อยากเขียนและคิดเกี่ยวกับเรื่องสบายๆ บ้าง เพราะมีเรื่องงานเข้ามาทำให้เครียดหลายวัน การมีโอกาสมาเขียนบันทึก และตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำ ส่งผลให้เราได้กลับมาอ่านหนังสือที่ซื้อมาเก็บเก็บ จนไม่มีที่จะเก็บ
แค่เห็นประโยคเดียวที่บอกว่า มีความสุขจึงยิ้ม เมื่อได้ยิ้มก็จะเป็นสุข ช่วยทำให้ฉุกคิดว่า จริงสินะบางทีเรามีความสุข ที่ได้พบอะไรที่ถูกใจ ยังเผลอยิ้มออกมาได้ หรือบางคราวได้อ่าน e-mail เห็นภาพสัตว์น่ารักยังยิ้มออกมาได้ ทำให้คลายความเครียดลงไปได้เยอะทีเดียว
เคยเห็นป้ายที่ติดที่ office บางแห่งเป็นเหมือนสัญญาณเตือน ว่า วันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยัง พอคนเห็นป้ายนี้ก็จะอมยิ้มนิดนึง แม้แต่ที่บ้านครูบาสุทธินันท์ก็มีป้ายที่เขียนประโยคนี้ไว้เหมือนกัน คงอยากให้ทุกคนที่มาเยียมเยือนมาแล้วมีความสุข คนบางคนดูเหมือนจะยิ้มไม่ค่อยเป็น เรียกว่าเป็นเสือยิ้มยาก มีเพื่อนสนิทคนนึงเป็นผู้ชาย ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ยิ้มยากมากๆ เวลาที่เขายิ้มจะดูเหมือนไม่ได้เป็นยิ้มที่สดใส หรือมาจากน้ำใสใจจริง แค่นยิ้ม หรือแสยะยิ้ม อันนี้คนเห็นก็คงจะไม่ได้สุขไปด้วยเท่าไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ทำให้เขาถูกเจ้าความดันโลหิตสูงเข้าโจมตีตั้งแต่อายุยังไม่ 40 ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี
มีอีกรายเป็นน้องที่เคยทำโครงการพิเศษร่วมกัน เขาก็เป็นผู้ชายที่ดูซีเรียสมาก ทำงานเอาจริงเอาจัง มีอยู่วันนึงพอจบโครงการเกือบปีที่ทำร่วมกันมา แล้วเดินสวนกันระหว่างทางโดยบังเอิญ เขาพูดประโยคนึงที่ทำให้เรางงว่า "พี่เป็นคนที่ยิ้มเก่งมากเลย คนที่บ้านพี่เขาคงจะมีความสุขที่เห็นพี่ยิ้ม" ตอนนั้นแอบคิดในใจว่า อ้าว นี่เรากลายเป็นคนชอบยิ้มมากเกินไปหรือเปล่า ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย แล้วเขาก็พูดต่อไปว่า "พี่รู้ไหมเวลาผมกลับจากที่ทำงาน ไปถึงบ้านผมไม่เคยยิ้มให้คนที่บ้านเลย" ก็เลยอดเป็นห่วงไม่ได้ บอกเขาว่า ถ้าพี่เป็นคุณผู้หญิงของคุณ สิ่งที่พี่อยากเห็นมากที่สุดเมื่อได้พบหน้าคุณ ก็คือรอยยิ้มของคุณนั่นแหละ ลองกลับไปทดลองดูสิ คุณจะเห็นว่าภรรยาคนสวยของคุณเขาต้องแปลกใจ แล้วส่งยิ้มกลับคืนมาให้คุณแน่นอน
ยังมีอีกราย ไม่รู้ว่าเครียด หรือจริงจังอะไรหนักหนา หน้านิ่ว คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาที่นั่งทำงาน รายนี้ก็ทำให้เราอึ้งอีกเหมือนกัน หลังจากนั่งทำงานตึกเดียวกันมาหลายเดือน วันนึงเขาคงอดทนต่อไปไม่ไหว ตอนระหว่างนั่งรอประชุม เขาก็มาถามว่า "ทำไมเวลาเจอหน้าผมทีไร พี่ต้องยิ้มให้ผมทุกที" อึ้งไปพักนึงเสีย self เลย มาอีกแล้ว หาว่าเรายิ้มมากไป ก็เลยตอบกลับไปว่า "อ้าว ยิ้มให้ก็น่าจะดีกว่าทำหน้าบึ้งนะ"
หลายคนที่ได้ฟังเรื่องตัวอย่างที่นำมาเล่า คงไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่ไม่ชอบการยิ้มด้วยหรือ จากประสบการณ์ของตัวเอง การยิ้มเป็นเสมือนคำพูดทักทาย บางครั้งไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่ส่งยิ้ม ก็เป็นการส่งมิตรภาพ ส่งความสุข และคำทักทายไปในตัว ข้อสำคัญคือต้องเป็นการยิ้มที่มาจากใจจริง ยิ้มทั้งปากและตา จะทำให้ผู้ที่ได้รับไม่กล้าที่จะไม่ยิ้มตอบ บรรยากาศในที่ทำงานแห่งนั้นก็จะเต็มไปด้วยความสุข
สวัสดีค่ะ
ยิ้ม แล้ว สบายใจค่ะ ตอนนี้ยิ้มทุกวัน ความดันปกติค่ะ
ทำใจสบายๆ ยิ้มๆๆ
ลองดูยิ้มๆข้างล่างค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่ sasinanda
แวะไปอ่านบันทึกของพี่แล้ว ได้ความรู้บวกความมั่นใจมากขึ้น จะยิ้มสู้อย่างจริงใจต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะคุณส้ม
คุณส้มขยันแต่งบล็อก และเก่งจัง มารอบนี้สีสบายตาดีค่ะ ...
ตัวเองก็เป็นคนชอบยิ้มค่ะ เอะอะอะไรยิ้มไว้ก่อนค่ะ ฉะนั้นใครที่ไม่ชอบยิ้มนี้จะไม่เข้าใจค่ะ ไม่ไหนไม่ยิ้มเหนื่อยค่ะ ... เวลาหัวเราะก็ชอบหัวเราะเต็มเสียง แต่ก็ต้องมีอะไรที่มาทำให้หัวเราะได้จริง ...
การเขียนบล็อกทุกวัน เป็นความตั้งใจของตัวเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่าจะลองดูซิบันทึกทุกวันจะทำได้มั้ย แต่แล้วมีเหตุผิดพลาดทางเทคนิคบางประการจึงไม่สำเร็จ มาสำเร็จได้เมื่อเดือนมีนาคม พอเมษาคิดว่าจะสบายๆ ไม่บันทึกทุกวันแล้ว แต่ปรากฎว่า บอกไม่ถูกค่ะ อยากดีใจที่ทำได้มังค่ะ เลยบันทึกทุกวันค่ะ เป็นการฝึกเอาชนะตัวเองอย่างหนึ่งค่ะ....แต่พรุ่งนี้จะไม่อยู่ 3 วัน ไม่ทราบว่าจะสามารถเข้าบล็อกได้รึปล่าว.....
คุณส้มละค่ะ มีแรงบันดาลใจอะไรรึปล่าวค่ะ เพราะคุณส้มก็บันทึกทุกวัน.....