ประเพณีถือศีลกินผัก (เจียะฉ่าย) จังหวัดภูเก็ตนั้นเริ่มครั้งแรกที่อำเภอกะทู้ ในปี พ.ศ. 2368 พระยาถลาง (เจิม) ได้ย้ายเมืองถลาง มาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ดีบุก แต่บริเวณดังกล่าว เป็นป่าทึบมีไข้ป่าชุกชุม ดังนั้นเมื่อมีคณะงิ้วเร่ (ปั่วฮี่) จากเมืองจีนมาเปิดการแสดง และเกิดล้มเจ็บลง คณะงิ้ว จึงได้ประกอบพิธีกินผักขึ้น เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า “ กิ๋วอ๋องไต่เต่ ” และ “ ยกอ๋องซ่งเต่ ” หลังจากนั้นปรากฏว่า โรคภัยไข้เจ็บ ได้หมดไปชาวกะทู้สอบถามได้ความ เช่นนั้นก็เกิดศรัทธา จึงประกอบพิธีกินผักขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืน เพื่อความ เป็นมงคลแก่ตนเอง และบ้านเมือง ต่อมามีผู้รู้รับอาสา ไปอัญเชิญเหี่ยวโห้ย หรือ เหี่ยวเอี้ยน (ควันธูป) และเลี่ยนตุ่ย (ป้ายชื่อ) พร้อมทั้งคัมภีร์ต่างๆ ที่ใช้ในพิธีกินผัก ที่มณฑลกังไส ประเทศจีน และได้เดินทางกลับมาถึงใน วันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 เมื่อชาวบ้านทราบข่าว จึงได้จัดขบวนไปรับ ที่บ้านบางเหนียว อันเป็นกำเนิดของพิธีรับพระนั่นเอง
ในพิธีกินผักนั้น ช่วงบ่ายก่อนวันพิธีหนึ่งวัน จะมีพิธียกเสาโกเต้ง ไว้หน้าศาลเจ้า เพื่อประกอบพิธีอัญเชิญเจ้า “ ยกอ๋องซ่งเต่ ” (พระอิศวร) และ “ กิ๋วอ๋องไต่เต่ ” (ผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) มาเป็นประธานในพิธี และจะนำตะเกียง 9 ดวง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ ของการเริ่มพิธี ไว้บนเสาโกเต้งเวลาเที่ยงคืน นอกจากนี้ตลอด 9 วันของพิธีกินผัก จะมีพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีอัญเชิญลำเต้า - ปักเต้า (เทวดาผู้กำหนดเวลา เกิด และ ตาย) พิธีอิ้วเก้ง (พิธีแห่พระ) พิธีอาบน้ำมัน ขึ้นบันไดมีด พิธีโก้ยโห้ย (ลุยไฟ) พิธีโก้ยห่าน (สะเดาะเคราะห์) ตลอดจนการทรงพระ ซึ่งเป็นการอัญเชิญเจ้า มาประทับในร่าง ของม้าทรง และแสดงอิทธิฤทธิ์ ด้วยการทรมานร่างกาย ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อรับทุกข์ แทนผู้ถือศีลกินผัก และเพื่อความเป็นสิริมงคล แก่บ้านเมืองกล่าวกันว่า ผู้ที่จะเป็นม้าทรงได้ มีอยู่ด้วยกัน 2 กรณี คือ
ในระหว่างเทศกาล จะมีการประโคมด้วยกลองล่อโก๊ะ และจุดประทัด โดยเฉพาะในวันส่งพระ ซึ่งถือเป็นวันสิ้นสุดของ พิธีกินผัก ด้วยความเชื่อว่าเสียงดัง จะทำให้สิ่งชั่วร้ายหมดไป สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีกินผักนั้น นอกจากจะได้รับผลบุญ และความเป็นสิริมงคล แก่ตนเองแล้ว ยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจมีเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ ละเว้นอบายมุขทั้งปวง อันก่อให้เกิดความสะอาด สว่างสงบในจิตใจ
สวัสดีค่ะ
วันนี้สวัสดีรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ ทำไมขยันเขียนบล๊อกจังค่ะเนี่ย ราณีเคยไปงานเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต ค่ะ เพราะบ้านพี่ชายอยู่ที่นั่น (ลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ) เขาจัดได้ยิ่งใหญ่ มาก ๆๆ แต่ไปมานานแล้วค่ะสิบกว่าปีแล้ว ยังจำภาพได้ติดตาเลยค่ะเพราะไปดูขบวนแห่มาด้วย
สวัสดีเรื่อยๆครับ ผมจะเน้นนำเสนอเรื่องเทพเจ้ากับประเพณีท้องถิ่น ต้องการให้ทุกคนรู้ข้อมูลที่ถูกต้องจะได้ไม่ไปหลงผิดหรือเชื่องมงายครับ
มีโอกาสมาอีกซิครับ ดีมากเลยครับ ผมนะครับกินเจล่วงหน้าก่อนเทศกาลตั้ง 1 เดือน แต่มีอีกหลายคนที่กินเจตลอดชีวิต