เคยไหม ในฐานะที่เราเป็นพุทธมามกะ แล้วตั้งคำถามต่างๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนาเราเอง ผู้เขียนคนหนึ่งล่ะที่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ในการนำพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตจริง ยิ่งในโลกยุคปัจจุบันที่เรียกได้ว่าเป็นยุคปรมาณูหรือยุคดิจิตอล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่อาศัยความรวดเร็วเป็นแรงขับเคลื่อน
แล้วเราจะเอาพระพุทธศาสนาที่เกิดมาแล้วตั้งสองพันกว่าปีมาใช้ได้จริงหรือ
แต่ยิ่งผู้เขียนศึกษาโดยทั้งการอ่าน และลองฝึกปฏิบัติมากขึ้นๆ คำถามหลายข้อก็ได้รับการปลดเปลื้อง แต่บางคำถามก็ต้องรอคำตอบในวันข้างหน้า วันหนึ่งที่เราสามารถตอบได้ด้วยตนเอง
แม้คนหนึ่งจะได้คำตอบ แต่หลายคนก็ยังมีคำถาม คนเราเกิดใหม่ทุกวัน คำถามเดิมๆ ที่เคยมีคำตอบก็คงยังเป็นที่คาใจของคนรุ่นใหม่กว่า วันนี้ผู้เขียนจะเอาคำถาม-คำตอบของคนรุ่นก่อนหน้าเรา(อย่างน้อยก็รุ่นคุณตาของผู้เขียน) มาให้อ่านกันครับว่า ตรงกับคำถามที่เราเคยถามหรือกำลังสงสัยหรือไม่
หลายข้อตรงกับคำถามที่ผู้เขียนเคยถามและได้คำตอบแล้ว บางข้อก็เพิ่งได้คำตอบ และอีกหลายข้อยังคงต้องค้นคว้ากันต่อไป
ปุจฉา-วิสัชนา ต่อไปนี้เป็นการถามตอบทางหน้าหนังสือพิมพ์พุทธสาสนา(ครับ พุทธสาสนา ไม่ใช่พุทธศาสนา เป็นคำเดิมครับ) ระหว่างผู้ถามที่มีนามแฝงว่า นายเหตุผล และผู้ตอบคือท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๙
คราวนี้เรามาฟังคำถามทั้งหมดก่อนครับ คราวหน้ามาฟังคำตอบกันครับ
๑. คำถามของนายเหตุผลมีว่า :- "พุทธศาสนากล่าวถึงเรื่องทุกข์ โลกนี้มีแต่ทุกข์ จะสุขก็ต่อเมื่อนิพพาน ดับเป็นขี้เถ้าจืดชืดไปหมดแล้ว. พุทธศาสนา ดูถูกอารยธรรมแผนใหม่ของมนุษย์ อย่างที่ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลเลย เขาจะทำการงานให้เหนื่อยยากกันทำไม ถ้าโลกมีแต่ทุกข์ ข้าพเจ้าไม่ยอม." [คลิกเพื่ออ่านคำตอบข้อนี้]
๒. นายเหตุผลว่า :- "พุทธศาสนาสอนให้คนมักน้อยสันโดษ ทำงานแต่พอเลี้ยงตัวไปวันหนึ่งๆ รัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัวจะต้องล่มจมแน่ ถ้าคนไทยนับถือพุทธศาสนาให้เคร่งครัดตามนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าในข้อนี้โดยเฉพาะแล้ว สู้ศาสนาเจ๊กเขาไม่ได้." [คลิกเพื่ออ่านคำตอบข้อนี้]
๓. ปัญหาของนายเหตุผลมีว่า :- "พุทธศาสนาสอนให้มีเมตตา อย่าถือพวก อย่าฆ่า อย่าทำสงคราม เช่นนี้ประเทศสยามจะมิเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่น แล้วจะอยู่อย่างไรได้ ในเมื่อคนไทยเกิดนับถือพุทธศาสนากันจริงๆ อย่างนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ที่อยู่ได้ก็เพราะผู้ไม่นับถือตรงไปตรงมาตามนี้เท่านั้น การสอนมิให้ถือพวก นั่นมิใช่มิใช่มีคำแปลว่าอย่าให้รักชาติของตนดอกหรือ ทหารมีไว้ทำสงครามและปืนใหญ่ก็มีไว้ยิงมิใช่หรือ ?"๔. ปัญหาของนายเหตุผลมีว่า :- "พุทธศาสนาสอนให้เกลียดเครื่องบำรุงหัวใจ สอนให้ทำลายความอยาก ให้กำจัดราคะดำฤษณา. ถ้าโลกทั้งหมดจะถือพุทธศาสนาในข้อนี้แล้ว จะรกร้างว่างเปล่าจากมนุษย์เหลือแต่สัตว์เท่านั้น. ถ้ามนุษย์ไม่สืบพันธุ์แล้วจะมีเด็กๆ เกิดมาได้อย่างไร ถ้าถือแต่ประเทศสยาม ในไม่กีสิบปีก็จะเหลือแต่ที่ดินเปล่า แลกลายเป็นของผู้มิได้ถือพุทธศาสนาไป โดยเขามิต้องเสียอะไรเลย แม้แต่ลูกปืนสักลูก โลกมีมนุษย์เพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็เพราะดำเนินตรงกันข้ามกับหลักแห่งพุทธศาสนาดอกนะ ควรสำนึกไว้."
๕. ปัญหาของนายเหตุผลว่า :- "พุทธศาสนาสอนไม่ให้ผูกเวร โกรธเคืองหรือแก้แค้น อันเป็นเครื่องทำให้ศัตรูกำเริบย่ำยีเราเล่น เช่นที่เรายิงนกตกปลา, แล้วจะมีความสุขกันท่าไหน คนพาลก็สบาย คนดีซิขมขื่นเลือดตาตก."๖. ปัญหาของนายเหตุผลว่า :- "พุทธศาสนาห้ามการฆ่าสัตว์เป็นอาหาร ซึ่งเราไม่มีเนื้อสำหรับปรุงอาหารดีๆ กินเลย ธรรมชาติไม่ได้สร้างสัตว์เหล่านี้มาเป็น Supply แก่ Demand ของมนุษย์ดอกหรือ แลพุทธศาสนาสอนให้สละ แต่ห้ามฝ่ายจะรับว่า อย่ารับการเสียสละชีวิตของผู้อื่น คือ ถ้ามีใครสละชีวิตยอมถวายเนื้อให้พุทธบริษัทพวกหนึ่งกิน พวกนั้นก็ไม่ยอมรับ เช่นนี้ ข้าพเจ้าฟังไม่ออกเลย."
๗. คำถามของนายเหตุผลมีว่า :- "พุทธศาสนาห้ามเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกอย่าง กระทั่งเบียร์ พระท่านก็ว่าดื่มไม่ได้ เบียร์ไม่ปรากฎว่าให้โทษแก่ใคร กลับบำรุงร่างกายและสุขภาพเสียอีก, ขออ้างรัฐบาลยังจัดการทำสุราจำหน่ายให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ยังอนุญาตแลส่งเสริมอุตสาหกรรมทำเบียร์ในเมืองไทย กินเหล้าไม่ถึงกับเมานั้นไม่เห็นจำเป็นจะต้องห้าม ส่วนที่เมาจนถึงกับเสียหายนั้น ศาสนาอื่นเขาก็ห้ามกันอยู่แล้ว ถึงจะไม่ห้ามเราก็รู้ เพราะโทษของมันเห็นง่ายเหลือเกิน ผู้ที่ดื่มเมานั้นเขารู้ดี เขาเสียเพราะเหยียบรู้ต่างหาก ทำไม่พุทธศาสนาจะต้องสอนสิ่งที่คนจะเหยียบรู้."๘. ปัญหาของนายเหตุผลมีว่า :- "พุทธศาสนาสอนให้ ให้ทาน ไม่มีขีดจำกัด กระทั่งลูกเมีย เลือดเนื้อก็อยู่ในกรอบแห่งการหยิบยกให้ได้ นี่มิใช่เครื่องหมายแห่งความล่มจมโกลาหลวุ่นวายอย่างสุดแสนจะทนทานได้อีกหรือ ?"
๙. ปัญหาของนายเหตุผลมีว่า :- "เมื่อตัวของตนก็ไม่ใช่ตนแล้ว ทรัพย์ บุตร ภรรยา จะเป็นของตนมาแต่ไหนเล่า นี่เป็นการปล่อยครอบครัวให้เป็นไปตามยถากรรม อย่างที่ข้าพเจ้าคิดเห็น ว่าน่าอเนจอนาจเหลือเกิน ดุร้ายยิ่งกว่าคอมมูนิสต์."
๑๐. ปัญหาตอนจบของนายเหตุผลมีว่า :- "การบวชคือการทำคนให้เป็นหม้าย ถ่วงความก้าวหน้าของประเทศ พระพุทธศาสนาสอนสิ่งที่ผิดวิสัย เช่นสอนให้บวชไม่จำกัด เมื่อบวชกันหมดแล้ว จะเอาอะไรกินกัน เท่าที่ข้าพเจ้าสังเกต ประเทศสยามได้เสียเวลาของคนหนุ่มๆ ในปีหนึ่งๆ หลายร้อยล้านชั่วโมงในการก้าวหน้าของประเทศ."น.ส.พ. พุทธศาสนา ปีที่ ๔ พ.ศ. ๒๔๗๙
จาก หนังสือ พุทธทาสกับสวนโมกข์ โดย พุทธทาสภิกขุ หน้า ๑๑๙ - ๑๒๒แหม คนสมัยนั้นถามกันดุเด็ดเผ็ดมันเหลือเกิน ใครที่ฝึกดูจิตอยู่ดูจิตให้ทันนะครับ
เจอกันครั้งหน้าครับ
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
พออ่านจบ..แทบอดใจไม่ไหวแน่ะค่ะ..เพราะอยากรู้ว่าท่านพุทธทาสท่านจะตอบว่าอย่างไร..
ตอนนี้เห็นจิตชัดแจ๋วเลยค่ะว่าเวลาถูกความอยากเข้าเกาะกุมนี่..ร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน..อิ อิ
ผมอ่านแล้วก็อยากอ่านคำตอบต่อนะ พยายามเปิด blog เลื่อนขึ้นลง แต่ว่าไม่เจอ แล้วก็มา comment :-)
เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ ดุเดือดดี ทำให้ต้องคิดตอบคำถามเหล่านั้นไปด้วย ในฐานะที่เป็นพุทธมามกะ
รอดูคำตอบของท่านพุทธทาสอยู่นะคะ