แด่...เอมมี่ เด็กหญิงในความทรงจำ


เอมมี่หนัก 12 กิโลกรัม ผอมเล็ก เห็นปุ่มปมกระดูก ผิวดำคล้ำ ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยแผลเป็น

เอมมี่.... 

ผมตั้งใจจะเขียนถึง เอมมี่เด็กน้อยที่เกิดพร้อมความเจ็บปวด และทุกข์ทรมาน ทุกเสี้ยววินาทีของลมหายใจเธอ หาความสุขแทบไม่ได้ เอมมี่จากไปนานแล้ว ร่วม 5 ปี แต่สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้าในชีวิตผม ทำให้บางห้วงคำนึงคิดถึงเธอ

เอมมี่ ติดเชื้อเอดส์จากมารดา หลังคลอด ในยุคสมัยที่ ARV แพงระยับ แต่ละออนซ์ของยาแพ้กว่าทองคำ เอมมี่ป่วยตั้งแต่ยังแบเบาะ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ โรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่ 1 ของเธอ บ้านเป็นบ้านหลังที่สอง เอมมี่แทบไม่ได้โตมาแบบเด็กที่ควรมีชีวิตสดใสทั่วไป เธอปวดเป็นปอดบวมบ่อย มีการติดเชื้อราที่ผิว เธอเป็นเกือบทุกโรคที่คนไข้ภูมิคุ้มกันต่ำ พ่อแม่ของเธอ ล่วงหน้าไปก่อนเธอหลายปีแล้ว

ครั้งแรกที่ผมพบเธอ ก็อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เธออายุเท่าลูกสาวคนโตของผมในขณะนั้น แววตาเธอดูจะแสดงออกถึงความเจ็บปวดตลอดเวลา และไม่มีประกายของความสดใสของวัยเด็ก โรคภัยคุกคามวัยใสของเธอไปแล้ว เอมมี่ในขณะนั้นรู้ความแล้ว เธอรู้ว่าเธอเป็นโรคอะไร อาจเป็นเพราะเหตุนี้กระมั้ง ที่เธอไม่เหลืออะไรในชีวิตให้เป็นแรงบันดาลใจอีก เธอไม่รู้จะเรียนไปทำไม เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพราะตั้งแต่จำความได้ มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีคืนวันยาวๆ ที่สบายดีไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เจ็บปวดแผล 

เอมมี่หนัก 12 กิโลกรัม ผอมเล็ก เห็นปุ่มปมกระดูก ผิวดำคล้ำ ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยแผลเป็น เธอทานอะไรไม่่ค่อยได้เนื่องจากในปากเต็มไปด้วยแผลของเชื้อรา

วันหนึ่งผมไปดูเธอ เธอนั่งอยู่บนเตียง มือจับราวกั้นเตียงไว้ หอบจนตัวโยน ลูกสาวผมบังเอิญตามผมไปด้วย

ถามว่า น้องเป็นอะไรหรือค่ะ  

น้องไม่สบายครับ

แกมองเอมมี่อย่างสงสัยใคร่รู้ วูบหนึ่งของลานสายตา เด็กสองคนในวัยเดียวกัน ต่างกันราวฟ้าดิน อะไรหนอถึงทำร้ายเด็กน้อยได้ขนาดนี้ เมื่อกลับบ้านผมขอตุ๊กตาตัวหนึ่งจากลูกสาว ปกติแกหวงของมาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน  แต่เมื่อผมบอกว่าจะเอาไปน้องคนที่ไม่สบายนะครับ แกยื่นให้โดยไม่อิดอ้อน "เอากี่ตัวดีค่ะป๊า" "ตัวเดียวก็พอ"

ผมยื่นตุ๊กตาให้เอมมี่ "หมอให้นะ" แกมองผมด้วยสายตาหวาดระแวง และสงสัย แกไม่เอื้อมมือมารับ ไม่พูดอะไร ผมวางตุ๊กตาไว้ข้างตัวแก...

วันต่อมา ผมขึ้นมาดูคนไข้ เอมมี่กำลังนอนหลับ สองแขนกอดตุ๊กตาตัวนั้นไว้แน่น.....

"เอมมี่ วันนี้เป็นไงบ้าง "ผมถาม

แกส่ายหน้าไม่ตอบ ยังคงหายใจหอบอยู่

"อยากให้หมอช่วยอะไรไหม"

แกมองหน้าผม และพูดในสิ่งผมจะไม่เคยลืมจนถึงวันนี้

"เมื่อไหร่หนูจะตายซะที" 

ผม shock และสั่นสะเทือนความรู้สึก เด็กอายุ 7ขวบถามหาความตายเหมือนเป็นจุดหมายอันยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อวานผมพึงถามลูกสาว โตขึ้นจะเป็นอะไร ยังไม่รู้ไว้ค่อยคิด ความแตกต่างเรื่องนี้ เขย่าฐานความเป็นตัวตนของผม อย่างรุนแรง ผมตอบเอมมี่ไม่ได้ ผมยิ้มให้แก ไม่มีคำปลอบโยนใด เนื่องจากเอมมี่ได้รับฟังมาจนแกเบื่อจะฟังคำปลอบโยนที่ว่างเปล่า ใจของผมภาวนาให้แกได้ตายอย่างสงบ ดูค้านกับความเป็นหมอที่ต้องต่อสู้เพื่อคนไข้ แต่ผมคิดว่าเอมมี่ทรมานกับโลกนี้มานานเกินกว่าเด็กคนหนึ่งต้องรับได้ ส่วนหนึ่งของความรู้สึกเห็นค้าน แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วย

ผมเดินจากเอมมี่มา อะไรบ้างอย่างในชีัวิตหล่นหายที่ข้างเตียงนั่น

ถึงวันนี้เอมมี่ก็จากไปหลายปีแล้ว  

ผมดูแลผู้ป่วยเอดส์มาหลายปี ในห้วงเวลาที่ผ่านมา เราได้รับความเื้อื้อเฟื้อจากโครงการจากหลายประเทศ ทำให้คนไข้ของเราไม่ขาดแคลน ARV (ยาต้านไวรัส) คนไข้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แล้ววันหนึ่งคนไข้คู่หนึ่งก็ถามผมว่า

"หมอหนูอยากมีลูก"

เอมมี่ปรากฏในความทรงจำพร้อมกับคำพูดวันนั้น

ผมระลึกถึงเอมมี่ทุกครั้งที่....

ที่...มีคนบอกว่าเราต้องเห็นใจบริษัทยาบ้าง หากไม่ให้เขาขายยาแพง เขาก็ไม่นำเข้าประเทศ

ที่...องค์กรบางองค์กรมองการรักษาโรคเอดส์ไม่ต่างไปจาก การรักษาโรคหวัด ขีดเส้น และจำกัด กลัวรพ.จ่ายยาเกิน แต่ไม่ตรวจสอบว่ามีการให้ยาที่ต่ำกว่าที่ควรจะได้หรือไม่

ที่...มีคนอ้างสิทธิในความเป็นมนุษย์ในการที่มีลูกแม้ตนเองจะติดเชื้อเอดส์ พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็น ผมเห็นด้วยในสิทธิความเป็นมนุษย์ด้วยใจจริง 100 % เพียงแต่ผมคิดถึงสิทธิของเด็กที่จะเป็นแบบเอมมี่ เธอเหล่านั้นมีสิทธิเลือกหรือเปล่า ในการเกิดมาเป็นเช่นนั้น

บทความนี้ไม่มีอะไรแฝงเร้น เพียงแค่จะระลึกถึง

เอมมี่... เด็กหญิงในความทรงจำ

ก็เท่านั้น..... 

หมายเลขบันทึก: 89478เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2007 12:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
เอาเรื่องอย่างนี้ มาเล่าบ่อย ๆนะครับ จะบอกให้คนอื่นเข้ามาอ่านต่อ
ขอบคุณครับ แต่เรื่องอย่างนี้ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆครับ :)

"อย่างนี้" น้องเค้าหมายถึงเรื่อง "ความรัก ความจริง และชีวิต" หรอกครับ ท่านเจได!! (ขออนุญาตแซว)

ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ อ่านแล้วสะท้อนใจน้ำตาคลอเลยค่ะ คำที่น้องพูดว่า "เมื่อไรหนูจะตายซักที" ราณีอ่านแล้วยังตะลึงเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะรู้ว่าความตายเท่านั้นจะไม่ทำให้เขาเจ็บปวด เห็นหัวข้อที่ขึ้นมาทำให้นึกถึงหลานเรา ในสังคมยังมีความต่างกันอีกเยอะ หลานราณี ก็ชื่อเอมี่เหมือนกัน

เรียนท่านนกไฟ ข้าพเจ้าเล่นคำต่างหาก เข้าใจหรอกว่าหมอจิ้นเค้าหมายถึงอะไร (เอาคืน)

คุณราณีครับ สิ่งที่หล่นหายไปข้างเตียงคือความเชื่อในชีวิตว่ายืนยาว เชื่อว่าการมีชีวิตคือความสุข เอมมมี่ทำให้ผมได้ใคร่ครวญเรื่องเกี่ยวกับชีวิตใหม่ และทำให้จุดประสงค์การมีชีวิตของผมชัดเจนมากขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท