คณาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้มีโอกาสรับใช้ถวายงานใต้ฝ่าละอองพระบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 11 โรงเรียน และปีนี้เป็นปีมหามงคลยิ่งที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงเมตตาประทานวโรกาสให้โรงเรียนจำนวน 9 โรงเรียนได้มีโอกาสได้ถวายรายงานผลการดำเนินงาน โดยที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมชมด้วยพระองค์เอง
ในส่วนภารงานของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ที่ผ่านมาได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน และการพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนตลอดมา แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวยังเห็นว่าการพัฒนายังไม่เข้าสู่ระบบ เพราะขณะนี้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาส่วนใหญ่ ได้นำระบบประกันคุณภาพภายในมาดำเนินการ โดยจัดระบบย่อยๆในโรงเรียน เช่น ระบบการบริหารจัดการ ระบบหลักสูตรและการเรียนการสอน ระบบการเรียนรู้ ระบบการแนะแนว ระบบการวัดและประเมินผล แม้กระทั่งระบบการประชาสัมพันธ์หรือการสร้างความสัมพันธ์ก็จัดทำเป็นระบบ
โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนเองมีข้อจำกัดมากมายหากได้ร่วมมือกันจัดพัฒนาและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบก็จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่คอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่อง อย่างน้อยมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ทุกโรงเรียนต้องผ่านการประเมินภายนอกจาก สำนักรับรองและประเมินมาตรฐานการศึกษา(องค์การมหาชน) หรือ สมศ.เป็นตัวกำกับอยู่ทุกโรงเรียน
ที่กล่าวเช่นนี้เพราะการพัฒนาเชิงระบบยังไม่เป็นที่มั่นใจในหมู่คนไทยเรายังยึดตัวบุคคลมากกว่า ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงผู้นำในแต่ละระดับงานทุกอย่างดูเหมือนจะชลอ ใส่เกียร์ว่าง หรือชะงัก เลิกล้มไปโดยสภาพ จึงเกิดเจดีย์ยอดด้วนเต็มไปหมด สิ่งที่จะดำเนินการพัฒนาโดยระบบได้ น่าจะเริ่มจากกระบวนการนิเทศ ช่วยกระตุ้นให้เกิดความตระหนัก กระบวนการบริหารจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการทำงาน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและร่วมภูมิใจในผลงาน ระบบจะร้อยรัดให้ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เมื่อร่วมคิดวางแผนและนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ก็จะช่วยกันร่วมนิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผล สิ่งที่ได้เป็นความภาคภูมิใจก็ร่วมกันประชาสัมพันธ์หรือมีผู้กล่าวว่า กลยุทธ์ 4 ป
ประชุม ปฏิบัติ ประเมิน ประชาสัมพันธ์
การพัฒนาก็จะขับเคลื่อนไปอย่างพลวัตร ไม่ต้องรุมระดมกันเมื่อการประเมินจะมาถึง หรือรุมสกรัมกันทำงานเมื่อจะมีใครมาเยี่ยม...... ?!!เราอยากอุดหนุนแม่ค้าอยู่หรอกแต่เราไม่อยากซื้อแต่ผักชี เพียงชนิดเดียวจนหมดตลาด โดยเฉพาะการใช้สื่อ สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัว การใช้แหล่งการเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขอให้นำมาใช้จริงๆมิใช่ตั้งโชว์แต่พื้นฐานการใช้ชีวิตของผู้คนก็ยังเป็นผู้บริโภคนิยม ซื้อทุกอย่างที่สะดวกซื้อ สะดวกจ่ายจนแทบไม่ได้ปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ตั้งหลักให้รู้คิด รู้ใส่ใจและรู้ไตร่ตรอง
การได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นวันมหามงคลยิ่งของชีวิต แม้เวลาเพียงเล็กน้อยแต่พระองค์ท่านตรัสถามแต่ละคำล้วนคือคำสอน เช่น ทรงถามว่า "ดอกไม้ที่ปลูกสวยสดงดงามในวันนั้น ถามเด็กว่าไปซื้อมา ผลิตเองได้ไหม ? " หรือทรงงานจนลืมเสวยพระกระยาหารกลางวัน ก็คงสอนใจเราทุกผู้ว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ทรงงานหนัก ควรหรือที่เราจะอยู่แบบสบายๆ และเมื่อไหร่การทำงานแบบผักชีโรยหน้าจะหมดไปเสียที ?
แวะมาเยี่ยมอีกครับ
เสียดายที่ผมสุขภาพกายไม่ดี จึงพลาดโอกาสรับเสด็จคราวนี้ แต่มอบหมายให้รองวิชาการไปทำหน้าที่แทน รองฯเล่าว่าได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดและได้ถวายรายงานด้วย
น่าอิจฉาจัง