บันทึกที่แล้ว ผมเขียนถึงวันเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และโครงการพัฒนาหมู่บ้านตาม แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลิ้งค์อ่าน
ปรากฏว่าในงานดังกล่าวประสบการณ์การจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ได้รับการบรรจุเข้าไว้ในโปรแกรมการพูดคุย เป็นหัวข้อหนึ่งด้วย จึงทำให้การ Kick off ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขและโครงการพัฒนาหมู่บ้านตามแนวปรัชญาเศรษกิจ พอเพียงที่จัดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนับว่า มีนัยยะกับจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านวิชม ทองสงค์ ก็ได้นำเสนอโมเดลการพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชสู่ชุมชนอินทรีย์ ที่เรียกว่า "หยดน้ำเพชรโมเดล" รายรายละเอียดแนวคิดแนวทางโมเดลนี้อ่านรายละเอียดได้จากบันทึกนี้ และ บันทึกนี้
ช่วงตอนหนึ่งที่ท่านผู้ว่าฯพูดถึงแนวคิดแนวทางการทำชุมชนการเรียนรู้หรือชุมชนอินทรีย์ ์คือการที่จะต้องทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเปิดใจและมีใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวของตนเองและ ชุมชนรอบตัว ว่าทั้งคุณกิจครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ ทีมคุณอำนวย หรือคุณเอื้อก็ตามจะต้องใจมาก่อน โดยท่านกล่าวว่าทำอย่างไรจึงจะให้ใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเสียก่อน เพราะถ้าใจมาแล้ว เวลาก็จะมีมาเอง ในที่สุดเวทีเรียนรู้เรื่องราวหรือประเด็นต่างๆก็จะตามมา กล่าวอย่างสั้นๆก็จะได้ว่า "ใจมา เวลามี เวทีมา"
การสร้างความรู้สึกให้คนเปิดใจรับรู้สิ่งใดๆจึงคือภารกิจประการแรกที่ท่านผู้ว่าฯคำนึงถึงในการทำงานแบบจัดการความรู้และต้องทำอย่างนี้อยู่เสมอๆเพื่อสร้างทีมเรียนรู้ที่ดี
ผมเห็นว่านี่คือเกร็ดความรู้อีกเรื่องหนึ่งที่น่าศึกษา จึงนำมาฝากครับ
มีภาพต่อไปนี้มาฝากด้วยครับ
์
อ่านแล้วสุขใจครับ
คุณธวัช ครับ
ไม่ได้พูดคุยกันนานพอควรไม่ทราบสบายดีหรือเปล่า...ผมรู้สึกดีใจด้วยที่บันทึกนี้ทำให้คุณธวัชอ่านแล้วมีความสุข
น้องสิงห์ป่าสัก
เขิน ๆ ๆ ครับ
คุณชัยพร หนุ่มเมืองร้อยเกาะ ครับ
คุณชัยพรสบายยดีไหมครับ กลับนครฯววันไหนก็บอกมั่งนะครับ