ความสูญเปล่า 7 ประการ (7
WASTE) ประกอบด้วย
1.M-Motion การเคลื่อนไหว ความสูญเปล่าประการที่ 1
คือ ความสูญเปล่าที่เกิดจากการเคลื่อนไหว
หรือการออกแบบสภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่นโต๊ะทำงาน
หรือวิธีการทำงาน
ก่อนอื่นจะต้องขจัดความสูญเปล่าที่เกิดจากการเคลื่อนไหว อันได้แก่
การหยิบออกมาวางไว้ก่อน/ก้ม/เอียง เช่น การหยิบชิ้นส่วนจากด้านหลัง
หรือ การทำงานโดยใช้มือเพียงข้างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในกระบวนการที่จังหวะเวลา (Pitch time)
ของสายพานลำเลียงที่กำหนดไว้เร็วมากนั้น ความสูญเปล่าที่เกิดจาก
การหยิบวาง จะเป็นจุดบอดมาก
2.D-Defect งานเสีย ความสูญเปล่าประการที่ 2
ความสูญเปล่าที่เกิดจาก
งานเสียรวมไปถึงการที่ไม่สามารถแก้ไขงานเสียนั้นได้ทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ทำการผลิตเป็นล็อทใหญ่ๆ นั้น
จะมีงานคั่งค้างสะสมอยู่ระหว่างแต่ละกระบวนการค่อนข้างมาก
อันมีผลทำให้การตรวจพบงานเสียนั้นกระทำได้ช้า นอกจากนี้
ความสูญเปล่าของงานที่เสีย ยังรวมไปถึงความสูญเปล่า
ของการซ่อมงานในส่วนของสำนักงานก็ได้แก่ การพิมพ์รายงานผิด
ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่
3.W-Waiting การรอคอย
ความสูญเปล่าประการที่ 3 คือ ความสูญเปล่าของการรองาน
ประเภทของการรองานมีมากมาย ตัวอย่าง เช่น การเฝ้าดูงาน เช่น
เครื่องจักรที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ ระบบรวมศูนย์เครื่องจักร
ถ้าเราปรับให้เครื่องทำงานเอง เครื่องจักรก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ
พนักงานควบคุมเครื่องจะทำหน้าที่เพียงคอยดูการทำงานของเครื่องว่าเป็นไปด้วยดีหรือไม่
การรองาน เนื่องจากความสามารถของพนักงานไม่เท่ากัน
หรือมีพนักงานเข้ามาใหม่ จึงทำให้เกิดการรองานของพนักงานเก่า
หรือการเตรียมเครื่อง ในแต่ละครั้งใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
ความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นเนื่องจากงานรอคน
หรือคนรองานถือเป็นความสูญเปล่าทั้งสิ้น ในส่วนของสำนักงาน
เมื่อรับเอกสารแล้วไม่ทำการปฏิบัติตามกำหนดเวลา
หรือการรอคิวถ่ายเอกสาร ทำให้เกิดความสูญเปล่า เป็นต้น
4.S-Stock พัสดุคงคลัง ความสูญเปล่าประการที่ 4
คือความสูญเปล่าที่เกิดจากพัสดุคงคลัง
ดูเหมือนว่าจะเป็นความสูญเปล่าที่จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำงานของ
ผู้บริหาร ในสายการผลิต
แต่การที่ต้องสร้างโกดังเพื่อเก็บชิ้นส่วนประกอบ
หรือผลผลิตสำเร็จรูปแล้ว โดยจะต้องจ่ายเพื่อการควบคุมดูแลรักษา
ค่าเช่าโกดัง ค่าแรงงานต่างๆ ซึ่งจะเป็นผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยการรื้อโกดังเก็บชิ้นส่วนทิ้งเสีย
และสร้างคลังสินค้าย่อยๆ ขึ้นมาในสายการผลิต
เพื่อให้สามารถจัดส่งชิ้นส่วนที่ต้องการ ตามจำนวนที่ต้องการ
และในเวลาที่ต้องการตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนมาซื้อวัตถุ
ภายในประเทศแทนการซื้อจากต่างประเทศ การสั่งซื้อจากบริษัทในเครือ
เป็นต้น
5.T-Transportation การขนย้าย ความสูญเปล่าประการที่
5 ความสูญเปล่าเนื่องมาจากการขนย้ายไม่ว่าจะเป็นการข้นย้ายระหว่าง
กระบวนการกับกระบวนการ ชั้นบน ชั้นล่าง โรงงาน ก. โรงงาน ข.
หรือการขนย้ายไปวางชั่วคราว ณ ที่ใดที่หนึ่ง รวมไปถึงการขน วางซ้อน
เปลี่ยน และการต้องขนงานขึ้นลงในแนวดิ่งด้วย
6.O-Over Production การผลิตเกินความจำเป็น
ความสูญเปล่าประการที่ 6 ก็คือ ความสูญเปล่าของงานระหว่างผลิต
ซึ่งคือวัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการผลิต
ที่รอลำดับการผลิตในล็อท ที่กำลังผลิต
หรือในระหว่างรอการขนย้ายไปโรงงานอื่นหรือย้ายจากข้างบนลงล่าง
เหล่านี้เป็นต้น ความสูญเปล่าของงานระหว่างผลิตนี้
เกิดขึ้นได้ง่ายในกรณีที่ผลิตมากเกินความจำเป็น
เราจึงมักเรียกความสูญเปล่าประเภทนี้ว่า
ความสูญเปล่าของการผลิตมากเกินไป
ความสูญเปล่าของงานที่คั่งค้างในกรรมวิธีผลิตนี้
ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องจัดหาที่ว่างชั่วคราว
การซ้อนเปลี่ยนการขนย้ายและมีผลต่อเนื่องไปถึงการส่งมอบงานที่ไม่ทันตามกำหนดเวลา
หรืออาจทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพของผลผลิตได้
นอกจากนี้ยังรวมทั้งวัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเกินไว้เป็นสต็อค
แล้วไม่สามารถขายให้ลูกค้าได้
7.P-Process itself กรรมวิธีไม่มีประสิทธิภาพ
ความสูญเปล่าประการที่ 7 คือ ความสูญเปล่าที่มีสาเหตุจากวิธีการ
แปรรูปงาน หรือเสียเวลาซ่อมชิ้นงาน เช่น การตัดคลีบของ
หรือการขัดผิวของวัตถุดิบบางตัวก่อนทำการเชื่อม
ความสูญเปล่าที่เกิดจากการออกแบบที่ไม่รัดกุมทำให้ต้องทำงานที่ไม่มีสาระหรือเสียเวลาในการตบแต่งโดยไม่มีมูลค่าเพิ่ม
เช่น การพันสก็อตเทป หลังการขึ้นรูป ความสูญเปล่าของโปรแกรม
ที่เขียนให้ต้องใช้สว่านหลายครั้งในการเจาะรูเดียว
ความสูญเปล่าที่เกิดจากการทำงานซ้ำซ้อนระหว่างแผนก เช่น ฝ่ายบุคคลกับ
ฝ่ายการเงิน ฝ่ายผลิตกับฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ ในเรื่องของข้อมูลของเสีย
นอกจากนี้การเสียเวลาค้นหาสิ่งที่ต้องการเนื่องจากการจัดเก็บไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยมองไม่รู้ว่า
คืออะไรหรืออยู่ที่ไหน ก็ถือเป็นความสูญเปล่าเช่นกัน
ข้อมูลจาก : วิชา OM
บทความนี้ดีมากเลยครับ