คำว่า "เหล้าเก่า"ในที่ไม่ได้หมายถึงเหล้าที่ใช้ดื่มกันอย่างทุกวันนี้ แต่ดิฉันหมายถึงเรื่องราวในอดีตที่ดิฉันเองอยากเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ดิฉันเคยรับราชการอยู่ที่โรงเรียน “ชุมแสงสงครามฯ “สมัยนั้นจำได้ว่าทางราชการเขาริเริ่มทำโครงการอาชีพอิสระให้กับโรงเรียนในสังกัด จำได้ว่างบประมาณขณะนั้นอยู่ในวงเงินประมาณ 70,000 บาท/โรงเรียน ทางโรงเรียนก็เลยให้ครูช่วยดำเนินการส่งเสริมรายได้ให้กับนักเรียนตามความสนใจทั้งของครูและนักเรียน สำหรับ ดิฉันเอง ตั้งกลุ่ม เลี้ยงปลาดุรัสเซีย ท สมัยนั้นนิยมมากค่ะ ขอบอกนักเรียนสนใจจะเลี้ยงปลาดุ รวมพล ได้ประมาณ 20- คน โดยแต่ละคนจะต้องลงหุ้น ๆละ 30 บาท( ไม่ตค่อยแน่ใจ) เมื่อมีกำไรจะแบ่งตามส่วนของธุรกิจ นักเรียนสนใจกันมากแต่ละคนก็ไม่เคยทำแต่อยากทำ ส่วนเงินก็ใช้การยืมเงินจากโครงการทางโรงเรียน
ทางโรงเรียนสนับสนุนมีการขุดบ่อความกว้างประมาณ 20 เมตร ความยาวคงกว่าเพราะจำได้ว่า ล็อกหนึ่งของแปลงนา คงสงสัยว่า... ทำไมโรงเรียนจึงมีแปลงนา โรงเรียนมีการทำนาด้วยนะคะพอถึงปีหนึ่งหน้าทำนาก็มีการระดมพลนักเรียนครูทำนา เป็นที่สนุกสนานมากเพราะดิฉันเองก็ไม่เคยทำนายังลงไปดำนากับเขาเลย( ไม่บังคับครูแต่อยากลงเอง) อ้าวไปเรื่องทำนาได้อย่างไร โครงการการเลี้ยงปลาดุเป็นไปด้วยดีนักเรียนก็ชอบจัดเวรกันอย่างดี ถึงเวลาขาย ทางโรง เรียนนำพ่อค้าจากตัวเมืองมาจับเขา ใช้ตาข่ายกว้างเท่า บ่อปลา แล้วก็ลากมานักเรียนก็ช่วยกันจับปลาส่วนที่ไม่หมดก็ให้นักเรียนนำกับบ้านไป เมื่อขายเสร็จแล้วผลปรากฏขาดทุนค่ะ แจ้งให้นักเรียนปัญหาการขาดทุนเกิดจากอะไรบ้าง หน้ามุ่ยไปตาม ๆกัน ดิฉันก็ เลยคิดว่าเงินหุ้นจะคืนให้นักเรียนโดยดิฉันยอมจ่าย แล้วก็รายงานให้อาจารย์ใหญ่(ขณะนั้น)และก็บอกกับท่านว่า เสียใจที่ขาดทุน สิ่งที่ท่านตอบมาก็คือ ไม่มีคำว่าขาดทุน สำหรับผมถือว่าได้กำไรเพราะการที่นักเรียนได้ประสบการณ์ถือว่าเป็นกำไรหาจะซื้อไม่ได้ ดิฉันฟังแล้วอึ้งเลยค่ะ ที่เล่ามาไม่ใช่จะ สดุดีท่านนะคะแต่นึกถึงเพื่อนครูที่โรงเรียนที่ดิฉันอยู่ปัจจุบัน คือครูเมธี(ขอเอ่ยนาม) เขาได้เล่าให้เพื่อนสมาชิกฟังเมื่อตอน มีการประชุมวิชาการหัวข้อ “การจัดการความรู้” วันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมานี่เอง เผอิญอยู่กลุ่มเดียวกัน คือหัวข้อ วิธีการส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์”โดยเล่าว่าใช้วิธีสอนโดยการให้นักเรียนศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ ในท้องถิ่น(ครูเมธีสอนม. 1)โดยการจัดทัศนศึกษาเพื่อให้นัก เรียนมีประสบการณ์จริงเห็นสถานที่จริง ระหว่างการศึกษาก็มีใบกิจกรรมให้นักเรียนได้ทำ เมื่อกลับมาก็ให้นักเรียนนำ เสนองานที่ได้ ไป ศึกษามาโดยไม่จำกัดรูปแบบว่าจะออกมาอย่างไรในรูปแบบใดก็ได้ แต่มีเป้าหมายคือมีเนื้อหาที่ได้ศึกษามา ปรากฏออกว่าชิ้นงานออกมาได้หลากหลายมากทั้งเป็นพับและอื่น ๆอีก หลากหลายสวยงาม (ขอโทษครูเมธีที่แอบนำเรื่องเล่าของครูมาเปิดเผย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสอดคล้องกันพอดี แต่ถ้าเล่าผิดครูเมธีจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง/จะเสนอเพิ่มเติมก็ได้นะคะ ) จะเห็นว่าขุมความรู้ที่ได้จากครูเมธี ก็คือ 1. ให้ความรู้ 2. มีเป้าหมายของงาน และ มีชิ้นงาน เห็นหรือยังคะว่า
เหล้าเก่า .....ขวดใหม่ มาใส่ได้ลงตัวพอดี กลายเป็นเหล้าชั้นดีได้เหมือนกัน (คิดเอง) สำหรับเรื่องนี้ยินดีให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นนะคะ ด้วยความจริงใจค่ะ จริงแล้วยังมีเรื่องเล่าของคุณอำนวย( ครูนพคุณ ) ท่านได้เล่าไว้อย่างสนุกสนาน ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะ
สนุกมากๆเลยค่ะ อยากให้เล่าให้ฟังอีกค่ะ