อำนาจ...เหมือนยาเสพติด...แสวงหาได้ถ้ามีความทะยานอยากมากพอ...ได้แล้วก็อยากมีมากยิ่งขึ้น
ความรัก...เหมือนยาที่อยากเสพ...อยากได้แต่ก็หาไม่ค่อยเจอ
แปลกแต่จริงใครที่มีอำนาจมักจะสูญเสียความรัก...ใครมีความรักก็มักไม่สมหวังกับอำนาจ
หลายคนอาจแย้งว่า ความรักน่ะแหละที่มีอำนาจ...ที่เขาว่า อำนาจแห่งความรัก...
เมื่อวานผมนั่งคุยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป พร้อมเลขาท่าน นสพ.ปกรณ์ สุวรรณประภา...ทั้งสองท่านได้อำนาจมาแบบไม่ได้ช่วงชิงกับใคร...
ที่สำคัญคือ ท่านยอมรับอำนาจนั้นมา...ด้วยหวังว่าจะสร้างความรักความเข้าใจในสังคมมนุษย์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยในระยะเวลาอันสั้น...
แต่ให้ตายเถอะโรบิน...พลังแห่งอำนาจในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย(ที่จริงทำหน้าที่ว่าการแทนอาจารย์ไพบูลย์เต็มตัว) กับระบบราชการ(รวมทั้งระบบอื่น ๆ )เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถอย่างสูง ในการลดภาวะการพึ่งพิงอำนาจของระบบที่ซับซ้อน ยากแก่การทำความเข้าใจ (แม้แต่ผมเองแค่คนรู้จักรัฐมนตรีก็ยังโดนหางเลขไปด้วย...อิอิ)
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองผม เมื่อพิธีกรแนะนำว่าผมเป็นทีมงานของท่านรัฐมนตรีช่วยต่อหน้าข้าราชการระดับสูงทั้งหมดของกระทรวงฯ ตัวแทนองค์กรท้องกิ่น รวมทั้งพี่น้องเครือข่ายประชาคมตัวแทนทุกจังหวัดทั่วประเทศ เกือบ 700 คน ในการประชุมยุทธศาสตร์สังคมครั้งที่ 3... เหมือนใครเอาภูเขา(ร้อน ๆ )มาโยนใส่ให้แบกรับไว้บนบ่า...แล้วที่ท่านรัฐมนตรีกับเลขาแบกรับไว้คงหนักกว่าผมหลายสิบเท่านัก...
สิ่งที่ยากลำบากที่สุดคือการทำตัวให้สงบนิ่งต่อปัจจัยรอบข้าง...และยืนยันกับการกระทำบนจุดยืนที่แน่นอนระดับหนึ่ง...ไม่หลงไหลไปกับหน้าฉากแห่งความลวง...
เพราะเรายังเชื่อว่า...ต้นแบบความรักที่ยิ่งใหญ่ของในหลวงของเรายังคงดังก้องอยู่ในหัวใจเราตลอดไป...
ก่อนกลับจากห้องท่านรัฐมนตรีช่วย...เราลงความเห็นกันว่า...นี่คือเส้นทางการเรียนรู้บทหนึ่งของชีวิต...
เส้นทางแห่งอำนาจกับความรัก...ซึ่งบทสุดท้ายเราเท่านั้นที่จะบอกตนเองได้ว่า...เราพ่ายแพ้หรือชนะใจเราเอง...
คำคม สมจริง ครับ
กลัวหนักก็แบกช่วงสั้นๆแล้วรีบวางสิครับ .. แล้วหาอะไรเป็นของลวงตาทำให้คนเขาดูเหมือนว่าว่าเรายังแบกอยู่ ที่แท้เราเบาสบายไปตั้งนานแล้ว ทำอะไรได้คล่องแคล่วไม่รุงรังครับ
ขอบคุณครับอาจารย์...ผมโชคดีที่มีเครือข่ายปัญญาอย่างอาจารย์...พระอาจารย์ชัยวุธ...น้องเม้ง...ฯลฯ ในGOTOKNOW เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งไม่ให้เตลิดไปไหน...ระยะนี้ก็พยายามเข้ามาให้บ่อยขึ้นครับ...
จะรีบวาง(อำนาจ)ทันทีที่มีโอกาสครับ...555
เข้ามาเยือน.....
อันว่าจอมยุทธ์ มักจะฝ่า ๓ ด่านไม่ได้ กล่าวคือ สมบัติ ชื่อเสียง และ เพศตรงข้าม...
นับว่า สมบัติ ชื่อเสีย และเพศตรงข้าม.. มีอำนาจยิ่งนัก ทำให้อหังการและมมังการของจอมยุทธ์คนเล่าคนแล้วต้องมัวหมอง เสื่อมโทรม หรือปราศนาการไป...
ฟังว่า มันบางคนต้องหลีกหนี หลบเร้น ซุกซ่อนอยู่ประดุจมุสิกะน้อยคอยหลบหลีกพิฬารสัตว์ผู้ทรนง ฉะนั้น... มันจึงปล่อยให้กาลเวลาค่อยๆ สลายชีวิตของมันไปวันละเล็กละน้อย ....
ดังนั้น มันผู้ใด ฝ่า ๓ ด่านนี้ไปได้ มันผู้นั้น จะเป็น คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา...
แต่ มันผู้ใดมิอาจฝ่า ๓ ด่านนี้ไปได้ มันผู้นั้น ก็เป็นเพียง คนไม่ธรรมดาที่ธรรมดา เท่านั้น.....
เจริญพร
ซือแป๋ท่านกล่าวได้จับใจนัก...
มาตรแม้นศิษย์ฝึกกระบวนยุทธ์จากคัมภีร์เก้าอิมได้ซักท่าสองท่า...ก็มิต้องกังวลกับยุทธภพแล้ว
ยุทธภพระยะนี้...เปรียบได้ดั่งแดนมิคสัญญี...ผู้ใด้ฝ่าฟันให้หลบรอดจากคมดาบคมกระบี่ได้...โดยมิเสียเลือดเนื้อมากนักก็ถือว่าผ่านการฝึกปรือจนพลังภายในแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า...
ศิษย์เพียงขอให้ซือแป๋ท่านทบทวนเคล็ดวิชา...ปล่อยวางมุ่งหวังธรรม...ก็เป็นพระคุณอันใหญ่หลวงแล้ว...
อูย...ในนี้จอมยุทธทั้งนั้น
ขอคารวะสามจอกครับ
มิกล้า...มิกล้า...
จอมยุทธน้อย...เพียงฉายาท่านก็แฝงประกายเจิดจ้า...
พลังฝีมือหาได้เป็นรองผู้ใดไม่...
ท่านถือเป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่ของบู้ลิ้ม...ย่อมสามารถฝึกปรือฝีมือจนถึงขีดสุด...
บางกระบวนท่าตั้วเฮียยังต้องอาศัยเรียนรู้จากท่าน...
นับถือ...นับถือ...
ครับน้องเม้ง...ตั้งแต่วันแรกที่เรียนสาธารณสุข...พี่ก็จำไว้ขึ้นใจ(แม้จะเห็นว่ามีคนทรยศต่อบิดาแห่งการสาธารณสุขไทยจำนวนไม่น้อยในเวลาต่อมา...)
ที่จริงพี่คิดว่าทุกสิ่งในโลกเรา(รวมทั้งอำนาจ)เมื่อเราได้ประสบพบพานแล้ว...จะมีมิติสัมพันธ์กับเรา 2 ทางเลือก...คือเราควบคุมมันได้หรือเราถูกมันควบคุม...อีกนัยหนึ่งก็คือเราตกเป็นทาส(Depend on)หรือเราเป็นอิสรภาพ(Independent)ต่อมัน...
พี่พยายามจะทำอย่างที่น้องแนะนำครับ...