"เจาะ" นี้มีปัญหา


เจาะ
"เจาะ" นี้มีปัญหา-=Byหมอแมว=-

ปัจจุบันแฟชั่นการเจาะตามส่วนต่างๆของร่างกายเป็นที่นิยมกันมากในหมู่คนรุ่นใหม่ และก็เป็นธรรมดาของสิ่งที่มีมากขึ้น เมื่อมีมากเราก็พบความผิดปกติเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็พบว่ามีปัญหาแบบต่างๆตามมาหลังจากการใส่อุปกรณ์เหล่านี้ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่อาจรวบรวมผลข้างเคียงที่เกิดตามหลังการเจาะใส่เครื่องประดับแต่ก็เชื่อว่าต้องมีมากพอสมควร และเมื่อเทียบกันแล้วสิ่งที่เกิดตามมาแลกกับความสวยงาม...อาจจะนับได้ว่าได้ไม่คุ้มเสียกัน

ตำแหน่งในการเจาะตามร่างกายมีต่างๆกันไป และอุปกรณ์ที่ใส่ก็มีต่างๆกันตั้งแต่เป็นตุ้ม,ห่วง,แท่งเหล็ก ทำจากโลหะชนิดต่างๆกัน เราจะลองมาดูสาเหตุที่พบกันบ่อยๆกันครับ

สาเหตุจากการติดเชื้อ
สาเหตุจากการติดเชื้อเป็นสาเหตุที่พบได้ในทุกตำแหน่งของการเจาะ เพราะการเจาะในทุกส่วนจะต้องมีการเจาะผ่านผิว
หนังซึ่งเชื้อจะสามารถผ่านเข้าไปได้ การติดเชื้อที่ต้องระวังมากๆก็คือ การติดเชื้อจากการใช้อุปกรณ์เจาะร่วมกัน มีรายงานพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากการใช้เครื่องมือเจาะร่วมกัน และพบว่าเชื้อเอดส์สามารถติดที่เครื่องมือเจาะได้เป็นเวลานาน... จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกร้านให้ดี และต้องให้มั่นใจว่าร้านนั้นได้เปลี่ยนเครื่องมือจริง(ไม่ใช่ปากบอกเปลี่ยนแต่ว่าไม่ได้เปลี่ยน)
ส่วนการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่เจาะ ก็พบได้ ซึ่งมีความรุนแรงต่างๆกันไปตามแต่ละตำแหน่งซึ่งจะกล่าวต่อไป

สาเหตุจากการแพ้โลหะที่ใช้
โลหะที่คนเราแพ้ได้บ่อยๆก็คือนิกเกิล ซึ่งเป็นโลหะที่มักถูกใช้ผสมกับโลหะอื่นทำเป็นอัลลอยด์ การแพ้จะทำให้เกิดอาการบวมแดงอักเสบคล้ายกับการติดเชื้อ แต่มักเกิดซ้ำๆกันบ่อยๆทั้งที่ไม่ได้ไปทำอะไรให้ติดเชื้อ บางครั้งอาการพ้ก็จะลามไปยังจุดอื่นหรือเกิดอาการทั่วร่างกายได้
หากสงสัยหรือ
มั่นใจว่ามีอาการแพ้ก็ต้องเปลี่ยนชนิดของโลหะที่เป็ฯเครื่องประดับ โลหะที่แพ้น้อยลงมาก็ได้แก่ทองคำ(ข้อเสียคือแพงและอ่อนหักง่าย,ถ้าเป็นทองผสมนิกเกิลก็แพ้อยู่ดี) และที่แพ้น้อยมากก็พวกนูโอเบียมและไททาเนียม (ข้อเสียคือราคาแพงและสีไม่สวย)และสุดท้ายถ้ายังแพ้อีกก็อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นพวกพลาสติกหรือไม่ใส่ไปเลย
ที่โรงเรียน
แพทย์ที่ผมจบมา ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งแพ้โลหะต่างๆหลายชนิด ทีนี้ปัญหาคือเป็นแพทย์ก็ต้องใช้หูฟังปอดและหัวใจซึ่งมีก้านโลหะ... ทางแก้ของท่านก็คือใช้หูฟังแบบที่ชุบทองคำ^v^

การเจาะหู
การเจาะหูเป็นส่วนที่ถูกเจาะมากที่สุด โดยจุดที่มากที่สุดคือติ่งหู ส่วนรองๆลงมาก็คือส่วนของใบหู
ส่วนของติ่งหูนั้น นอกจากเรื่องติดเชื้แล้วยังมีเรื่องการเป็นคีลอยด์และเกิดการขาดได้... ดังนั้นในผู้ที่เสี่ยงเป็นคีลอนยด์ก็ไม่ควรเจาะหู และการใส่ตุ้มหูก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ตุ้มหูไปเกี่ยวโดนอะไรเข้า(ดังนั้นต้องเลือกรูปร่างและขนาดตุ้มหูให้ดี)
ส่วนลักษณะที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือการเจาะหูที่ตัวของใบหูส่วนที่แข็งๆ ส่วนที่ถูกเจาะก็จะมีส่วนกระดูกอ่อนของหูอยู่...การเจาะไปที่ใบหูนี้เองที่เป็นปัญหาสำคัญ
ปัญหามันมีเนื่องจากลักษณะทางธรรมชาติของกระดูกอ่อนที่หู จะมีเลือดมาเลี้ยงน้อย และถ้าเกิดการบาดเจ็บหรือติดเชื้อร่างกายจะทำลายกระดูกอ่อนโดยอัตโ
นมัติ
ดังนั้นผู้ที่ต้องการใส่เครื่องประดับที่หู ต้องระวังไว้ให้ดีนะครับ ท่านพลาดได้ครั้งเดียว หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นหรือแจ๊คพอตเจาะแล้วร่างกายรู้สึกว่าผิดปกติ ก็จะเกิดการทำลายใบหูโดยร่างกายขึ้นมา....และบอกได้ว่าแม้จะไปรักษาตั้งแต่เริ่มเป็น เกือบทั้งหมดก็จะเกิดใบหูผิดรูปตามมา

การเจาะลิ้น
การเจาะลิ้นมักทำที่บริเวณกลางลิ้นเป็นหลัก สิ่งที่เหมือนๆกันก็คือจะมีลูกกลมๆตรงกลาง โดยมีก้านขนาดยาวต่างๆกันไป
ปัญหาที่มีตามมาได้มีตั้งแต่การเจาะไปจ๊ะเอ๋กับเส้นเลือด เลือดท่วมจอ...เกิดได้แม้คนที่ทำจะชำนาญเพราะเส้นเลือดต่างๆของคนเรามีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ...ถ้าเกิดเหตุเลือดท่วมจอ ก็ขอให้ไปพบ
แพทย์ที่รพ.ทันที
การไปเสียดสีกับฟัน หรือตัวแกนเหล็กไปขัดกับฟัน บางคนเหล็กไปขัดในร่องฟันตอนเคี้ยว
อาหารจนกระทั่งฟันหักได้... แก้ไขปัญหานี้ได้โดยการเลือกแกนเหล็กให้สั้นที่สุด
สุดท้ายคือการติดเชื้อ เจอได้บ้างแต่สามารถลดได้ด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก
ฆ่าเชื้อหลังจากเจาะในช่วงสองสามวันแรก... แต่ก็ต้องระวังหากมีอาการเจ็บลิ้นมากหรือลิ้นบวมขึ้น ก็ต้องไปพบแพทย์ทันทีเพราะมีการติดเชื้อในช่องปากแบบหนึ่งที่เรียกว่า Ludwig''''''''s angina ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่ใต้ลิ้นรุนแรง มีความเสี่ยงจนถึงแก่ชีวิต

เจาะจมูก
จริงๆแล้วคนในภาคพื้นเอเชียมีความชำนาญในการเจาะจมูกมาก เพราะว่าใช้ในการสนตะพายวัวควาย.... การใส่ห่วงจมูกในคนก็ทำเหมือนกันกับในสัตว์นั่นคือ ต้องเจาะบริเวณที่เป็นเนื้ออ่อนๆด้านหน้าสุดของรูจมูก ไม่ควรไปเจาะที่ลึกเข้าไปซึ่งเป็นกระดูกอ่อน ... การเจาะลึกเข้าไปอาจจะทำให้เกิดเลือดออกที่ผนังกั้นจมูกซึ่งจะเกิดการบวมปิดของรูจมูกหายใจไม่ได้,และอาจจะตามมาด้วยกระดูกจมูกถูกทำลายและจมูกบิดเบี้ยวผิดรูปในที่สุด

เจาะสะดือ
แบบนี้พบเห็นบ่อย... โดยทั่วไปการเจาะสะดือก็ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย เพราะเป็นการเจาะที่ผิว
หนังซึ่งไม่มีการไปเจาะเข้ากระดูกอ่อนดังเช่นหูหรือจมูก
ที่จริงดูๆไปก็สวยดีนะครับ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาได้นอกจากการติดเชื้อและแพ้ ก็คือการเกิดแผลเป็นและเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ชายถ้า
อ้วน หรือผู้หญิงถ้าตั้งครรภ์ แผลเป็นที่เดิมอยู่ที่สะดือจะโดนดึงขึ้นไปอยู่เหนือสะดือ มองเผินๆคล้ายรอยแผลผ่าตัด
ที่รพ.ผมเองก็เจอได้บ่อยๆ เด็กอายุ17-18มาคลอดที่รพ. พอมองไปที่ท้องก็จะเห็นแผลเป็นเด่นชัดอยู่ที่หน้าท้อง... และเมื่อคลอดลูกแล้ว แผลเป็นนั้นมันก็คงที่อยู่ที่เหนือสะดือ ไม่หดกลับไปที่เดิม...ดูแปลกตาดี


ฝังมุกผู้ชาย
ผู้ชายบางคนฝังมุกเนื่องจากคิดว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ... จริงหรือไม่คงต้องไปถามคู่นอน (แต่ทั่วไปถือว่าไม่จริง)
ผลข้างเคียงที่เกิดได้ในการฝังมุกก็คือ การไปกดทำเส้นเลือดเส้นประสาทหรือเกิดแผลเป็นอย่างช้าๆจนเกิดการกดทับ... ส่งผลให้เกิดอาการกามตายด้านได้...
ถ้ามีใครมาถามว่าฝังมุกดีไหม ผมตอบได้ว่าข้อเสียน่าจะมากกว่าข้อดีอย่างชัดเจนต่างจากการเจาะที่อื่นๆที่อาจจะได้ประโยชน์เรื่องความ
สวยงาม

ปัญหาสุดท้าย ที่ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ว่าสำคัญมากก็คือการสำลักหรือกลืนเอาส่วนของเครื่องประดับเข้าไป เพราะเครื่องประดับเหล่านี้บางครั้งถูกประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนหลายชิ้น บางครั้งเกิดการหลุดเข้าไปในจมูกในปากตกลงไปในหลอดลมได้, หรือที่น่ากลัวกว่าก็คือเด็กทารกหยิบกลืนเข้าไปและเกิดอันตรายจนถึง
ชีวิตได้



สรุปปัญหาและสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเจาะที่ผมพอจะรวบรวมได้ก็คือ

1. หากเจาะติดเครื่องประดับพวกนี้ไว้กับตัว ให้ทำใจไว้เลยว่าสามารถเกิดผลข้างเคียงได้เสมอ โดยที่พบได้บ่อยที่สุดคือการแพ้ และการติดเชื้อ

2. มีคนเคยถามว่าที่ติดเชื้อหรือเกิดผลแทรกซ้อนต่างๆ เช่นกระดูกอ่อนเสื่อมใบหูหายไปทั้งข้างหรือบิดเบี้ยวน่าเกลียด เกิดจากการที่ช่างผู้ทำการติดให้ทำไม่ถูกต้องหรือไม่ ผมสามารถบอกได้ว่า ถึงแม้ช่างจะชำนาญขนาดไหนทำถูกต้องตามหลักและวิธีการทั้งหลายก็ตาม แต่การเจาะและคาเครื่องประดับเอาไว้ สามารถเกิดผลข้างเคียงตามมาได้เสมอ เนื่องจากร่างกายของคนเรามีความแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย... บางคนใส่มา4-5ปี วันดีคืนดีเกิดการอักเสบบวมติดเชื้อหูหายไปเลยก็ได้ ดังนั้นฝีมือช่างอาจจะเกี่ยวแต่ไม่ใช่ทั้งหมดครับ

3. ต้องระมัดระวังการติดเชื้อจากเครื่องมือไว้เสมอ ถ้าร้านไหนทำท่าน่าสงสัยว่าไม่เปลี่ยน คุณก็อย่าเสี่ยงจะดีกว่าครับ ติดเอดส์ขึ้
นมา บอกได้ว่าไม่มีใครเชื่อว่าติดจากร้านเจาะหูหรอกครับ

4. หากเกิดการติดเชื้อหรือแพ้ มีอาการบวมอักเสบ ให้ถอดเครื่องประดับออกและรีบรักษา โดยทั่วไปรูจะยังคงอยู่ไม่ตันไปในช่วง3สัปดาห์แรก

5. การจะบอกว่าติดเชื้อหรือแพ้โลหะนั้น บางรายจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ส่วนใหญ่
แพทย์จะรักษาแบบติดเชื้อไว้ก่อนเพราะรุนแรงกว่า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าแพทย์บอกว่าคุณแพ้โลหะแต่ดันให้ยาฆ่าเชื้อร่วมมาด้วย

เครื่องประดับ เป็นสิ่งที่ใช้ใส่เพื่อเพิ่มความน่าสนใจทางร่างกาย แต่ถึงอย่างไรก็สามารถเกิดผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดลักษณะน่าเกลียดได้ ดังนั้นโปรดไตร่ตรองก่อนการใส่นะครับ

ปล...... ขอบคุณ หมอแมวมากคับ กับบทความดีๆ ที่ให้ผมทำงานส่งอาจารย์

คำสำคัญ (Tags): #เจาะ
หมายเลขบันทึก: 83357เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2007 00:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 00:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • อืม...หมอแมวเป็นใครเหรอ
  • แล้ว "เอ็ม" ล่ะเจาะกับเขาหรือเปล่า
  • อย่าตั้งหน้าตั้งตาลงบันทึกอย่างเดียวนะ  ตอบของคนอื่นเขาด้วย

หมอแมว เป็นคุณหมอที่ชอบเข้ามาให้ความรู้ในเว็บ Mthai.com คับ (Mthai.com เป็นเว็บโปรดของผมเลย)

เคยไปเจาะสะดือมา

ตอนนั้นมีเพื่อนไปด้วย

เพื่อนคนนั้นเขาใส่ตุ้มเจาะสะดือ

ดูสวยดี

เราเลยไปเจาะบ้าง

ตอนเจาะก็ดูเจ็บ

แต่เจาะเสร็จแล้วก็ดูสวยและเท่ดี

ชอบการเจาะสะดือมาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท