การยิ้ม... อารมณ์ความรู้สึก และเทคโนโลยี


มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า การขับรถทำให้คนฉุนเฉียวและก้าวร้าวขึ้นกว่าปกติ

             วันเสาร์ที่ผ่านมาดิฉันดูรายการถังความคิด (Think Tank) เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสำคัญในการยิ้มของคนเราที่ดิฉันไม่คิดว่า “คนเราต้องฝึกยิ้มด้วยเหรอ” ....

             ในรายการเค้าบอกว่ารอยยิ้มของคนอายุ ๒๑ สามารถบ่งบอกความสุขในอนาคตได้.. ตรงช่วงนี้ดิฉันไม่ได้ฟังทันจึงไม่สามารถบอกได้ว่าบ่งบอกความสุขในอนาคตได้อย่างไร....... คนญี่ปุ่นสมัยก่อนไม่สนับสนุนให้คนแสดงความรู้สึก แค่การยิ้มผู้หญิงบางคนยังต้องทาฟันสีดำหรือโกนคิ้วแล้ววาดคิ้วใหม่เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าตนกำลังยิ้ม (ทำให้ดิฉันคิดไปถึงผู้หญิงญี่ปุ่นสมัยก่อนที่แต่งหน้าขาว ปากเล็กเหมือนนก และมีคิ้วกลมๆ ) ... จนเดี๋ยวนี้ความคิดได้เปลี่ยนไปแล้ว และเห็นความสำคัญของการยิ้ม... ในญี่ปุ่นจึงมีการเปิดหลักสูตรสอนให้ยิ้มอย่างเป็นเรื่องเป็นราว.....  มาถึงประเทศอินเดียเค้าจะมีการนัดยิ้มกัน.. มีเป็น ๑๐๐ กลุ่มเลยค่ะ กลุ่มนึงประมาณ ๓๐-๔๐ คน...เพราะการยิ้มจะทำให้คนเรามีความสุขเนื่องจากจะหลั่งเอนโดฟินน์ออกมา... การนัดรวมตัวกันเพื่อยิ้มนั้นอาจมีบางคนแกล้งยิ้ม ไม่ได้ยิ้มแบบธรรมชาติก็ได้ เพราะเค้าให้เหตุผลว่าการแกล้งยิ้ม หรือ ยิ้มเองตามธรรมชาติ มีผลดีต่อร่างกายเหมือนกันและยังสร้างมิตรภาพที่ดีระหว่างกันอีกด้วย... ดังนั้นเมื่อนัดยิ้มกันเป็นประจำ การแกล้งยิ้มก็จะกลายเป็นยิ้มได้เองตามธรรมชาติในที่สุด.... นอกจากนี้เค้ายังนำกิจกรรมนี้ไปทำกับนักโทษในบอมเบย์ พบว่านอกจากทำให้นักโทษไม่ตรึงเครียดแล้วยังทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างนักโทษดีขึ้น รวมถึงทำให้ผู้คุ้มเกิดการผ่อนคลายด้วย......

          สังคมไทยเราตอนนี้น่าจะมีนัดยิ้มกันบ้างนะค่ะ.... มันอาจะทำให้เรามีความสุขและเกิดมิตรภาพเพิ่มขึ้นอีกเยอะ

           ปัจจุบันอารมณ์ความรู้สึกของคนเรามีความเครียดและแสดงอาการก้าวร้าวมากขึ้น เค้าบอกว่าเป็นเพราะเทคโนโลยี....  มีงานวิจัยหนึ่งบอกว่า การขับรถทำให้คนฉุนเฉียวและก้าวร้าวขึ้นกว่าปกติ  ขณะขับรถถ้าคนหนึ่งขับรถไม่ดีจะมีผลทำให้คนขับรถคันอื่นๆ หงุดหงิดขึ้นกว่าปกติที่ไม่ได้ขับรถ (ท่านผู้อ่านลองสังเกตตัวเองดูนะค่ะ... ดิฉันก็เป็นบ้างอยู่เหมือนกัน).... แต่หากเปรียบเทียบกับการที่คนเราเดินชนกันจะมีปฏิกิริยาแว๊บหนึ่งที่เกิดขึ้นคือรู้สึกว่าเค้าขอโทษ..สิ่งนี้ทำให้คนที่ถูกชนความรู้สึกเย็นลงได้... แล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร

           การเล่นคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เนตทำให้คนก้าวร้าวขึ้นเพราะเป็นกิจกรรมที่เล่นคนเดียวไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จนเหมือนกับนับวันเทคโนโลยีจะยิ่งแยกคนออกจากกลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  เค้ายกตัวอย่างว่า  แม้แต่อยู่กับแฟนจูงมือกันอยู่แต่คุยอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเอง

            บทสรุปท้ายรายการคือการปฏิสัมพันธ์กันด้วยการ เห็นหน้าเห็นตา เห็นรอยยิ้ม (Face to Face) สร้างความรู้สึกที่ดีกว่าการเห็นกันหรือคุยกัน ผ่านเทคโนโลยี

             ที่เล่ามานี้ผู้อ่านคงไม่ฟันธงว่า การเล่นคอมพิวเตอร์ หรือ เล่นอินเตอร์ไม่ดีหรอกนะคะ..... เพราะเรื่องทุกเรื่องย่อมมีประโยชน์และมีโทษด้วยกันทั้งนั้น... หากเราใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมย่อมเกิดประโยชน์มากกว่าเกิดโทษ.... จริงมั๊ยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 89355เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2007 22:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 18:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส

จุ๊ บุ จุ๊ บุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท