สวัสดีครับ
หายหน้าหายตาไปเสียหลายวัน จริงๆ แล้วไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ บางคนอาจเสียโอกาสอ่านธรรมะก่อนนอนไปเสียเลย
ที่หายไปนั้นมีเหตุผลครับ
เหตุผลก็คือ หลังจากได้เขียนบทความไปบ้าง ทำให้ผู้เขียนต้องมานั่งทบทวนตัวเองสักหน่อยว่า สิ่งที่ได้สื่อไปนั้นตรงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งสรุปได้ว่ายังอยู่ในทาง แต่เริ่มจะเบนเข็มออกไปนิดๆ ทำให้ต้องมานั่งวางแผนใหม่ว่าจะเอายังไงดี และขอบันทึกเป้าหมายไว้ในที่นี้เสียเลย เพื่อตัวเองจะได้เตือนความจำ และผู้อ่านจะได้เข้าใจผู้เขียนด้วย หากไม่ได้ตอบบางคำถาม หรือตอบแบบไม่ละเอียดนัก
เป้าหมาย(ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า วัตถุประสงค์ ดีกว่าหรือไม่ แยกสองคำนี้ไม่ออกครับ)ที่วางไว้มีดังนี้ครับ
ด้วยความที่เราห่างจากพุทธปรินิพพานนานมาก หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ภาษาที่เราใช้พูดกันก็ต่างกัน คำต่างๆ ก็ถูกตีความหมายต่างจากเดิม หรือกลับหน้ามือเป็นหลังมือเสียทีเดียว จำเป็นที่เราต้องมาทำความเข้าใจ และศึกษากันมากกว่าเดิม
พอพูดถึงพุทธศาสนาหลายท่านอาจเบือนหน้าหนี แล้วไล่ให้ไปพูดกันในวัด หรือไม่ก็หาว่าไม่จำเป็น มันเหมาะสำหรับคนแก่ไปเสีย
นี่แหละเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนต้องใช้ความพยายามที่จะช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา(ที่คิดว่าแท้) ให้เข้าใจกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะกลุ่มคนอย่างท่านผู้อ่านนี่แหละ สิ่งเหล่านี้เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนอาจโดนด่าว่าได้(ด้วยที่รู้ทั้งรู้ว่ารู้ไม่พอ หรือรู้น้อยมาก แต่ดันใจใหญ่ และไม่รู้ว่าเราจะตายวัยตายพรุ่ง มีโอกาสก็ต้องคว้าไว้ก่อน) เพราะหลายอย่างอาจขัดกับสังคมปัจจุบัน ที่นับวันจะพึ่งสิ่งที่นอกเหนือตัวเองไปเรื่อยๆ เทวดาอารักษ์จึงผุดเป็นดอกเห็ด มิหนำซ้ำก็เชื่อตามกระแส ไม่มีปัญญาพอที่จะแยกของจริงของปลอมได้
เมื่อกาลเป็นดังนี้ปัญหาของสังคมก็เกิด คนก็แสวงหาแต่ที่พึ่งภายนอก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นที่ต้องการของชาวพุทธที่แท้เลย เทวดาก็อยู่แต่เทวดา อย่าไปรบกวนท่านเลยครับ ท่านก็มีความทุกข์ของท่านเหมือนกัน แล้วเราก็ไม่มีปัญญาแยกออกว่าท่านเป็นของจริงหรือเปล่า อีกทั้งของเหล่านี้มันผลุบๆ โผล่ๆ จับให้มั่นคั้นให้ตายไม่ได้ บทจะโผล่ก็โผล่ บทจะหายก็หาย เป็นความสามารถของแต่ละคนจะเห็นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้เขียนจะเลี่ยงมากที่สุด และสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สาระสำคัญของพระพุทธศาสนาด้วย
อย่าเอาเวลาและทรัพย์สินไปส่งเสริมพวกมิจฉาชีพเลยครับ เอาเวลามาพัฒนาจิตใจเราดีกว่า ได้ผลแน่นอน หลักท่านก็วางไว้แล้ว ทางก็มีอยู่แล้ว ผู้ชี้ทางก็มีอยู่แล้ว(คือพระธรรมอันเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์) ไม่ต้องคิดใหม่ หาทางให้เจอแล้วออกเดินทางด้วยกันเถิดครับ
งานเขีนเหล่านี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนจริงจังมาก หมดเวลากับการค้นหา(ไม่เชิงค้นคว้า) และหมดเงินไปพอสมควร ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพอจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง แค่ท่านแวะมาอ่านก็เป็นกำลังใจมากหลายแล้วครับ ด้วยคิดอยู่เสมอว่าตัวเองยังเขลาอยู่มาก และเชื่อเหลือเกินว่าหลายท่านในสังคมแห่งนี้เป็นผู้ใหญ่(ไม่จำเป็นที่จะต้องอายุมาก) และรู้กว้างและรู้ลึกกว่ามาก ผู้เขียนก็หวังให้ท่านช่วยว่ากล่าวตักเตือนบ้างในสิ่งที่เห็นผิด พร้อมให้ขนาบเต็มที่ครับ
เจอกันบทความหน้าครับ
ธรรมะสวัสดีครับธรรมาวุธสวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
แวะมาทักทาย..และบอกว่าจะรออ่านค่ะเพราะชอบ อิ อิ ^ ^
ธรรมาวุธ
สวัสดีค่ะ คุณเขียนเปิดใจได้ดีเลยค่ะ เข้าอ่านบันทึกคุณบ่อย เป็นคนชอบเรื่องศาสนาพุทธค่ะ แม้แต่นั่งธรรมะ ก็รวมใจได้นะคะ แต่เรื่องศาสนา ไม่ค่อยกล้าแสดงความเห็น กลัวบาป แต่ถ้าเป็นเรื่องเผยแผ่ ก็ดีมากๆค่ะ คอยอ่านค่ะ ถ้าจะแย้งบ้างได้ไหมคะ?