เรามาสังเกตุดูกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณไหม
>> Input ประสาทสัมผัสทั้ง6
mouse
keyboard
microphone
scaner
tuchscreen (เป็นได้ทั้ง input output)
modem (เป็นได้ทั้ง input output)
>> Analog to Digital รับรู้(01010)
>> Memory รับเอา(Rom Ram)
>> CPU ประมวลผล ชอบ-ไม่ชอบ
>> Output อารมณ์
(Digital to Analog)
Mornitor
printer
projector
ซึ่งสมารถแสดลผลได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ
กระบวนการเหล่านี้ยังมีกระบวนการย่อยๆอื่นๆอีกมากมาย โดยมีกระแสไฟฟ้าทั้งอนาล็อคและดิจิตอลเป็นตัวเชื่อมระหว่างอุปกรณ์แต่ละส่วน และเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการทำงาน
>> ประสาทสัมผัสทั้ง6
>> รับรู้(คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าเคมี)
>> รับเอา(ชอบ-ไม่ชอบ)
>> อารมณ์
อธิบายเป็นการทำงานทางกายภาพได้ดังนี้
>> หู ตา จมูก ลิ้น ผิวหนัง ใจ -------> รูป
>> คลื่นสัญญาณไฟฟ้าเคมี
>> ต่อมไร้ท่อ
>> คลื่นสมอง (จิตจำ) --------> สัญญา
>> ชอบ-ไม่ชอบ (จิตแสดงสภาวะ) --------> เวทนา
>> อารมณ์ (จิตใช้) --------> สังขาร
>> คลื่นความถี่ไฟฟ้าแม่เหล็ก พลังงานจิต (จิตรู้) ---> วิญญาณ
กระบวนการทั้งหมดนี้ ก็ต้องอาศัยคลื่นสัญญาณไฟฟ้าเคมีและคลื่นความถี่ไฟฟ้าแม่เหล็ก เป็นตัวเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ส่วนต่างๆภายในร่างกาย แต่มีความละเอียดอ่อนยิ่งกว่า Super computer เป็นไหนๆ
หน่วยความจำ (Memory) คือพื้นที่พักข้อมูลชั่วคราวของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูล
คนที่มีความสามารถจะต้องร้องเพลง เล่นละครเก่งหล่อสวย เท่านั้นหรือ ถึงเวลาเปลี่ยนสถาปัตยกรรมทางความคิดกันเสียที หรือจะรอให้ไวรัสครองเมือง
สิ่งที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ มนุษย์ ผู้หลงคิดว่า ตนเป็นสัตว์ประเสริฐ ในบางแง่บางมุมแล้ว กลับโง่กว่าเต่ากว่าปลา กว่าหมากว่าแมวสัตว์พวกนี้ถ้ารู้ว่าสิ่งไหนคือยาพิษ มันจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมแม้แต่จะเข้าไกล้คนเราสามารถเดินทางไปไกลถึงดาวดวงไหนๆ แต่กลับไม่สามารถทำตัวให้ปากห่างจากขวดเหล้าหรือบุหรี่แม้แต่คืบเดียว คงไม่มีใครสามารถบังคับจับขวดเหล้าจับบุหรี่ใส่ปากเราได้หรอกนะ นอกจากตัวเราเองทั้งนั้น รู้ว่านี่คือยาพิษ ทำลายสมองทำลายตับ ทำลายปอด ก็ยังไม่ยอมหนีไปไหนห่าง แม้แต่รัฐเองยังแสวงหาผลประโยชน์ ภาษีเงินสกปรกจำนวนแสนๆหมื่นล้าน จากยาพิษเหล่านี้ รณรงค์กันให้ตายก็ไม่มีวันหมดจากผืนแผ่นดินไทย ถามจริงๆเถอะ ถ้าประเทศไทย ไม่มีหรือไม่ได้รายได้จากภาษีพวกช้างสาร เสือสิงห์กระทิงแรด พวกสัตว์ป่าดุๆเหล่านี้ ประเทศชาติจะล่มจมไหม ปีใหม่ เทศกาล จะมีคนตาย สี่ร้อยห้าร้อยคนเพราะอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากสุราไหม ปีหนึ่งๆจะมีคนตายเพราะถุงลมโป่งพอง,ตับแข็ง อุบัติเหตุจากสุรา ทะเลาะวิวาท ครอบครัวแตกแยกเพิ่มขึ้นไหม ฯลฯ ภาษีที่ได้มา กับงบประมาณ,ชีวิตทรัพย์สิน ปัญหาสังคมและคราบน้ำตาที่สูญเสียไป มันคุ้มกันไหม
ปัญญาประดิษฐ์จึงกลายเป็นปัญหา ถ้าไม่เรียก ว่า โง่กว่าหมากว่าแมว หรือสมองหมาปัญญาควาย แล้วจะให้เรียกว่าอะไรต่อให้ได้ใบปริญญามาสองสามใบ หรือมีมันสมองแบบ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ก็ยังเป็นเพียงความจุของความจำ การเชื่อมโยงและกระบวนการทางความคิดที่เป็นเลิศ "ปัญญา"ที่มีแบบนี้ จึงเป็นได้เพียง"ปัญญาประดิษฐ์"เท่านั้นเอง
น่าเสียดายที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มีเวลาได้ศึกษาพุทธศาสนาในบั้นปลายของชีวิตเท่านั้น
สวัสดีค่ะคุณน้อง Man In Flame เปลี่ยนชื่อแล้วหรือ
ขอบคุณที่ให้ข้อคิดในวันนี้..สุขสันต์ในวันครอบครัวค่ะ
ตามมาอ่านแล้วนะ ดีๆ
พี่ว่าโจทย์ที่ยากที่สุดคือ คนสร้างไม่รู้ว่า "ผู้ดูที่เป็นผู้ตื่นกับที่เป็นผู้รู้ เนี่ยะ มันคืออะไรกันแน่"
เหมือนกับที่น้องเขียนว่า
"ไม่รู้ว่า"ปัญญา" อยู่ที่ไหน รูปร่างเป็นยังไง
แต่ที่แน่ๆคือ ไม่ได้อยู่ในCPUแน่นอน"
ชอบมาก
now i am error !!!! - -"
ก่อนอื่นผมขอชมคุณอีกครั้งนะครับ คิดว่าเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งก่อนชื่อ daydevil หรืออะไรทำนองนี้แหละ คือชมว่า เป็นการนำเสนอที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก และลึกซึ้งมาก คราวนี้ผมคิดอย่างนี้ครับ
Analog to digital ---- (รับรู้) ผมคิดว่าน่าจะเป็น = รับ, แต่ "ไม่เท่ากับ รับรู้" ซึ่งมีนัยของ "ความรู้สึก"รับรู้ แฝงอยู่ด้วย
CPU ประมวลผล ---- (ชอบ - ไม่ชอบ), ผมคิดว่าน่าจะเป็น "ไม่เท่ากับ ชอบ - ไม่ชอบ"
Output --- อารมณ์, ควรเป็น "ไม่เท่ากับ - อารมณ์"
รับรู้ (คลื่นความถี่ไฟฟ้า) "ไม่เท่ากับ" คลื่นความถี่ไฟฟ้า
นิพพาน >> ที่เป็นทั้งผู้"รู้" ผู้ "ตื่น" และผู้"เบิกบาน"
ผมคิดว่า "นิพพาน" >> เป็นผู้"รู้" เรื่องของ "กิเลสและกองทุกข์" จึงได้ "ดับ"มันเสีย จึงเป็นผู้"ตื่น" เนื่องจากไม่หลับอยู่ในกองกิเลสและกองทุกข์อีกต่อไป (ในขณะที่คนอื่นยังหลับไหลอยู่กันมัน) แต่เป็นผู้ "เบิกบาน" นี่ซี น่าสงสัย? เพราะมันมีนัยของ"ความพอใจ,ดีใจ" เจือปนอยู่ ซึ่งกระเดียดไปทางมีอารมณ์ไม่มากก็น้อยครับ
อันที่จริง เรื่องของ Artificial Intelligence หรือ "ปัญญาเทียม"นี้ เกิดมีขึ้นหลังจากเรามีคอมพิวเตอร์ใชกันแล้ว และผู้คิดใช้ก็มีแนวคิดกระเดียดไปทาง Materialism จึงคิดว่า "จิต"ของมนุษย์(Human Mind) นั้น ที่แท้ก็คือสมอง(วัตถุ)นั่นเอง หาใช่ "อวัตถุ" หรือ "อสสาร"ใดๆไม่ ถ้าเช่นนั้น กระบวนการคิดของมัน"จะต้องเป็นแบบเครื่องจักรกล" ว่าแล้วก็ตั้งโจทย์ทางคณิตศาสตร์ให้มันคิด และ "สกดรอยกระบวนการคิด"ของมันไปอย่างกระชั้นชิด ก็พบว่า "เครื่องจักรกับสมองคิดด้วยกระบวนการที่คล้ายกัน !! " ก็ฮือฮากันหลายสิบปีมาแล้ว
แต่ --- สมอง"มีความรู้สึก"ว่ามันกำลังคิดอยู่ !! ในขณะที่คอมพิวเตอร์ "ไม่มีความรู้สึก"นั้นเลย !!
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว