค่ะ แต่พระฝรั่งศิษย์ท่านอาจารย์ชาได้พบ ได้ฟังธรรม และสนทนาธรรมกับหลายองค์ มีความรู้สึกว่าพระฝรั่งมีความตั้งใจศึกษาอย่างลึกซึ้ง วัตรปฏิบัติก็งดงามเย็นตา เย็นใจ และท่านมีวิธีสอนที่ดีเยี่ยมให้คนสมัยใหม่สามารถเข้าใจได้ดี
ตัวเองก็พยายามมาในทางการเจริญสติเช่นกัน เมื่อเข้าใจ ได้ใช้ ก็ได้พบกับความเบาสบายแห่งจิต มีความรู้ตัว ทำให้ไม่ไปเผลอปรุงแต่งอารมณ์ต่างๆอย่างที่เคยเป็น
คนที่มีพื้นเป็นคนใจเย็น สบายๆอยู่แล้วอาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่างนักเมื่อมาเข้าใจการมีสติ แต่ตัวเองนั้นเคยเป็นคนใจร้อน เจ้าอารมณ์ ไม่ยอมคน ได้เห็นการเปลี่ยนไปของตัวเอง มีความเมตตาต่อตนเองมากขึ้น และมีเมตตาต่อคนอื่นมากขึ้น แม้ผู้ที่ไม่ถูกใจเรา
ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง แต่เมื่อรู้สึกแล้ว รู้ตัว มีสติ พยายามหยุดแค่นั้น อย่างที่คุณมัทนาเขียน ไม่ปรุงแต่งต่อ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้างแต่พยายามพัฒนาให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวานค่ะ
เป็นความสุขที่เหนือความสุขจริงๆค่ะ
อาจารย์มัทครับ แล้วความหมายของการมีสุขภาพดีของ WHO ที่บอกว่า ร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณล่ะครับ
ผมจำได้ว่า Physical mental social และ...... จิตวิญญาณใช้ภาษาอังกฤษ อะไรครับ
คุณนายดอกเตอร์: หนูเป็นคนไทยแท้ๆไม่เคยได้ฟังคำสอนสายอ.ชาเลย จนมาแคนาดานี่แหละค่ะ (เคยแค่สายท่านพุทธทาส ท่านประยุทต์ แล้วก็พระติช นัท ฮัน) พระฝรั่งที่ได้พบได้ฟังสองสามท่าน มีสไตล์ต่างกัน เน้นหลักการต่างกันแต่จะใช้คำง่ายๆเหมือนกัน หนูเคารพทุกท่านเพราะสอนเรื่องยากให้ง่ายได้
ตอนนี้มีอ.หลายท่านหลายสายแล้ว ยังโชคดีได้มาเจออ.อีกมากมายใน gotoknow อีกค่ะ! พวกเรานี่โชคดีจริงๆนะคะ : )
mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง: ใช้คำว่า spiritual ค่ะ : )
แวะมาขอบคุณครับ...
เป็นไปได้อย่างสูงค่ะอ.หมอวัลลภ
น้าณีก็จัด retreat บ่อยๆเหมือนกันนะครับ...อยู่ต่างประเทศจะได้ปฎิบัติมากกว่าอยู่บ้านเราอีก..ผมอยู่กรุงเทพฯก็ทำเองที่บ้านบ้าง...แต่สติก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรระลึกตลอดเวลา...ตามไว้นะครับ
สาธุ...
โอชกร
อ.พี่โจ: ใหญ่ก็เคยไป retreat กับน้าณีที่หัวหินค่ะ ตอนนั้น 2 วัน ช่วงสุดสัปดาห์
ตอนใหญ่แต่งงานน้าณีให้หนังสือธรรมะมาอีกหลายเล่ม เมื่อปีที่แล้วไปที่บ้านพี่ต้น (tony) ก็ได้มาอีก 3 เล่มเล็กๆ ที่สำคัญที่สุดคือน้าณีเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ
คิดดูทำให้กลุ่มเพื่อนๆที่เฮี้ยวขนาดนั้นสามารถสงบ นั่งเจริญสติได้! hehehehe นินทาผู้ใหญ่ซะแล้ว กล่าวถึงด้วยความรักค่ะ : P