“ส่วนสุขนิยมตามแบบมาตรฐานสากลคือ มีปัจัยสี่แค่เพียงพอ มีครอบครัวอบอุ่นและเพื่อนพ้องมิตรสหายจริงใจ รู้ใจ และมีเสรีภาพ (เงินทองมากมาย บ้านหลังใหญ่โต มีคนรับใช้ มีชื่อเสียง อำนาจ มิได้เป็นปัจจัยของสุขนิยม)”
คนเราคงรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก เมื่อนั่งหวนคิดถึงวัยเด็ก จะรู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปเร็วมากๆ หากวันไหนว่าง ลองหยิบรูปถ่ายเก่าๆมาดูจะรู้สึกถึงสิ่งที่ผมพูดมาได้เป็นอย่างดี ท่านผู้อาวุโสซึ่งตกผลึกทางความรู้ความคิดแล้ว มักพูดให้ผมฟังบ่อยๆว่า “ทำอะไรก็รีบทำ วันเวลามันผ่านไปเร็ว” ก็จริงล่ะนะ! ตามสถิติจากการสำรวจ( World Health Report 1998,WHO) พบว่าอายุคาดเฉลี่ยแรกเกิด(Life Expectancy at Birth) ของประชากรโลกในปี 2025 อยู่ที่ 73 ปี (ปัจจุบันอยู่ที่ 66ปี) ถ้าถือซะว่าอยู่ได้ 70ปี จะมีเวลาอยู่บนโลกใบนี้ = 25,550 วัน แล้วเราจะใช้วันเวลาเหล่านี้อย่างไร?
การค้นพบตนเอง ค้นพบความหมายของชีวิต ค้นพบคุณค่าของการเกิดมาป็นมนุษย์ ค้นพบว่าคุณค่าที่แท้จริงคืออะไร? ได้ช่วยสร้างสรรค์โลก ช่วยเหลือผู้อื่นมากมาย ด้วยวันเวลาอันน้อยนิดในชีวิตเราอย่างไร? เป็นโจทย์ที่ถ้าไม่รีบคิดอาจหมดเวลาคิดก็ได้นะ!! หนังสือพิมพ์หลายฉบับเคยลงข่าวว่าประเทศไทยติดอันดับที่ 32 ของโลกในแง่ที่ว่าประชาชนมีความสุขเพียงไร การวิจัยนี้ตั้งเกณฑ์วัดความสุขไว้ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ (1) อายุขัย (2) ความพึงใจกับชีวิต และ (3) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อธิบายได้ ว่า อายุยืนจะสุขมาก ชีวิตพอเพียงมากจะสุขมาก ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติน้อยจะสุขมาก ความสุขตามสูตรข้างต้นไม่มี "รายได้" เป็นองค์ประกอบสำคัญเลย ประเทศที่ชนะที่ 1 ได้แก่ "วานูอาตู=Vanuatu" ประเทศนี้เป็นหมู่เกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกของออสเตรเลีย ส่วนประเทศภูฏาน ได้อันดับ 13 เยอรมนี (81) ญี่ปุ่น (95) อังกฤษ (108) ฝรั่งเศส (129) สิงคโปร์ (131) สหรัฐอเมริกา (150)ประเทศร่ำรวยเหล่านี้ ข้อมูลบ่งบอกว่าไม่พึงพอใจกับชีวิต (รวยเท่าไหร่ก็ไม่พอ) และมักจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติกันมาก มีคะแนนดีอยู่ปัจจัยเดียวคืออายุขัยของประชากรยืนยาว ซึ่งน่าจะเป็นด้วยปัจจัยด้านสวัสดิการ สวัสดิภาพ และสาธารณสุขที่ดีกว่า ผมเลยมานั่งคิดต่อว่า เอ๊ะแล้วอยู่ไปนานๆแบบไม่มีความสุขทำไมหว่......ส่วนประเทศที่รั้งท้ายสุด(คนทุกข์มาก) อยู่ในแอฟริกา ได้แก่ บุรุนดี (Burundi175) สวาซีแลนด์ (177) และ ซิมบับเว (178) ประเทศยากจนแสนเข็ญในแอฟริกาหลายประเทศตกอยู่ท้ายตาราง มิใช่จากมีรายได้น้อยโดยตรง แต่อายุสั้นจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงขาดแคลนแม้กระทั่งปัจจัยสี่
สำหรับประเทศเกาะที่มักจะเป็นเกาะสวรรค์นั้นผู้คนมักเกื้อกูลช่วยเหลือกันในชุมชน ตลอดจนมีจิตสำนึกสูงที่จะเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ
งานวิจัยชิ้นนี้พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ เรียกชื่อว่ามูลนิธิเศรษฐศาสตร์ใหม่ (New Economics Foundation) พวกนักเศรษฐศาสตร์น่าจะสนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่คราวนี้ไม่ใช้รายได้เข้ามาคำนวณวัดความสุขด้วย โดยคำถาม มิได้ถามว่า ได้รายได้เท่าไร (กี่บาท กี่เยน กี่ดอลลาร์) แต่เขากลับถามว่า "รายได้ที่ได้รับอยู่นั้นพอเพียงกับชีวิตหรือไม่?"
จากบทความข้างต้นประกอบกับผมได้อ่านบทความของ นพ.เฉก ธนะสิริ ใน นสพ.มติชน ฉบับวานนี้(วันอาทิตย์ที่29/4/50)สรุปว่า คนจะอายุยืนมีองค์ประกอบ 3ส่วน คือ พันธุกรรม 30% พฤติกรรม 60% และสภาพแวดล้อม 10% ส่วนสุขนิยมตามแบบมาตรฐานสากลคือ มีปัจัยสี่แค่เพียงพอ มีครอบครัวอบอุ่นและเพื่อนพ้องมิตรสหายจริงใจ รู้ใจ และมีเสรีภาพ (เงินทองมากมาย บ้านหลังใหญ่โต มีคนรับใช้ ชื่อเสียง อำนาจ มิได้เป็นปัจจัยของสุขนิยม)
คงสรุปหลังสรุปได้ว่า
การใช้ชีวิตเป็นเรื่องท้าทาย (บนความไม่ประมาท) การรู้สึกมีคุณค่าในตนเองจากการได้ทำงานบางสิ่งที่เรารัก หรือทำงานบริการสังคม ทำให้หัวใจพองโต อิ่มเอิบ แม้ต้องอยู่บนโลกที่สับสนวุ่นวาย ความไม่แน่นอนสูงมาก อีกทั้งความไม่ต่อเนื่องก็ยังสูงอีกด้วย จึงเป็นโจทย์ที่ส่งต่อให้ท่านคิดว่าเราจะทำอะไรต่อจากนี้ไป!!!
สวัสดีครับ Sirikasem Sirilak
April 30, 2007
ดิฉันคิดว่าความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่ความสุขของบางคนไม่ใช่การมีเงินทองที่รำรวยแต่ความสุขบางคนคือการดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียงพอประมาณ รู้จักตนเอง ดำเนินชีวิตที่มีอยู่อย่างมีความสุข จนบางครั้งความทุกข์ที่เจออาจกลายเป็นความสุขได้ ความจริงแล้วความทุกข์คือเพื่อนของเรา คือครูที่สอนให้เราเข้มแข็งค่ะ
ดิฉันคิดว่าความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่ความสุขของบางคนไม่ใช่การมีเงินทองที่รำรวยแต่ความสุขบางคนคือการดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียงพอประมาณ รู้จักตนเอง ดำเนินชีวิตที่มีอยู่อย่างมีความสุข จนบางครั้งความทุกข์ที่เจออาจกลายเป็นความสุขได้ ความจริงแล้วความทุกข์คือเพื่อนของเรา คือครูที่สอนให้เราเข้มแข็งค่ะ
เป็นบทความที่ดีมากค่ะ จะพยายามนำไปสังเคราะห์และนำไปประยุกต์ใช้ ขอบคุณค่ะ @^-^@
ชอบบทความนี้มากเลยครับ ได้ทั้งข้อมูลเชิงวิชาการ และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ทำให้ฉุกคิดว่า แล้วเราละ เหลือเวลาอีกกี่วัน เกิดมาเพื่ออะไร อะไรคือเป้าหมายปลายทาง ความสุขที่แท้จริงคืออะไร อยู่ที่ไหน และสุดท้าย ควรจะทำอะไรกับวันเวลาที่เหลืออยู่ ขอบคุณมากเลยครับหมอเอ
น้องๆป.โทแอบจำไปตอบข้อสอบได้เลยค่ะ