คำนำ
การเล่นเป็นเรื่องจริงจังและมีความสัมพันธ์ต่อเด็กอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้งการเล่นที่เหมาะสมและถูกต้องตามวัยและพัฒนาการของเด็กจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคุณภาพของเด็ก การเล่นสำหรับเด็กมีผลต่อการกระตุ้นการเรียนรู้ พัฒนาการของสมอง เสริมสร้างความฉลาด พัฒนาสติปัญญา พัฒนาอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ว่าจะต่างวัยหรือวัยเดียวกัน ฝึกการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
การเล่นช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัย เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะต่างๆจากการเล่นเช่นการทรงตัว การเคลื่อนไหว การใช้ประสาทสัมผัส การใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาฝึกความจำ ฝึกความมีวินัย ฝึกความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่นซึ่งจะพัฒนาไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อเติบใหญ่ขึ้น เด็กๆได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากการเล่น ในขณะที่ พ่อ แม่ ผู้ใหญ่ก็รู้จักลูกหรือเด็กๆได้จากการเล่นของเด็กด้วยเช่นกัน
การเล่นเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กอย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ เด็กช่วงอายุแรกเกิดถึง 6 เดือน เป็นช่วงที่เด็กจะทำความรู้จักกับสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส เช่น การใช้ปากดูดหรืออม เป็นการชิมหรือรู้รส การมอง การไขว่คว้า หรือการกำมือ เป็นต้น เด็กจะเลือกเล่นและสนุกไปตามพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาของเขาซึ่งหากผู้ใหญ่ได้มีส่วนส่งเสริมให้เด็กได้เล่นตามความเหมาะสมของพัฒนาการแต่ละช่วงวัยจะช่วยพัฒนาความสามารถส่งเสริมพัฒนาการและเอื้อให้เด็กได้แสดงศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ให้เป็นที่ปรากฎออกมาได้
อีกทั้งการเล่นยังเป็นช่องทางที่ให้เด็กได้เรียนรู้ได้ซึมซับคุณธรรม จริยธรรม ที่เห็นได้ง่ายที่สุด คือ การรู้จักแบ่งปันการเล่น หรือการรอคอย
วัยหนึ่งขวบถึงสองขวบ
วัยนี้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้นและเร็วขึ้น เด็กจะไม่หยุดนิ่งแต่จะปีนโน่น ป่ายนี่อยู่ไม่หยุดและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เด็กวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็น ซุกซนเพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องคอยช่วยเหลือใกล้ชิดโดยเฉพาะคอยระวังเรื่องอุบัติเหตุต่างๆเช่นอาจใช้วัตถุใดๆ แหย่ปลั๊กไฟ
เด็กวัยนี้ต้องการที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกๆใหม่ๆที่อยู่รอบตัวมากขึ้น การเรียนรู้จะเรียนรู้จากการดูหรือเลียนแบบคนรอบข้างวัยนี้เด็กจะมีคำถามมากแต่ไม่ค่อยสนใจที่จะฟังคำตอบ ยังไม่ค่อยสนใจที่จะเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันหากเล่นก็จะทะเลาะกันบ่อยเพราะเด็กยังไม่รู้จักแบ่งปันและคิดว่าของเล่นทุกอย่างเป็นของตนเองเด็กจึงชอบเล่นกับคนใกล้ชิดเช่น พ่อ แม่ หรือคนเลี้ยงมากกว่า
นอกจากนี้เด็กยังชอบของเล่นที่จับแล้วเกิดเสียง หรือตุ๊กตาที่บีบ หรือเขย่า แล้วมีเสียงร้อง เพราะเด็กๆจะสนุกต่อความรู้สึกสัมผัส การบีบรัดแล้วมีเสียงออกมาพร้อมกัน เด็กจะสนุกและรับฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจ เป็นการฝึกการรับฟังอีกทางหนึ่ง น้ำ หรือทรายเป็นของเล่นใกล้ตัวอีกสิ่งหนึ่งที่เด็กๆยังชื่นชอบ อุปกรณ์การเล่นก็ง่ายๆ โดยนำของที่ใช้ตักตวงได้ เช่น ช้อน พลั่ว หรือถังพลาสติกเล็กๆมาเป็นอุปกรณ์เสริมการเล่นของเด็ก การให้เด็กฝึกตักน้ำ ตักทราย เป็นการฝึกการใช้กล้ามเนื้อนิ้วมือ มือ และแขน
เด็กในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เด็กเริ่มฝึกการสังเกต ฝึกการเปรียบเทียบ การคิด ฝึกการจำได้บ้างแล้ว โดยสามารถฝึกทักษะนี้ได้ด้วยการเล่นภาพตัดต่อ แต่ก็ควรเป็นภาพต่อน้อยชิ้นสัก 3-6 ชิ้น ก็พอ อาจทำด้วยกระดาษ ไม้ หรือพลาสติกได้ทั้งนั้น เบื้องต้นเด็กจะนำมาเรียงต่อกันแบบลองผิดลองถูก แต่ในที่สุดเด็กจะเริ่มจำได้และเริ่มปะติดปะต่อภาพได้ และสามารถต่อได้สำเร็จ
วัยสองขวบถึงสาม ขวบ
ช่วงนี้เด็กจะเริ่มสนใจที่จะเล่นกับเด็กอื่นๆ และสามารถเล่นด้วยกันได้นาน ขณะเดียวกันเด็กวัยนี้เป็นวัยที่รู้จักโลกกว้างขวางขึ้น เด็กต้องการค้นพบสิ่งใหม่ เป็นวัยของความเป็นตัวเอง ต้องการเล่นเป็นอิสระ โดยไม่มีใครบังคับ หรือห้ามปราม ร่างกายหรือกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของเด็กจะแข็งแรงขึ้น เด็กจะชอบเล่นกระโดดโลดเต้น ป่ายปีน เล่นผาดโผน ชอบเล่นบอลล์หรือการไล่จับกันเด็กจะชอบถีบจักรยานสามล้อเพราะจะรู้สึกเป็นสุขที่ตนเองได้บังคับรถจักรยานสามล้อให้เคลื่อนไหวไปตามใจชอบ การเล่นชิงช้า การเล่นจิ๊กซอว์ รูปต่อง่ายๆ วาดภาพระบายสี ละเลงสี ขยำแป้งปั้น การเดินลากจูงของเล่นประเภทเรือ รถไฟไปมา การร้องเพลงแสดงท่าทางประกอบ การเล่นกลางแจ้ง เล่นเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น เล่นพูดคุยกับโทรศัพท์ ของเล่นสิ่งหนึ่งที่เด็กวัยนี้ชอบมากคือ หนังสือภาพ เด็กจะชอบนำมาดูและทำทีว่าอ่านผู้ใหญ่ควรส่งเสริมด้วยการซักถาม เด็กจะเล่าเรื่องโดยการดูจากภาพได้ ซึ่งเป็นการฝึกเรื่องการดูภาพ ฝึกการเล่าเรื่องจากภาพและสามารถฝึกให้เด็กจำคำจากหนังสือที่เป็นคำศัพท์ง่ายๆ ได้
เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่พ่อแม่จะส่งเข้าโรงเรียนอนุบาลเพราะเด็กเริ่มที่จะเล่นกับเพื่อนเด็กๆวัยเดียวกันได้แล้วแทนที่จะเล่นคนเดียวกับบุคคลใกล้ชิด ผู้ใหญ่สามารถหานิทานสนุกๆที่เด็กชอบมาเล่าให้ฟังก่อนนอนจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดพัฒนาการด้านความคิดและจินตนาการได้
วัยสามขวบถึงสี่ขวบ
เด็กวัยนี้เริ่มมองโลกกว้างมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การได้ทำกิจกรรมต่างๆ จะทำให้เด็กมองเห็นความสามารถของตนเองว่าเหมือนผู้ใหญ่จะทำให้เด็กเกิดความภูมิใจในตนเอง เด็กวัยนี้จะชอบคุย โดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย บางทีก็พูดคุยคนเดียวได้อย่างสนุกสนาน เด็กจะสนใจคำพูดของผู้ใหญ่และนำคำพูดของผู้ใหญ่มาเลียนแบบ เด็กวัยนี้ช่างซักถามและต้องการฟังคำตอบ สนใจและชอบฟังนิทานที่มีภาพหรือสีสดใสแต่ยังไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงจากสิ่งที่ฟังได้ เช่น เด็กจะเข้าใจว่าสัตว์ ต้นไม้ ตุ๊กตา พูดได้ แต่เมื่อโตขึ้นกว่านี้เด็กจะเข้าใจ
ในช่วงวัยนี้เด็กจะเริ่มเข้าสังคมและเล่นกับกลุ่มเพื่อนมากขึ้น เด็กกำลังเรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การผลัดกันเล่น การรอ เด็กแสดงออกโดยการชอบเล่นบทบาทสมมุติ และแสดงเป็นบทบาทต่างๆ เช่น ครู นักเรียน หมอ พยาบาล พ่อ แม่ พ่อแม่จะเห็นภาพสะท้อนของตนเองได้จากการเล่นของลูก เช่น เด็กบางคนเล่นเป็น พ่อ แม่ เมื่อฟังจากบทสนทนา หรือบทบาทที่เขาเล่นจะเห็นว่าเป็นนิสัยหรือคำพูดของพ่อแม่ที่ใกล้ชิดกับเขานั่นเอง เด็กวัยนี้จะเริ่มมีจินตนาการ เริ่มเรียนรู้การเข้าสังคมและเริ่มต้นพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง กระดาษวาดรูป สี เครื่องขีดเขียน แป้งปั้น หนังสือที่มีรูปสวยๆ บ้านตุ๊กตา เครื่องเล่นที่เป็นชุดๆเช่น ชุดเครื่องครัว ชุดเครื่องมือแพทย์ ชุดเครื่องมือช่าง จะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการและถ่ายทอดความคิดนั้นออกมาเป็นรูปธรรมได้ กระดานลื่น ม้าหมุน หรือเครื่องเล่นสนามอื่นๆก็จะช่วยให้เด็กได้ออกกำลังกายและสร้างเสริมความแข็งแรงแก่สุขภาพกายและจิตด้วย
วัยสี่ขวบถึงห้าขวบ
เด็กวัยนี้จะมีความคิดเห็นเป็นของตนเองมีความภาคภูมิใจในตนเอง เด็กวัยนี้จะเข้าใจภาษามากขึ้น กำลังฝึกการพูดเป็นประโยคยาวๆเด็กสามารถช่วยตนเองได้ทุกอย่าง วัยนี้เด็กจะเริ่มชอบเล่นแบบแข่งขัน กับการเล่นโดยใช้จินตนาการซึ่งจะมีความซับซ้อนขึ้น เด็กจะชอบเล่นวาดภาพ ระบายสี งานประดิษฐ์เล็กๆ น้อย ๆ ชอบใช้กรรไกรตัดกระดาษเป็นรูปร่างต่างๆ ปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ หรือรูปทรงต่างๆ การเล่นดังกล่าวเป็นการเล่นที่เด็กชอบเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะทำในความคิดของเด็กเองออกมาเป็นรูปเป็นร่างที่มองเห็นได้ อีกทั้งความคล่องแคล่วทางกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายก็มีมากขึ้น
เด็กจะเล่นของเล่นที่สามารถใช้ความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อ มือ แขน ขา ตา การฟัง เช่น การโยนบอล ป่ายปีนบันใด ไต่ไม้แผ่นเดียว ตีกลอง เคาะวัสดุ ต่างๆ กล่าวได้ว่าเด็กวัยนี้เป็นวัยที่มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถถ่ายทอดจินตนาการออกมาได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ไม่ว่าจะจากการวาด การปั้น การเล่นต่อรูปทรงเป็นรูปแบบต่างๆ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกสนใจสิ่งไหนเป็นพิเศษสามารถส่งเสริมจนเป็นความสามารถเฉพาะตัวได้
วัยห้าขวบถึงหกขวบ
วัยนี้ชอบเล่นของเล่นที่ช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งต่างๆ ชอบเล่นเลียนแบบชีวิตของผู้ใหญ่ ชอบเล่นตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ชอบเล่นใช้กำลัง บางทีชอบเล่นแรงๆ เด็กวัยนี้จะห่วงเล่นมาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในร่มหรือกลางแจ้งเด็กจะเล่นตลอดเวลา โดยไม่รู้จักแบ่งเวลา บางทีอาจจะขัดแย้งกับผู้ใหญ่ เด็กวัยนี้เริ่มมีบุคคลหรืออาชีพในดวงใจ เช่น หมอ พยาบาล ฯลฯ ดังนั้นหากต้องการให้เด็กรับประทานอาหารผู้ใหญ่ควรบอกว่านักกีฬาที่ดี(หรืออะไรก็ตามที่เด็กชื่นชอบ) ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เช่นผัก เนื้อ นม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและเก่งๆ เด็กก็จะคล้อยตาม และเป็นสุขใจที่จะทำตามมากกว่าที่ผู้ใหญ่จะบังคับ การเล่นของเด็กวัยนี้จะเน้นไปในเรื่องของการฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อ การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือ แขน ขาและสายตา ความคล่องแคล่ว ความว่องไว ทางกล้ามเนื้อ การทรงตัว เช่น การเล่นเตะฟุตบอล กระโดดเชือก ไต่ไม้ ถีบรถจักรยาน เด็กเริ่มที่จะถีบจักรยานสองล้อได้แล้ว และมีความกล้าพอที่จะไม่กลัวเจ็บ ชอบเล่นของเล่นที่เป็นชิ้นส่วนประดิษฐ์ เพราะมีความสนใจใคร่รู้อยากทดลองสิ่งใหม่ๆ เด็กสามารถที่จะประดิษฐ์สิ่งเล็กๆน้อยด้วยตัวเองจนสำเร็จได้
เด็กวัยนี้ยังชอบที่จะเล่นแสดงบทบาทเลียนแบบในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นสมมุติว่าเป็นนั่นเป็นนี่ แต่งเรื่องราวโดยคิดขึ้นเอง ซึ่งเป็นการฝึกในเรื่องของการใช้ภาษาในการสื่อสาร และการกล้าแสดงออกและกล้าบอกความต้องการของตนเองด้วยการพูด ซึ่งจะเป็นการฝึกทักษะในการเข้าสังคมเบื้องต้นของเด็กอีกด้วย การวาดรูป ต่อภาพ ต่อแต้ม เกมส์ต่างๆยังเป็นสิ่งที่เด็กชอบหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติ และคำศัพท์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่น่าจะจัดหามาให้เด็กเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้
ประโยชน์ของการเล่น
การเล่นช่วยให้เด็กเกิดการพัฒนาด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น ด้านร่างกาย จะช่วยให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ เพิ่มทักษะการใช้กล้ามเนื้อต่างๆ
ด้านอารมณ์จะช่วยให้เด็กเป็นผู้มีอารมณ์แจ่มใส เบิกบาน สนุกสนาน ด้านสังคมจะช่วยเสริมสร้างให้เด็กเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออก สามารถร่วมเล่นกับเพื่อนได้อย่างสร้างสรรค์และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้เป็นผู้ที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย มีทักษะในการสื่อสาร
ด้านสติปัญญาจะช่วยฝึกให้เด็กรู้จักคิดทั้งด้านการคิดอย่างมีเหตุผล การคิดอย่างสร้างสรรค์และจินตนาการ สามารถรู้จัก วางแผน รู้จักแก้ปัญหา มีน้ำใจ มีความอดทน เป็นการปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมให้แก่เด็กด้วย สำหรับผู้ใหญ่ก็ได้รับประโยชน์จากการเล่นของเด็กเช่นกัน นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พ่อ แม่ ลูกแล้วยังเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่ จะได้รับรู้ว่าเด็กหรือ บุตรหลานของตนเองในระดับลึกลงไปอีกว่า เขามีความคิดและความต้องการอย่างไร ทั้งยังจะช่วยสะท้อนให้เห็นภาพของตนเองเกี่ยวกับชีวิตประจำวันทั่วไปและการกระทำของตนต่อเด็กเพราะเด็กจะสะท้อนสิ่งต่างๆเหล่านั้นออกมาในการเล่นของเขาและหากผู้ใหญ่ได้ลองมาร่วมเล่นในสิ่งที่เด็กเล่นอยู่ก็อาจจะรู้สึกถึงความเพลิดเพลิน ผ่อนคลายความเครียดและเพิ่มมุมมองใหม่ๆให้กับ ตนเองอีกด้วย
ผู้ใหญ่ส่งเสริมการเล่นของเด็กได้โดย
1. จัดหาสถานที่ อุปกรณ์การเล่นที่เหมาะสมแก่วัยของเด็ก บนพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจเรื่องพัฒนาการและความสนใจ ของเด็กแต่ละวัย
2. ปล่อยให้เด็กเล่นอย่างอิสระตามความคิดและจินตนาการของเขาผู้ใหญ่เพียงอยู่ใกล้ๆคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย ในระยะที่มองเห็นและสามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันที
3. กระตุ้น ชี้แจง หรือแนะนำวิธีการเล่นใหม่ๆ ให้กับเด็ก โดยอาจจะแสดงบทบาทเป็นผู้ร่วมเล่น หรือเสนอทางเลือกการเล่นแบบใหม่ๆ ให้แก่เด็กบ้างตามความสมควรแต่ต้องระวังว่าไม่ให้การเล่นเป็นการเล่นตามใจผู้ใหญ่
4. กล่าวคำชม เมื่อเด็กทำได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อเป็นการส่งเสริมความเชื่อมั่นในตนเอง แต่เมื่อเด็กทำผิดพลาดหรือรู้สึกว่าล้มเหลว ผู้ใหญ่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษโดยกล่าวคำปลอบใจ หรือดึงเด็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เพื่อเป็นการเสริมกำลังใจ
5. ผู้ใหญ่ควรช่างสังเกตและจดจำเกี่ยวกับการเล่นของเด็กเมื่อพบว่าเด็กสนใจในสิ่งใดเป็นพิเศษควรส่งเสริมความสนใจนั้นๆ ด้วยการหาอุปกรณ์ หรือแนะนำเพิ่มเติมให้แก่เด็ก เพื่อเสริมให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาในด้านนั้นต่อไป
การประดิษฐ์ของเล่นสำหรับเด็กแรกเกิดถึงหกขวบด้วยวัสดุหาง่าย
ของเล่นสำหรับเด็กนั้น "คุณค่า" ไม่ได้อยู่ที่การซื้อหามาในราคาแพงหรือต้องมีจำนวนมากๆ ความรัก ความเข้าใจและความใกล้ชิด ของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก หรือพ่อแม่ที่มีต่อลูกต่างหากเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับเด็ก ความรัก ความเข้าใจนั้นเป็นสื่อที่สำคัญสามารถส่งผ่านของเล่นที่เหมาะสมกับวัยและผลิตด้วยวัสดุหาง่ายภายในบ้านแล้วส่งต่อไปยังเด็กด้วยความใส่ใจใกล้ชิด เหล่านี้น่าจะยิ่งใหญ่กว่าของเล่นราคาแพงดังกล่าว
บางครั้งตุ๊กตากระดาษที่แม่วาดแล้วให้ลูกได้ตัดเล่นและสมมุติเป็นโน่นเป็นนี่ อาจจะมีคุณค่ากว่าตุ๊กตาหมีราคาแพงเสียด้วยซ้ำไปเด็กต้องการสัมผัสที่อบอุ่นจากพ่อ แม่ ขณะอยู่ด้วยและเล่นด้วยกัน ทั้งคอยดูแลอยู่ใกล้ๆขณะเล่นกับเพื่อนและเด็กๆสามารถวิ่งเข้าไปหาเพื่อสัมผัสกับไออุ่นที่ปลอดภัยมากกว่าของเล่นที่กองเป็นภูเขา เลากาแต่ขาดชีวิต และขาดการโต้ตอบ
อ้างอิง l UNESCO.(1980) The Child and Play Theoretical Approach and teaching Application . UNESCO.l อุดมลักษณ์ กุลพิจิตร.(2536).วิธีเลี้ยงดูเด็กวัยทารกและวัยเตาะแตะ. กรุงเทพมหานคร :จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่ปรึกษาวิชาการ : ดร.วิลเลียม วิมุกตายน วิทยาจารย์ 7 อาจารย์กลุ่มนิเทศการพยาบาลเด็ก วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ
เรื่องเล่น....ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะเนี่ย มองเผินๆนึกว่าการเล่นของเด็กเป็นเรื่องไร้สาระ จริงๆ แล้วมันก็มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กเหมือนกัน
อืม.........น่าสนใจ
อยากติดตามตอนไปแล้วค่ะ
ก็OKดี เด็กชอบแน่เลยนะเนี่ย