จะฝึกนักศึกษาฝึกงานอย่างไรให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน


นักศึกษาฝึกงานคือภาระหรือหน้าที่หรือความรับผิดชอบต่อสังคม

นักศึกษาฝึกงาน สถานภาพนี้ คิดว่าใครหลายๆคนที่เปิดเข้ามาอ่านบันทึกนี้คงเคยผ่านการเป็นนักศึกษาฝึกงานกันมาบ้าง และหลายๆท่านอาจกำลังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ บางท่านอาจจะเคยหรือได้ไปฝึกงานกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบางท่านอาจจะได้ไปฝึกงานกับหน่วยงานเอกชน บริษัทหรือห้างร้านต่างๆ ซึ่งบางท่านเป็นผู้ไปแสวงหากันเอง บางท่านอาจถูกส่งไปตามข้อกำหนดของสถานศึกษา แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่เถอะครับ สิ่งสำคัญในการฝึกงานคืออะไร และทราบหรือไม่ว่าการฝึกงานมีความสำคัญแค่ไหน หรือทราบหรือไม่ว่าผู้ฝึกงานหรือสถานประกอบการมีความเข้าใจในการเป็นนักศึกษาฝึกงานมากแค่ไหน และฝึกแล้วใครได้ประโยชน์หรือใครเสียประโยชน์ มาถึงตรงนี้อยากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ได้แสดงความคิดเห็นและร่วมกันสร้างสรรค์ระบบการฝึกงานของประเทศไทยให้ผลลัพธ์ออกมาได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายและผลประโยชน์โดยรวมตกอยู่กับประเทศชาติของเราครับ

การฝึกงานมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เข้าไปสัมผัสกับชีวิตและระบบการทำงานก่อนที่จะจบการศึกษาออกไปและนำประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกงานไปประยุกต์ใช้กับชีวิตคนทำงานหลังจากจบการศึกษา ซึ่งนอกเหนือจากการได้เกรดหรือผ่านการประเมินแล้วนั้น การนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกงานนั้นถือว่าเป็นบรรลุวัตถุประสงค์ของการฝึกงานก็ว่าได้

ในอดีต ผมได้ใช้ชีวิตในวัยเรียนฝึกงานเกือบทุกปิดภาคเรียนก็ว่าได้ บางที่ได้รับค่าแรงด้วย บางที่ก็ไม่ได้ สิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิดความอยากที่จะฝึกงานตอนนั้นก็คือ อาชีพ คืออยากมีอาชีพอยากมีงานทำ บางที่ใช้งานหนักสมกับค่าแรงรายวันในสมัยนั้น คือ วันละ 60 บาท บางที่เห็นฝีมือแล้วให้โอกาสถึงการบรรจุเข้าทำงาน แต่ก็ติดเรื่องการเรียนจึงต้องสละสิทธิ์นั้นไป

เท่าที่สัมผัสมาแต่ละที่จะมีการฝึกไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนมากถ้าฝึกแบบไม่มีค่าแรงก็เป็นงานจับฉ่าย หรือไม่ก็นั่งเล่น เดินไปเดินมา น่าเบื่อมากๆ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นมะเร็งร้ายในระบบการฝึกงานเลยก็ว่าได้ ในฐานะที่ปัจจุบันผมเป็นผู้บริหาร การดูแลเอาใจใส่นักศึกษาฝึกงาน ผมให้นโยบายกับพนักงานประจำทุกคนว่ามันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราที่ต้องปฏิบัติต่อสังคมและถ้าชี้ลงไปก็คือมันเป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อคนรุ่นหลังที่กำลังจะเข้ามาทดแทนพวกเราในอนาคต ถ้าเราฝึกเข้าไม่ดีหรือไม่ได้ให้โอกาสเขาตามที่ควรจะเป็น เมื่อเขาจบการศึกษาและจบการฝึกงานจากเราไป ถ้าเขาได้ไปทำงานในสถานที่อื่นๆซึ่งเขาได้แบกเอาประสบการณ์ที่ไม่ดีพร้อมกับใบผ่านการฝึกงานใบหนึ่งที่มีตราหรือชื่อขององค์กรของเราอยู่ตรงนั้นจะทำให้เราเสียหายในเรื่องชื่อเสียงและความรับผิดชอบต่อสังคมแค่ไหน (ผมคิดไปถึงขนาดนั้น) ดังนั้น เราต้องเต็มใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานของเราให้กับนักศึกษาฝึกงานเหล่านั้นให้ดีที่สุดตามขอบข่ายที่เราสามารถปฏิบัติได้ นักศึกษาฝึกงานทุกคนที่ผ่านเข้ามาในองค์กรของผม ผมจะให้พวกเขาได้รับทราบถึงแนวทางของเราที่จะสนับสนุนให้เขาได้รับการฝึกงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาสามารถออกไปใช้ชีวิตคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

สิ่งที่ผมเริ่มทำตั้งแต่ได้มีโอกาสฝึกงานให้นักศึกษา คือ การมอบหมายงานที่มีความสำคัญ แต่ไม่กระทบกับองค์กรมากหากการความผิดพลาดในการฝึกงานครั้งนั้น และฝึกให้เขาสร้างบทบาทของตนเองในองค์กรโดยการประสานงานกับพนักงานท่านอื่นๆอย่างสม่ำเสมอ คำว่าบทบาท คือ สิ่งที่เขาต้องแสดงให้คนอื่นๆทราบว่าเขาเข้ามาทำอะไรในองค์กรนี้ และเขาไม่ได้สร้างความรำคาญให้พี่ๆพนักงานแต่เขากำลังฝึกเพื่อจะเข้ามาช่วยเหลือทุกๆคนตลอดระยะเวลาที่ฝึกงานอยู่ ถ้าไม่ทำแบบนี้ นักศึกษาฝึกงานจะได้แต่งาน แต่จะไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานเลย การมอบหมายงานที่เป็น Project จะเหมาะกับนักศึกษาฝึกงานคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ต้องทำโครงงานส่งอาจารย์ก่อนจบการศึกษาในชั้นปีที่ 4 และผู้ฝึกงานที่เรียนด้านวิศวกรรมมาเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกงานในลักษณะ Project ได้เพราะการทำ Project ถือเป็นงานวิจัยและต้องทำตามรูปแบบที่ทางสถานศึกษากำหนดมา ถ้าสามารถทำได้จะถือว่าประโยชน์จะได้ทั้งสองฝ่ายคือนักศึกษาก็มีแนวทางในการทำ Project ส่วนสถานประกอบการก็ได้แนวทางพัฒนาและปรับปรุงงานหรือปรับปรุงธุรกิจของตนเองให้ดีขึ่น

การฝึกงานจะได้ประโยชน์มากๆทั้งสองฝ่ายถ้าผู้ประกอบการหรือผู้ฝึกงานให้ความสำคัญและรู้จักมอบหมายงานแก่นักศึกษาฝึกงาน ถ้ามองว่านักศึกษาฝึกงานคือผู้รบกวนเวลาทำงานของเรา ก็จะยิ่งทำให้เรายุ่งมากขึ้นสองเท่าตัว และในอนาคตเมื่อเราปลดระวาง ผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนเราก็หายากมากขึ้น คุณภาพของงานของคนในประเทศเราก็จะถดถอยลงไปเรื่อยๆ ประเทศเราก็จะพัฒนายากขึ้นเพราะคนที่จบการศึกษามาไม่สามารถสานต่อระบบงานจากคนทำงานรุ่นก่อนได้ และการปฏิบัติต่อนักศึกษาฝึกงานก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครให้ความสำคัญถ่ายทอดไปรุ่นสู่รุ่น ผมจึงอยากฝากให้สถานประกอบการ ผู้ฝึกงานทุกท่านโปรดหันมาให้ความสำคัญกับระบบการฝึกงาน ให้ความเอาใจใส่กับนักศึกษาฝึกงานเพื่ออนาคตของลูกหลานเรา องค์กรของเรา และประเทศชาติของเรากันเถอะครับ

หมายเลขบันทึก: 89366เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2007 00:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 23:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะคุณเขต

       เห็นด้วยค่ะ เพราะการฝึกทำให้นักศึกษาเริ่มรู้จักรับผิดชอบงานในหน้าที่ เจอหัวหน้างานที่ต่างกัน แต่ส่วนมากนักศึกษาที่ไปฝึกงานจะเจองานอย่างเดียวกันคือ เรียงเอกสาร ถ่ายเอกสาร จัดบอร์ด งานที่ไม่เกี่ยวกับความรู้ที่ได้ศึกษามา เพราะเจ้าของกิจการบอกว่าสอนแล้วก็ไป หรืออ้างว่าเวลาน้อยไม่อยากสอน (ทำอย่างไรจะล้างความคิดนี้ได้) แต่บางที่ก็ดีค่ะ พูดอย่างคนเป็นอาจารย์ และเจ้าของกิจการ

อ่านแล้วหนูมีความประสงค์จะฝึกงานกับผู้เขียนเป็นอย่างมากค่ะ คุณเป็นคนใจกว้างมีเมตตา และเคยเป็นนักศึกษาฝึกงานมาก่อน คุณมีความยินดีที่จะถ่ายทอดและสอนสิ่งต่างๆแก่นักศึกษาฝึกงานอย่างหนู หนูเรียนภาษาอังกฤษนะคะ ตอนนิกำลังหาที่ฝึกงาน ที่บริษัทของคุณมีความต้องการนักศึกฝึกงานด้านภาษาอังกฤษบ้างไหมคะ ถ้ามี จะเป็นไปได้หรือไม่ที่หนูจะมีโอกาศรับการถ่ายทอดจากคุณ และเชื่อว่าบุคลากรทุกคนในองกรณ์ของคุณก็ต้องมีมองและความคิดคลายกับเจ้านายที่มีเมตาอย่างคุณ ขอให้ทุกคนคิดแบบนี้ หนูฝึกงานและจบมาแล้วจะได้มีคุณภาพ สามารถนำประสบการณ์จากการฝึกงานมาใช้ในการดำเนินชีวิต ขอบพระคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท