กบฎ ปฏิวัติ รัฐประหาร


กบฎ ปฏิวัติ รัฐประหาร

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการเปลียนรัฐบาลหรือคณะผู้ปกครองหรือการเปลี่ยนกติการการปกครองหรือรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศปกติรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศย่อมกำหนดวิธีการเปลี่ยนแปลงไว้ เช่น ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทุก 4 ปี หรือ 5 ปี หรือเลือกประธานาธิบดีทุก 4 ปี หรือ 6 ปี เพื่อให้โอกาสประชาชนติดสินใจว่าจะให้บุคคลใดหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดได้เป็นผู้ปกครอง และกำหนดวิธีการเปลี่ยนแปลงหลักการหรือสาระของรัฐธรรมนูญหรือแม้กระทั่งสร้างรัฐธรรมนูญใหม่แทนฉบับเดิม การเปลี่ยนแปลงตามกระบวณการดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสันติวิธี และเป็นวิถีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามทีการเปลี่ยนแปลงอีกวิธีหนึ่งที่ถือว่าเป็นวิธีการรุนแรงและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นั่นก็คือการใช้กำลังเข้าข่มขู่ เช่น ใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเดิมไล่คณะรัฐมนตรีออกไปและตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยกลุ่มของคนที่ยึดอำนาจเข้ามาแทนที่หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ วางกฎและกติกาตามที่กลุ่มผู้มีอำนาจปรารถนา โดยปกติคณะหรือกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาเปลี่นแปลงด้วยวิธีนี้จะต้องมีกองกำลังติดอาวุธเข้าปฏิบัติการ มิฉะนั้นแล้วก็ยากที่จะสำเร็จ และถึงมีกำลังก็ไม่อาจไม่สำเร็จเสมอไป เพราะมีองค์ประกอบการสนับสนุนหรือต่อต้านจากประชาชนเข้ามาเป็นปัจจัยประกอบด้วย

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองก็คือว่า การเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้ปกครองประเทศมักไม่เป็นไปตามกติกาหรือระเบียบแบบแผนโดยสันติวิธี ตรงกันข้ามมักเกิดการแย่งชิงอำนาจด้วยการใช้กำลังอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปของการจลาจลกบฏ ปฏิวัติหรือรัฐประหารความหมายของคำเหล่านี้เหมือนกันในแง่ที่ว่าเป็นการใช้กำลังอาวุธยึดอำนาจทางการเมืองแต่มีความหมายต่าง กันในด้านผลของการใช้กำลังความรุนแรงนั้นหากทำการไม่สำเร็จก็กูกเรียกว่ากบฏจลาจล (rebellion) ถ้าการยึดอำนาจนั้นสัมฤทธิผล และเป็นเพียงเปลี่ยนรัฐบาลเรียกว่ารัฐประหาร (coupd etat) แต่ถ้ารัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครองนับว่าเป็นการปฏิวัติพังเช่น การปฏิวัติครั้งสำคัญ ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ได้แก่ การปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศล ค.ศ. 1789 การปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ. 1917 การปฏิวัติของจีนในปี ค.ศ. 1949 เป็นต้น

สำหรับในการเมืองไทยคำว่าปฏิวัติกับรัฐประหารมักใช้ปะปนกันแล้วแต่ผู้ยึดอำนาจได้นั้นจะเรียกตัวเองว่าอะไร เท่าที่ผ่านมามักนิยมใช้คำว่าปฏิวัติ เพราะเป็นคำที่ดูขึงขังน่าเกรงขามเพื่อความสะดวกในการธำรงไว้ซึ่งอำนาจ

ที่ได้มานั้น ทั้งที่โดยเนื้อแท้แล้วนับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่แท้จริงครั้งเดียวที่เกิดขึ้น ในประเทศไทย การยึดอำนาจโดยวิธีการใช้กำลัง ครั้งต่อ ๆ มาในทางรัฐศาสตร์ถือว่าเป็นเพียงการรัฐประหารเท่านั้น เพราะผู้ยึดอำนาจได้นั้นไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลักการมูลฐานของระบอบการปกครองเลย ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเมืองและมิให้สับสนกับการใช้ชื่อเรียกตัวเองของคณะที่ทำการยึดอำนาจทั้งหลาย อาจสรุปได้ว่าความหมายได้ว่าความหมายแคบ ๆ โดยเฉพาะเจาะจงสำหรับคำว่าปฏิวัติ และรัฐประหารในบรรยากาศการเมืองไทยเป็นดังนี้คือ ปฎิวัติ หมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ อาจมีหรือไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอาจจัดตั้งให้มีรัฐบาลและสภาตามแบบฉบับการปกครองโดยทั่วไป แต่รัฐบาลและสมาชิกสภาจะมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด” ส่วน “รัฐประหารหมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต่อไป หรือประกาศใช้รัฐธรรมฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก

กบฎ ปฎิวัติ  รัฐประหารแยกตามประเภทเหตุการณ์

กบฎ

ปฎิวัติ

รัฐประหาร

1.กบฎ ร.ศ.130

2.กบฎบวรเดช
(11 ตุลาคม 2476)

3.กบฎนายสิบ
(3 สิงหาคม 2478)

4.กบฏพระยาทรงสุรเดช
หรือกบฏ 18 ศพ
(29 มกราคม 2482)

5. กบฎเสนาธิการ
(1 ตุลาคม 2491)

6.กบฏแบ่งแยกดินแดน
(พย. 2491)

7.กบฏวังหลวง
(26 กุมภาพันธ์2492)

8.กบฏแมนฮัตตัน
(29 มิถุนายน 2494)

9.กบฏสันติภาพ
(8 พฤศจิกายน 2497)

10.กบฎ 26 มีนาคม2520

11.กบฎยังเตอร์ก
(1 เมษายน2524)

12.กบฏทหารนอกราชการ
(9 กันยายน 2528)

1.คณะราษฎร ปฎิวัติ (4 มิ.ย. 2475)

 

1.พ.อ. พระยาพหลฯ ทำการรัฐประหาร
(20 มิ.ย. 2476)

2.พล.ท.ผิน ชุณหะวัณและคณะนายทหารบกทำการรัฐประหาร
(8 พ.ย. 2490)

3.จอมพล ป. พิบูลสงครามทำการรัฐประหาร
(29 พ.ย. 2494)

4.จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหาร
(16 กันยายน 2500)

5.จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร
(20 ตุลาคม 2501)

6. จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร
(17 พฤศจิกายน 2514)

7.พล.ร.อ สงัด ชลออยู่ ทำการรัฐประหาร
(20 ตุลาคม 2520)

8.พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ทำการรัฐประหาร
(23 กุมภาพันธ์ 2534)

หมายเลขบันทึก: 92841เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2007 13:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2015 01:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดีเสมอ

P
Man In Flame เมื่อ

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยื่ยมชม

  • จริงหรือครับ ที่ว่าสิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดีเสมอ สิ่งที่เกิดผมว่าย่อมมีทั้งสิ่งที่ดี เป็นกลาง และไม่ดี นะครับ สิ่งที่ดี เช่น มีประโยชน์ สิ่งที่เป็นกลาง เช่น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นแล้วไม่กระทบกระเทือนหรือส่งผลใด ๆ ตามมา แม้กระทั้งผลทางได้จิต สิ่งที่ไม่ดี เช่น สิ่งนั้นเกิดขึ้นทำให้ขุ่นข้องหมองใจ ทำให้เสื่อม ฯลฯ (จริงหรือปล่าวครับ)

มาเยี่ยม...

เป็นวัฒนธรรมแบบไทย ๆ และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน...รัฐธรรมนูญของสหรัฐ ฯ มีและใช้เพียงฉบับเดียว...ขณะของไทยมีหลาย...ผู้รู้ปราชญ์มักซ่อนตน

ฮา ๆ เอิก ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท