ภาพที่คุ้นเคยของอาสาสมัครโรงพยาบาลรามา


หากเราได้รับการไว้วางใจจากใครแล้ว เราต้องรักษาความไว้วางใจนั้นให้ดีที่สุดและทำให้เค้ารู้สึกว่าเราเป็นคนที่คุ้นเคย
     วันอังคารเวียนมาอีกครั้ง การออกเดินทางไปเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลรามาถือเป็นกิจวัตรประจำวันอังคารไปเสียแล้ว วันนี้มีฉัน พี่เก่ง น้องหน่อย น้องภัทร และน้องไกด์ ที่ไปทำกิจกรรมกับเด็กๆ โดยกิจกรรมที่เตรียมไปก็ได้แก่ การปั้นดินน้ำมัน การระบายสีภาพ และการตัดปะภาพ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่ายและมีความสุขด้วย
     เมื่อไปถึงพวกฉันก็ไปทักทายพี่ปู จากนั้นก็ลงทะเบียนและรับบัตรอาสาสมัครอย่างเช่นเคย พอดีได้เจอพี่บ๊วย พี่บ๊วยจึงชวนให้ไปลองทำกิจกรรมที่ตึก OPDเด็กดู พี่บ๊วยชวนให้เดินไปดูสถานที่ด้วยกันก่อนว่าจะสามารถจัดกิจกรรมได้มั้ย พี่เก่งจึงให้น้องๆขึ้นไปที่ตึกเด็กป่วย2ก่อน ส่วนพี่เก่งกับฉันจะแยกไปดูสถานที่ที่ตึก OPDเด็ก แล้วจะตามไปทีหลัง จากนั้นพี่บ๊วยก็พาฉันกับพี่เก่งไปทำความรู้จักกับพี่ปุ๊กซึ่งเป็นหัวหน้างานในแผนกนั้น เรานั่งคุยรายละเอียดของกิจกรรมที่จะทำได้ว่าควรจัดกิจกรรมในลักษณะใดจึงจะเหมาะสม ซึ่งพี่ปุ๊กอยากให้จัดกิจกรรมแบบ shortcutเสร็จในทีเดียวและอยากให้ทำในเรื่องของสุขภาพฉายให้เเด็กดูด้วย พี่ปุ๊กบอกว่าอยากให้จัดกิจกรรมที่ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องสุขภาพ หลังจากคุยกันเสร็จแล้วพี่ปุ๊กก็พาฉันกับพี่เก่งเดินดูสถานที่ที่จะสามารถใช้จัดกิจกรรม ซึ่งสถานที่มีจำกัดมากไม่สามารถจัดกิจกรรมข้างในห้องได้เพราะคนเยอะมากดูแล้วอึดอัดแทน พี่ปุ๊กอยากให้เราจัดกิจกรรมตรงทางเดินซึ่งเป็นที่โล่งที่สุดแล้วแต่ผู้คนต้องใช้สัญจรไปมา ฉันกับพี่เก่งคิดว่ามันจะขวางทางเดินรึเปล่าเพราะจากการที่เราจะมาช่วยคนป่วยและผู้ปกครองผ่อนคลายจะกลายเป็นสร้างความรำคาญให้เค้าแทนนี้ซิ แต่พี่ปุ๊กก็ยืนยันว่าตรงนี้เหมาะสุดแล้วที่จะทำกิจกรรม ในเรื่องของการแต่งตัวพี่ปุ๊กเสนอว่าอยากให้พวกฉันแต่งตัวแบบน่ารักๆมา ซึ่งอาจแต่งเป็นนางฟ้าหรือตัวตุ๊กตามาก็ได้ เพื่อเรียกความสนใจจากเด็กๆ พี่ปุ๊กอยากให้เราไปทำกิจกรรมเร็ว เพราะผู้ปกครองและเด็กที่แออัดกันอยู่ในห้องมีจำนวนเยอะมาก อยากให้ระบายออกมาทำกิจกรรมข้างนอกบ้าง ลองคิดคำนวนณเล่นๆกับพี่เก่งว่าครอบครัวที่พาเด็กมารักษาอย่างต่ำก็คงตรอบครัวละสามคน แล้ววันๆหนึ่งเด็กมารักษาเยอะมาก ทั้งเด็ก ผู้ปกครองเด็กและอาจมีพี่น้องของเด็กมาด้วย ในตึก OPDเด็กจึงเกิดการแน่นขนัดของผู้คนเป็นจำนวนมาก หลังจากคุยเรื่องการทำกิจกรรมในตึกOPDเด็กเรียบร้อยแล้ว ฉันกับพี่เก่งก็กลับไปสมทบกับน้องๆที่ตึกเด็กป่วย2ต่อค่ะ
      สิ่งที่เห็นจนชินตาคือพบกับรอยยิ้มต้อนรับจากพี่ๆพยาบาลและเด็กๆหลายคนที่มาร่วมทำกิจกรรม วันนี้พบทั้งเด็กที่เคยเจอกันแล้วและเด็กที่เพิ่งมาใหม่ เด็กๆให้การต้อนรับพวกฉันอย่างเช่นเคย  เด็กเริ่มทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ บางคนก็ปั้นดินน้ำมัน บางคนก็ระบายสีภาพ และบางคนก็ทำภาพตัดปะ แล้วแต่ใครอยากทำชิ้นไหนก่อน ฉันทำหน้าที่ถ่ายรูปบรรยากาศต่างๆไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นที่บอร์ดข้างหลังห้องมีผลงานของเด็กๆที่ระบายสีภาพไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนแปะโชว์ไว้ นั่นคงเป็นฝีมือของพี่เอี่ยมแน่นอน ฉันมองแล้วรู้สึกว่ามันมีผลต่อเด็กๆไม่น้อย เพราะเมื่อเด็กๆมองดูผลงานของตัวเองเค้าก็จะรู้สึกภูมิใจในผลงานที่เค้าได้ทำและคนอื่นได้มองดูผลงานของเค้าด้วย สิ่งนี้มันเป็นผลดีกับพวกฉันด้วยในการที่เด็กๆอยากจะร่วมทำกิจกรรมในครั้งต่อไปอีก เพราะเด็กๆจะรู้ว่าเมื่อเค้าได้ทำผลงานขึ้นมาแล้ว ผลงานของเค้าจะไม่ถูกมองข้ามไปนั่นเอง ฉันสังเกตเห็นว่าในช่วงแรกเด็กๆจะยังไม่ค่อยพูดคุยด้วยเท่าไหร่ เนื่องจากเห็นอาสาสมัครคนใหม่ๆมาจึงยังไม่เกิดความคุ้นเคย แต่พอผ่านไปสักพักเด็กก็เริ่มคุ้นเคย เป็นกันเองมากขึ้น มีการพูดคุย หยอกล้อกัน พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะกันอย่างเต็มที่  วันนี้น้องนะที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนลงมานั่งเล่นบนโต๊ะได้แล้ว เพราะคราวที่แล้วน้องนะต้องนั่งทำกิจกรรมอยู่บนรถเข็น น้องนะจะเป็นเด็กที่ยิ้มง่ายและดูเหมือนจะชอบการถ่ายรูปด้วย เพราะเวลาขอน้องนะถ่ายรูปน้องนะจะยิ้มให้กล้องเสมอ เลยให้น้องนะลองใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อนๆดูรู้สึกว่าน้องนะจะถ่ายได้ดีไม่เบาเลย ถึงแม้ว่าจะต้องใช้แขนเพียงข้างเดียวก็ตาม เพราะแขนอีกข้างของน้องนะยังไม่มีแรง จากนั้นก็ให้น้องเมลองถ่ายรูปด้วย ซึ่งน้องเมกับฉันเคยเจอกันแล้ว น้องเมเป็นเด็กที่ระบายสีภาพได้สวยมาก เค้าจะตั้งใจและเก็บรายละเอียดต่างๆของภาพ แต่วันนี้น้องเมอยู่เล่นกิจกรรมได้ไม่นานนัก สงสัยว่าผู้ปกครองจะมาเยี่ยม เด็กอีกคนที่ฉันเจอตั้งแต่มาเป็นอาสาสมัครครั้งแรกก็คือน้องวิว ตอนแรกน้องวิวยังไม่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในห้องนันทนาการ ฉันเลยเดินออกไปว่าจะชวนน้องมาทำกิจกรรมด้วยกัน แต่เห็นว่าน้องวิวกำลังคุยกับผู้ปกครองที่มาเยี่ยมอยู่ ฉันเลยให้น้องอยู่กับครอบครัวก่อน แต่ไม่นานฉันก็เห็นน้องวิวเดินเข้ามาในห้องกิจกรรมโดยมีแม่น้องมาส่ง มันทำให้ฉันรู้สึกดี ที่น้องอยากมาร่วมกิจกรรมกับอาสาสมัครด้วยตัวเอง น้องวิวเป็นเด็กที่ขนตายาวมากเลยทำให้ดูหน้าหวาน แต่จริงๆแล้วน้องวิวเป็นเด็กผู้ชาย ฉันเข้าใจผิดเป็นครั้งที่สองแล้วว่าน้องวิวเป็นเด็กผู้หญิง เพราะน้องวิวจะชอบใส่ผ้าปิดปากไว้ทำให้เห็นแต่ตาหวานๆของน้องวิว คราวหน้าฉันจะไม่ผิดพลาดอีกแล้ว เพราะจำขึ้นใจเลยว่าน้องวิวเป็กเด็กผู้ชาย ปกติเวลาน้องวิวมาทำกิจกรรมจะมีแม่มานั่งเฝ้าด้วย แต่คราวนี้แม่น้องวิวแค่มาส่งแล้วก็กลับออกไป ไม่ใช่แค่แม่น้องวิวเท่านนั้นผู้ปกครองคนอื่นๆก็เช่นกัน สิ่งนี้ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกว่าผู้ปกครองของเด็กให้ความไว้วางใจในตัวอาสาสมัครมากขึ้น ยอมที่จะให้เด็กอยู่กับอาสาสมัครโดยที่ไม่ต้องมานั่งคอยดูแล ในวันนี้มีเด็กๆเต็มห้องเลย เด็กใหม่ที่ฉันจะพูดถึงก็คือน้องมีน น้องก๊วยเจ๋ง น้องวินเนอร์ และสองพี่น้องตัวน้อย วีรชัยกับวีระพงษ์
      น้องมีนเด็กหญิงช่างพูด น้องมีนอายุ 14 ปี เข้ารับการรักษาเรื่องโรคอ้วน น้องมีนเป็นเด็กช่างพูดช่างคุย สนใจหรือสงสัยในเรื่องใดก็จะคอยซักถาม น้องมีนเป็นคนเดียวในวันนี้ที่ทำกิจกรรมภาพตัดปะ ฉันสังเกตเห็นว่าน้องมีนจะไม่ชอบเล่นอะไรแบบเด็กๆนัก น้องมีนจะนั่งทำภาพตัดปะตลอดสองชั่วโมงเลย แต่น้องมีนจะมีความประณีตในสิ่งที่ทำมาก จะเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ระหว่างที่ทำภาพตัดปะ น้องมีนก็จะพูดคุย หยอกล้อกับอาสาสมัครและเด็กป่วยด้วยกัน ดูเหมือนน้องมีนจะรู้จักและสนิทกับเด็กในห้องทุกคนเป็นอย่างดี คงเป็นเพราะความมีอัธยาศัยดี มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นง่าย และเป็นเด็กร่าเริงอย่างแน่นอน
       ปั้นดินน้ำมันกับน้องก๊วยเจ๋ง น้องก๊วยเจ๋งเป็นเด็กที่มาเข้ารับการรักษาเรื่องโรคอ้วนอีกคนหนึ่ง เป็นเด็กชายที่โตแล้วเช่นกัน จะไม่ค่อยอยากเล่นอะไรแบบเด็ก แต่ด้วยกิจกรรมที่เตรียมไปส่วนใหญ่จะเป็นแบบเด็กๆ ก๊วยเจ๋งจึงเลือกที่จะปั้นดินน้ำมัน ตอนแรกน้องก๊วยเจ๋งก็จะปั้นดินน้ำมันไปตามจินตนาการของตัวเองก่อน จากนั้นพอพี่เก่งเอาหนังสือที่มีแบบการปั้นดินน้ำมันมาให้ดู น้องก๊วยเจ๋งก็เลยลองปั้นดินน้ำมันตามรูปดู ซึ่งรูปแรกที่ก๊วยเจ๋งเลือกปั้นก็คือ รูปเจ้าลิงน้อย น้องก๊วยเจ๋งปั้นได้ใกล้เคียงกับในหนังสือเลย เลือกสีสดใสให้กับการประกอบร่างกายเจ้าลิงน้อย ทำให้ปั้นเจ้าลิงน้อยออกมาได้น่ารักสดใส จากนั้นน้องก๊วยเจ๋งก็เลือกที่จะระบายสีรูปภาพต่อ ระหว่างที่น้องกำลังระบายสีภาพอยู่นั่นแม่ของน้องก๊วยเจ๋งก็เดินเข้ามาดูผลงานของน้อง แต่สิ่งที่น้องควรจะได้ยินจากปากของแม่แทนที่จะเป็นคำชมหรือการให้กำลังใจ แต่กลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม แม่น้องก๊วยเจ๋งกลับบอกว่า ระบายสวยเปล่าเนียะ ระบายไม่เห็นสวยเลย น้องก๊วยเจ๋งหน้าเศร้าลงทันทีที่ได้ยิน ฉันรู้สึกว่าคำพูดของผู้ปกครองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กที่ต้องอยู่โรงพยาบาล แม้ว่ามีคนอื่นเป็นสิบพูดชมก็ไม่เท่ากับคำพูดชมคำเดียวจากพ่อแม่ของเด็กเอง
       ผู้ชนะคือชื่อ น้องวินเนอร์ น้องวินเนอร์เป็นเด็กผู้ชายที่น่าตาน่ารัก อารมณ์ดี น้องวินเนอร์เลือกทำกิจกรรมระบายสีภาพ ซึ่งระหว่างที่น้องวินเนอร์นั่งก้มหน้าระบายสีภาพแผ่นที่สองอยู่นั้น พอน้องเงยหน้าขึ้นมาพวกฉันก็ต้องตกใจที่พบว่าน้องวินเนอร์มีเลือดกำเดาไหลออกมา พวกฉันยืนอึ้งกันทุกคนเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง น้องวินเนอร์ก็พูดขึ้นมาว่า แค่เอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดก็หายแล้ว น้องวินเนอร์ไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใดตรงข้ามกับเหล่าอาสาสมัครที่ยืนตกใจกันอยู่เพราะทำอะไรไม่ถูก พี่ๆพยาบาลจึงบอกให้พาน้องวินเนอร์ไปส่งที่เตียงก่อนดีกว่าเพื่อให้น้องพักผ่อน ฉันจึงอาสาเป็นคนพาน้องไปส่งที่เตียงเอง แต่ดูเหมือนน้องยังอยากอยู่ทำกิจกรรมต่อ ฉันจึงบอกให้น้องกลับไปพักผ่อนก่อน ถ้าดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาทำกิจกรรมต่อ จากนั้นน้องวินเนอร์ก็เดินนำฉันกลับไปที่เตียงซึ่งแม่ของน้องรออยู่ที่เตียงอยู่แล้ว แม่น้องวินเนอร์เอาผ้าขนหนูมาเช็ดเลือดกำเดาให้น้องวินเนอร์ และเล่าให้ฉันฟังถึงสาเหตุที่น้องน้องวินเนอร์เลือดกำเดาไหลว่า วันนี้น้องวินเนอร์เพิ่งได้รับการผ่าตัดที่จมูกมาใหม่ จึงทำให้เวลาก้มหน้านานๆจะทำให้เลือดกำเดาไหลได้ ซึ่งไม่เป็นอะไรมาก ทำให้ฉันรูู้สึกโล่งใจขึ้นที่น้องไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังจากไปส่งน้องวินเนอร์ที่เตียงได้ไม่นาน น้องวินเนอร์ก็กลับเข้ามาทำกิจกรรมกับอาสาสมัครต่อ โดยสภาพร่างกายปกติดีแล้ว สปิริตในการร่วมกิจกรรมแรงกล้ามากๆ
       สองพี่น้องจอมซ่าส์จากแม่ฮ่องสอน คนพี่ชื่อวีรชัย ชื่นเล่น น้องเท็ม อายุ 7 ขวบ คนน้องชื่อวีรพงษ์ ไม่ระบุชื่อเล่นที่แน่นอน อายุ 4 ขวบ เข้ารับการรักษาทั้งสองคนเลย คนพี่จะอยู่ประจำตึกผู้ป่วยเด็ก2 อยู่แล้ว แต่คนน้องจะอยู่ตึกเด็กป่วย5 ซึ่งจะเป็นตึกสำหรับเด็กเล็กๆและเด็กจะนอนกลางวันกันเป็นส่วนใหญ่ พอดีน้องวีระพงษ์ยังไม่หลับพี่พยาบาลจึงพาน้องมาทำกิจกรรมด้วย ที่น้องวีรพงษ์ยังไม่ยอมนอนเพราะว่าพี่พยาบาลบอกว่าถ้ายังไม่หลับจะพามาทำกิจกรรมกับอาสาสมัครด้วย น้องวีระพงษ์เลยไม่ยอมนอนและตั้งหน้าตั้งรอที่จะมาเล่นด้วย สองพี่น้องเค้าจะเล่นกันไป ดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน ดูแล้วน่ารักดี คนพี่จะออกแนวนักเลงหน่อย พอพี่เก่งมองหน้าหน่อยเค้าก็จะบอกว่า มองทำไม นักเลงสุดๆ แต่น้องเค้าจะพูดไปยิ้มไปแบบเล่นๆมากกว่า ส่วนคนน้องจะออกแนวน่ารักๆเข้ากับคนง่ายและเป็นเด็กร่าเริง สองพี่น้องเค้าจะไม่ชอบระบายสี ไม่ปั้นดินน้ำมัน แต่ชอบเล่นรถ ตัวต่อ หรือแล้วแต่ของเล่นที่เค้าจะสนใจในห้องนันทนาการ ซึ่งเค้าจะเบื่อของเล่นเร็วมาก ถ้าเห็นของเล่นอื่นก็จะไปเล่นของอื่นทันที ฉันนั่งปักหลักเล่นกับสองพี่น้องในช่วงท้ายๆ ฉันจับคนน้องมานั่งตักฉัน พอดีพี่เอี่ยมเปิดเพลงจังหวะสบายๆให้เด็กๆฟัง ฉันเลยลองโยกหัวดูแล้วชวนสองพี่น้องทำด้วย คนน้องเต้นตามอย่างสนุกสนาน พี่พยาบาลที่พามาเห็นแล้วหัวเราะชอบใจในความทะเล้นของเจ้าตัวเล็กยกใหญ่ ที่ฉันบอกว่าสองพี่น้องนี้เป็นจอมซ่าส์ก็เพราะการเล่นของเค้าจะต่างจากเด็กคนอื่น สองพี่น้องจะเล่นอะไรตามใจเค้า จะทำเสียงดัง และมีความไฮเปอร์ตลอด บวกกับเป็นเด็กยิ้มง่ายและมีความน่ารักอยู่เต็มเปี่ยมอีกด้วย ทำให้เค้ากลายเป็นสองพีน้องจอมซ่าส์ที่น่ารักสุดๆคู่หนึ่ง
       ฉันมีโอกาสได้ไปที่ตึกเด็กป่วย5 เพราะต้องไปส่งน้องวีระพงษ์ที่นั่น พี่พยาบาลพาฉันเดินดูตามเตียงเด็กๆและบอกว่ามันทำกิจกรรมได้อยากเพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กแบเบาะทั้งนั้น ตามเตียงก็จะมีแม่เด็กอยู่เฝ้าด้วยทุกเตียง บนหัวเตียงก็จะมีของเล่นต่างๆสำหรับเด็กห้อยไว้มากมายทีเดียว เพราะเด็กบางคนยังต้องเวลาอยู่โรงพยาบาลนาน แต่พี่เค้าก็อยากให้อาสาสมัครมาทำกิจกรรมที่นี้ด้วย อาจเป็นการเล่านิทานก็ได้ พี่พยาบาลบอกกับฉันว่าถ้ามีเด็กที่โตหน่อยพอเดินได้แล้วก็จะมีกิจกรรมการเต้นแอโรบิกด้วย เด็กจะชอบและยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย พี่พยาบาลบอกกับฉันตอนท้ายไว้ว่า ที่นี้รามาชอบเสียงเพลงกันทุกคน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าคนที่มารักษาที่นี้คงมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่ดีกลับไปแน่นอน
       สิ่งที่ฉันสังเกตได้จากภาพที่คุ้นเคย แต่มีสิ่งที่ต่างออกไปคือ พี่ๆพยาบาลในห้องนันทนาการมีความไว้วางใจในตัวอาสาสมัครมากขึ้น ซึ่งปล่อยให้อาสาสมัครทำกิจกรรมกับเด็กอย่างเต็มที่ ทำให้พี่ๆพยาบาลมีเวลาในการทำกิจกรรมอย่างอื่นมากขึ้น ในส่วนของผู้ปกครองเด็กก็เช่นกัน ถือว่าเหล่าอาสาสมัครได้ช่วยแบ่งเบาภาระจากผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่มีเวลาเพิ่มขึ้นในการทำกิจกรรมอื่นๆหรือการได้นั่งคุยกันของเจ้าหน้าที่เอง ซึ่งทำให้เกิดความผ่อนคลายได้ดี ถ้าหากความเกิดความผ่อนคลายและเสียงหัวเราะได้ในทุกๆโรงพยาบาลเหมือนอย่างโรงพยาบาลรามาก็คงจะดีไม่น้อย
 
หมายเลขบันทึก: 88513เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2007 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 18:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ

สวัสดีค่ะ

อ่านบทความแล้วน่าสนใจมาก อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะสนใจงานเป็นอาสาสมัครทางด้านนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าถ้าเราจะเข้าเป็นอาสาสมัครต้องเข้าไปติดต่อที่ไหนเหรอค่ะ

ช่วยส่งemailเกี่ยวกับรายละเอียดมาให้หน่อยนะค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

:)

ถ้าอยากจะไปเป็นอาสาสมัครบ้างต้องทำัยังไงบ้างคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท