ประกันชีวิต ประกันค่าใช้จ่าย


ถ้าเราให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิต ก็ถือว่าเราได้สร้างหลักประกันให้กับชีวิตของเราแล้ว
ทำไมผมถึงขึ้นต้นหัวข้อว่า " ประกันชีวิต ประกันค่าใช้จ่าย " ก็เพราะผมมีความเห็นว่า

ถ้าเราให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิต ก็ถือว่าเราได้สร้างหลักประกันให้กับชีวิตของเราแล้ว ผมได้กล่าวในตอนแรกๆ แล้วว่า ผมได้ประกันชีวิตในลักษณะของ "การประกันอุบัติ" จาก 3 ที่คือ

1. เงินชดเชยจากการรักษาพยาล 100,000 บาทในช่วง รพ.ที่ 2 และได้รับเงินชดเชยจากการเป็นผู้ทุกพลภาพอีก 100,000 บาทหลังเกิดเหตุอีเกือบ 2 ปี จากบริษัทประกันภัยรถ (ประกันภัยรถ ประเภทชั้น 1)

2. เงินชดเชยจากการเสียชีวิต หรือทุกพลภาพ จากกรมธรรม์คุ้ครองอุบัติเหตุ ของ AIA จำนวน 200,000 บาทซึ่งก็ได้ คุณ... ช่วยอำนวยความสะดวก เดินเรื่องให้ ทำให้ไดเงินค่อนข้างรวดเร็ว ทันกับค่าใช้จ่ายพอดี

3. และเงินชดเชยจากการเสียชีวิต หรือเป็นทุกพลภาพอีกเช่นกัน จำนวน 500,000 บาท ของเทเวศร์ประกันภัย มาถึงกรมธรรม์นี้ ผมขออธิบายมากเป็นพิเศษหน่อย เพราะผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกคนมาก เนื่องจากปัจจุบันนี้ ก็ยังมีกรมธรรม์โปรแกรมนี้อยู่

กรมธรรม์นี้ เป็นกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ(เสียชีวิต-ทุกพลภาพ) ของธนาคารไทยพาณิชย์ (สามารถทำได้ทุกสาขา) ที่ปัจจุบันมีเบี้ยถูกมาก ดูได้จากถ้าเราต้องการวงเงินชดเชย 500,000 บาทเท่าที่ผมเคยทำ เมื่อก่อนเสีย 1,200 บาท ปัจจุบันเสียเพียง 900 บาท และถ้าต้องการได้เงินชดเชย 1,000,000 บาท ต้องเสียเบี้ย 1,800 บาท

สมัยก่อนจะมีบริษัทสามัคคีประกันภัย และเทเวศร์ประกันภัย แบ่งความรับผิดชอบกัน บริษัทละ 6 เดือนแรก และ 6 เดือนหลัง คุ้มครองภายใน 1 ปี แต่ปัจจุบันน่าจะมีเพียง สามัคคีประกันภัย เพียงแห่งเดียวที่รับผิดชอบทั้งหมด (ยังไง ผมจะเช็คข้อมูลที่ถูกต้องอีกครั้ง)

แต่ทั้ง 3 กรมธรรม์ก็ยังไม่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตหรอกครับ จริงๆ แล้ว เราควรทำประกันชีวิตแบบมีรายละเอียดในการประกันสุขภาพด้วย เช่น มีการชดเชยค่าห้อง ค่าแรงที่เราหยุดงานเพื่อรักษาตัว หรืออื่นๆ ที่คุ้มครอง ก็จะช่วยทำให้เราสามารถลดรายจ่ายได้อีกเป็นจำนวนมาก

ผมถือว่า ผมพลาดโอกาสสำคัญนั้นไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว การทำกรมธรรม์ชีวิตแบบฉบับเต็ม (ที่คุ้มครองในส่วนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่คุ้มครองการเสียชีวิต หรือทุกพลภาพ) สามารถผ่อนเป็นรายเดือน ราย 3 เดือน และรายครึ่งปีได้ เพียงแต่เราจัดสรรเงินให้ถูกต้องเท่านั้น

ผมตั้งใจว่า หลังจากเก็บเงินค่าจ้าง จากรุ่นพี่ (ที่ตอนหลังโกงเงินผมไป ประมาณ 580,000 บาท) เป็นเงินก้อนแรกประมาณ 200,000 บาท ก็จะรีบแบ่งเงินประมาณ 20,000 บาทมาทำประกันชีวิตทันที แต่ก็ถูกปฏิเสธ บ่ายเบี่ยงมาตลอด 2-3 เดือน ทำให้เสียโอกาสนี้ไป

เรื่องที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อรุ่นพี่ผมคนนี้ ไม่ยอมจ่ายเงินให้ผมเสียที ทำให้ผมเกิดปัญหาด้านการหมุนเวียนเงิน ทำให้ก่อนเกิดเหตุ 2 เดือนไม่สามารถจะแบ่งเงินมาจ่ายบัตรเครดิต ทั้ง 4 ธนาคารได้ จึงถูกตัดสิทธิ์การหักเงินรายเดือนค่าประกันการเสียชีวิต และเป็นผู้ทุกพลภาพ ถึง 2 ธนาคารที่คุ้มครองผมที่วงเงินฉบับละ 1,000,000 บาท รวมแล้ว 2,000,000 บาท ที่ผมก็เสียโอกาสอีกเช่นกัน

นี่แหละครับ ชีวิตจริงของมนุษย์เรา อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ทุกเรื่อง

ผมหวังว่าเรื่องราวของผมในตอนนี้ อาจจะพอเปลี่ยนทัศนคติของผู้อ่านบางท่านได้บ้างเรื่องการทำประกันฯ ต่างๆ เหมือนที่ผมเคยกล่าวในตอนแรกๆ ครับ อยากให้มองว่าการเสียเบี้ยประกันฯ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเสีย ไม่ต่างอะไรกับค่าเทอม ค่าน้ำ-ไฟ-โทรศัพท์ ที่จำเป็นต้องจ่าย

เงินที่ผมได้รับจากทั้ง 3 กรมธรรม์ รวมแล้ว 900,000 บาทก็ถือว่าหมดไปกับการรักษาตัวครับ โดยเสีย 100,000 บาทแรกไปที่ รพ.ที่ 2 และ 700,000 บาทต่อมาที่ พญาไท 1 (ไม่พอหรอกครับ เพราะค่าใช้จ่ายที่พญาไท 1 ประมาณ 900,000 กว่าบาท รวมกับค่ายาปฏิชีวนะที่รักษาอาการติดเชื้ออีก 300,000 บาท รวมทั้งสิ้นกว่า 1,300,000 บาท) ดังนั้นถ้าได้เงินชดเชยจากกรมธรรม์ฉบับเต็ม ที่ประกันสุขภาพด้วยคงดีกว่านี้ ที่รอดมาได้เพราะได้บัตรเครดิตของน้องๆ และแฟนช่วยกันรูด รวมกับเงินคอมมิชชั่นที่ผมเป็น Sale Engineer มารวมกัน

กว่าจะรอดมาได้ แทบแย่ หัวข้อครั้งต่อไป ผมขอพูดถึงการผ่าตัดที่แผลกดทับ และความเสี่ยงต่อโรคสำหรับผู้ป่วยกลุ่มที่ผมเป็นอยู่ครับ


ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 089-6910225
Tel। & Fax.: 02-9232724
email : [email protected]
คำสำคัญ (Tags): #ผู้ทุพพลภาพ
หมายเลขบันทึก: 93147เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2007 03:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท