ก่อนอื่นต้องขอบคุณป้านิตย์ที่เป็นผู้ชักชวนและส่งชื่อให้ฉันได้มีโอกาสไปเข้าร่วมประชุมและจัดนิทรรศการครั้งนี้...
การประชุมนี้กำหนดหัวเรื่องว่า"ผู้ประกันตนสดใส..ห่างไกลยาเสพติด"จัดขึ้นเมื่อวันที่26 เมษายน2550 ณ.โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนแวนชั่น กรุงเทพมหานคร เจ้าภาพของงานคือสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ผู้เข้าร่วมงานมีประมาณ800คนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการหรือตัวแทนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการโรงงานสีขาว,เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลทั้งที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนและสังกัดรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานบริการด้านยาเสพติดหรือที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัยในเขตกรุงเทพและปริมณฑล,และตัวแทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง...
เนื่องจากสถานที่จัดงานอยู่ในเขตที่แม้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแต่ถ้าออกช้ารถมักจะติด เรา(หมายถึงฉันกับป้านิตย์)จึงรีบออกจากบ้านพักของแต่ละคนตั้งแต่เช้าเพื่อมาถึงสถานที่จัดการประชุมก่อนเวลากว่าชั่วโมงทำให้ได้มีโอกาสดูและเยี่ยมชมบู้ทนิทรรศการที่ผู้จัดจัดเตรียมไว้... บางบู้ทยังไม่มีเจ้าหน้าที่/ตกแต่งบู้ทแล้วเสร็จก็มี...สังเกตดูว่ามีคนมาก่อนเวลางานค่อนข้างมากทางผู้จัดก็เลยมีการเสริมให้พวกที่มาเช้าทานอาหารเบรกรองท้องรอท่านประธานในงานไปพลางๆ
เมื่อประธานเดินทางมาถึงตรงเวลาตามหมายกำหนดการ...ก่อนเริ่มพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ได้มีการแสดงละครสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดในแรงงานตามโรงงานต่างๆซึ่งแสดงโดยกลุ่มน้องนิสิตนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งใช้เวลาสั้นๆไม่ถึงสิบนาทีแต่ก็ทำให้เห็นวงจรของการแพร่ระบาดของการใช้ยาบ้าในกลุ่มแรงงานและแนวทางในการป้องกันซึ่งต้องอาศัยกลุ่มเพื่อนในโรงงานด้วยกันเองช่วยเหลือ
ประธานในพิธีคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน(นายอภัย จันทนจุลกะ)สิ่งที่ท่านฝากไว้ก็คือ การประชุมครั้งนี้เปรียบเหมือนการสร้างกระแสทางสังคมที่จะต้องตระหนักถึงการหวนกลับมาระบาดใหม่ของปัญหายาเสพติดภายในประเทศ..อย่างกลุ่มแรงงานในระบบซึ่งมีไม่น้อยกว่า39ล้านคน..จะมีอะไรเกิดขึ้นหากแรงงานเหล่านี้ตกอยู่ในวังวนของการใช้/ติดสารเสพติด...ผลกระทบเรื่องสารเสพติดนี้จึงมิใช่เป็นเพียงปัญหาส่วนตัวของแรงงานคนใดคนหนึ่งเท่านั้น...โครงการกิจกรรมโรงงานสีขาวซึ่งอยู่ในการช่วยเหลือแนะนำของกองสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่ทั้งหมดนั้นยังมีส่วนอื่นๆทั้งที่เป็นด้านผู้ประกอบการ,ส่วนของสาธารณสุขและชุมชนที่จะต้องใส่ใจและขยายผลของงานรณรงค์และป้องกันปัญหายาเสพติดนี้ต่อไปอีก
การจัดประชุมนี้แบ่งเนื้อหาการบรรยายออกเป็นสองช่วงในช่วงเช้าหลังจากประธานกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้นและเดินทางกลับไปแล้วก็มีการนำเสนอประสบการณ์ในหัวข้อ"ผู้ประกันตนสดใส..ห่างไกลยาเสพติด"ซึ่งมีผู้อภิปรายหลัก3ท่านเป็นชายทั้งหมด
หนึ่งในนั้นเป็นแรงงานอดีตผู้ติดสารเสพติด(ใช้ยาบ้า)แต่เมื่อต่อมาเมื่อทางโรงงานของเขามีนโยบายมอบโอกาสให้แรงงานที่ติดสารเสพติดเข้ารับการรักษาโดยสมัครใจและไม่ได้มีการปลดออก..เขาก็เข้ามาสมัคร,อดทนจนประสบความสำเร็จในการเลิกการใช้สารเสพติด
ส่วนอีกหนึ่งนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายฝึกอบรมและแรงงานสัมพันธ์ของโรงงานที่มาเล่าถึงแนวคิดและเป้าหมายของการจัดโครงการการให้โอกาสแก่แรงงานที่มีปัญหายาเสพติด..นอกเหนือจากเป็นนโยบายขององค์กรที่สนใจใส่ใจต่อสภาพความกินดีอยู่ดีของแรงงานแล้วเขาเล่าถึงผลพลอยได้ที่เกิดติดตามมาจากความพยายามที่จะเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหายาเสพติดของพนักงานว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรและมีส่วนต่อการเพิ่มผลผลิตของโรงงานอีกด้วย.
.ส่วนอีกหนึ่งนั้นท่านเป็นพระ(พระอาจารย์พระมหาสุภาพ พุทธวิริโย)อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธ์ วัดป่านาคำที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสนั้นเป็นวัดหนึ่งที่เข้าร่วมในโครงการบ้านเปลี่ยนวิถีซึ่งดำเนินกิจกรรมให้วัดเป็นเหมือนสถานสงเคราะห์บำบัดและฟื้นฟูแก่ผู้มีปัญหาการใช้สารเสพติดมีอยู่ขณะนี้ประมาณ36วัดทั่วประเทศและคาดว่าอาจจะเพิ่มจำนวนอีกเป็นพันกว่าวัดในอีก5-6ปีข้างหน้า..พระอาจารย์ได้มาเล่าถึงแนวคิด.พรบ.ที่เกี่ยวข้อง.กระบวนการ..ลักษณะกิจกรรมที่ท่านได้นำมาใช้..ในทัศนะของพระอาจารย์การดำเนินกิจกรรมการฝึกอบรมดูแลและฟื้นฟูแก่ผู้ติดสารเสพติดภายใต้การดูแลของพระนั้นมีจุดแข็งในด้านทุนทางสังคม..อย่างเมื่อผู้เข้ารับการบำบัดจะต้องไปรายงานตัวหรือรับการฟื้นฟูแล้วเกิดเจอคนที่รู้จักทักถามหากเขาต้องไปเข้าอยู่ที่ค่ายทหารอาจจะตะขิดตะขวงใจที่ตอบว่ากำลังจะไปที่ไหนแต่ถ้าตอบว่าไปวัดความรู้สึกทั้งของผู้ถามและผู้ตอบก็จะคนละแบบกัน..สิ่งหนึ่งที่พระอาจารย์นำเสนอก็คือการทำงานเป็นภาคีและระเบียบนโยบายที่ชัดเจนจะเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ข้ามผ่านภูเขา"อัตตา"ซึ่งพระอาจารย์เน้นว่า"คนทำงาน"ไม่ว่าวงการไหนเมื่อทำงานไประยะหนึ่งนั้นย่อมมีอัตตาเกิดขึ้นด้วยกันทั้งนั้น..หากแต่ความเข้าใจในจุดมุ่งหมายและความพยายามของการร่วมมือกันเป็นภาคีก็เป็นตัวช่วยให้ผู้ทำงานนั้นไต่ระดับข้ามพ้นภูเขาอัตตาของตนนั้นได้อุปสรรคในการดำเนินงานพระอาจารย์แนะเป็นทฤษฏีsnow ballที่การทำงานสาธารณสงเคราะห์ทุกอย่างนั้นเปรียบเหมือนกับการที่เราเข็นหิมะขึ้นภูเขานอกจากจะต้องระวังคอยหลบต้นไม้ตามทางที่เข็นขึ้นไปแล้วยังจะต้องระมัดระวังตอที่อาจเกิดขึ้น(ในความหมายที่ขยายเพิ่มเติมท่านหมายถึงอิทธิพลมืด)ซึ่งตอมีหลายแบบทั้งตอที่พ้นเหนือพื้น(มองเห็นและหลบหลีกง่าย),ตอใต้หิมะ(ที่หิมะยิ่งก้อนใหญ่ขึ้นๆจะต้องมีสัมผัสหรือรู้สึกได้เป็นธรรมดา)และตอเหนือเมฆ (ซึ่งท่านไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมนอกจากยิ้มๆ)ถ้าไม่รู้จักวิธีการประคองก้อนหิมะและไม่เรียนรู้ที่จะหลบหลีก/ประนีประนอมกับต้นไม้และตอต่างๆแล้วหิมะก้อนที่ประคับประคองอยู่ก็อาจแตกตัวหรือกระจายออกไปไม่เป็นรูปร่างได้..
ข้อคิดที่พระอาจารย์ฝากให้ก็คือการดูแลและแก้ไขปัญหายาเสพติดเปรียบเหมือนกับการปลูกป่าที่ได้อะไรมากยิ่งกว่าการมีต้นไม้
หลังพักรับประทานอาหารกลางวัน มีการอภิปรายในหัวข้อเรื่อง.กระบวนการ รูปแบบ บทเรียน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมีวิทยากรคือ รอ.ท.นพ.สมิต วัฒนธัญญกรรม(สถาบันธัญญรักษ์)มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวประเภทของสารเสพติดและผลที่มีต่อสุขภาพของผู้เสพ คุณหมอมีวีดีโอแสดงให้เห็นตัวอย่างจริงของผู้ใช้ยาบ้ารายหนึ่งที่ปกติใช้ไม่ต่ำกว่า20-30เม็ดเขากำลังใช้มีดยาวฟันตามร่างกายของตนเพราะเกิดอาการประสาทหลอนได้ยินเสียงไก่ขันรบกวนอยู่ในหู..โดยที่คนรอบข้างก็ไม่สามารถเข้าไปห้ามหรือช่วยเหลือได้เนื่องจากเสี่ยงต่ออันตราย กว่าชายรายนี้จะหมดฤทธิ์ร่างกายของเขาก็เกิดบาดเจ็บเป็นแผลไม่น้อยกว่า20-30แผลเลยทีเดียว..ดูแล้วตื่นเต้นหวาดเสียวไม่น้อย,
คุณตติยา ทุมเสนจากสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต นำเสนอเทคนิคในการปฏิเสธการชักชวนซึ่งจากข้อมูลที่ว่ากลุ่มที่ใช้ยาเสพติดในโรงงานเริ่มมาจากการถูกชักชวนจากเพื่อน/คนรู้จักคุ้นเคยกันในที่ทำงาน..หลายคนที่ต้องการหยุดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธการชักชวนจากเพื่อนร่วมวงอย่างไรไม่ให้เสียเพื่อน...เคล็ดอยู่ที่หนึ่งต้องมาจากตัวเราที่เห็นข้อดีและข้อเสียของการตัดสินใจนั้นๆอย่างชัดเจนขึ้นมาเสียก่อนต่อมาเมื่อเจอเพื่อนชวนให้ไปเสพยาต้องรู้จักหลบหรือปฏิเสธโดยคำนึงถึงการรักษาสัมพันธภาพกันไว้ เช่น ไม่ติหรือต่อว่าอีกฝ่ายหากแต่กล่าวถึงการปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนพร้อมๆกับขอความยอมรับ,อ้างความรู้สึกของตัวเราเองที่ไม่ชอบ/ไม่อยากเสพยานั้นอีกและสุดท้ายขอบใจที่เพื่อน/คนชวนนั้นยอมรับการปฏิเสธของตัวเรา...
ส่วนวิทยากรอีกท่านหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงงานผลิตบอดีพาร์ทรถยนต์ส่งให้แก่บริษัทผู้ผลิตทั้งภายในและต่างประเทศที่อยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยอง ซึ่งโรงงานที่เธอทำอยู่มีคนงานประมาณ500คนและในจำนวนนี้กว่า90เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย ซึ่งภาษาที่เธอใช้ว่า"บรรยากาศเป็นใจ"สื่อความหมายถึงสภาพความเสี่ยงในที่ทำงานที่จะทำให้เกิดความชุกของการใช้และซื้อหายาเสพติด เธอมาเล่าถึงการเริ่มต้นจัดทำโครงการโรงงานสีขาว ด่านแรกที่ต้องฝ่าและทำให้ยอมรับก็คือความเห็นชอบและสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงซึ่งการทำโครงการโรงงานสีขาวนี้นอกจากการดึงการมีส่วนร่วมจากพนักงาน,การมีนโยบายและระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการปัญหายาเสพติดที่ชัดเจนจุดเด่นอีกอย่างของกิจกรรมโรงงานสีขาวที่วิทยากรมาเล่าให้รู้ก็คือการวางแผนงานกิจกรรมทดแทนที่มีอยู่ตลอดทั้งปีรวมถึงการจัดอบรมความรู้ให้กับกลุ่มแกนนำ..มีการวางแผนวัดและประเมินผลกิจกรรมซึ่งทำให้กิจกรรมโรงงานสีขาวของโรงงานได้ทั้งเงิน(จากการเพิ่มผลผลิต)และกล่อง(การยกย่องเป็นต้นแบบจากหน่วยงานและองค์กรชุมชน)
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปเข้าร่วมประชุมครั้งนี้..นอกเหนือจากเอกสารความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด.,สื่อรณรงค์ลักษณะต่างๆแล้ว
แก่นความรู้อย่างหนึ่งที่วิทยากรทั้งหกท่านในภาคเช้าและภาคบ่ายให้ความสำคัญอยู่สอง-สามประเด็น คือ การขจัดปัญหาติดสารเสพติดมิใช่แค่การบำบัดหากแต่ยังต้องเป็นการเรียนรู้จักที่จะให้โอกาสแก่ผู้ที่ผิดพลาดไปแล้วให้เขาได้พิสูจน์ตนเอง เรียนรู้ที่จะแก้ไขหรือใช้วิธีการอื่นแทนการใช้สารเสพติด, กลุ่มเพื่อนเป็นส่วนสำคัญในการเกิดปัญหาและช่วยเยียวยาปัญหาได้เช่นเดียวกัน,ความมุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในทุกระดับที่เกี่ยวข้องคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการดำเนินโครงการ
ไม่มีความเห็น