GotoKnow

ชีวิตที่พอเพียง  4967. PMAC 2026  3.  Second IOC & Preparation Meeting Kobe : Day 2

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2568 14:45 น. ()

 

ช่วงเช้าประชุมในห้องใหญ่   นำเสนอผลการประชุมกลุ่มย่อยเมื่อวานตอนบ่าย    โดย รศ. ดร. เฉลิมพล แจ่มจันทร์ ผอ. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม  ม. มหิดล เป็นประธาน   ท่านทำหน้าที่ได้ดีมาก   

ผมตั้งใจฟังเพื่อจับความ   เอาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของประชากรเป็นศูนย์กลาง    มองความเชื่อมโยงไปยังสังคมภาพรวม    มองไปยังระบบสุขภาพที่เหมาะสมที่จะต้องร่วมกันสร้างขึ้น   มองไปยังปฏิสัมพันธ์กับความไม่เสถียรของการเมืองโลก และเป้าหมายสุขภาวะของคนทั้งโลก อย่างเท่าเทียมกัน   

ผมมองว่า เราต้องการให้ PMAC 2026 ปลุกคนทั้งโลก   ว่าต้องมีการปรับตัวในหลายระดับ หลายมิติ ต่อการเปลี่ยนแปลงประชากรที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว   และแตกต่างกันระหว่างภูมิภาคของโลก    คือในขณะที่โลกส่วนใหญ่กำลังมีประชากรหด และแก่    อัฟริกาและเอเซียใต้มีประชากรเพิ่ม และมีเด็กและคนหนุ่มสาวจำนวนมาก    แต่เราไม่มีกรรมการจากพื้นที่นี้เลยแม้แต่คนเดียว   

คำอภิปรายของ ศ. ดร. ชื่นฤทัย กาญจนจิตรา เรื่องแนวทางใหม่ของระบบสุขภาพ ที่เน้นหนุนสุขภาวะหรือการมีสุขภาพดี      ไม่ใช่เน้นการรักษาโรคอย่างในปัจจุบัน   โดยท่านอ้างถึง Global Coalition on Aging ที่มองความสูงอายุเป็นโอกาสมากกว่าปัญหา   แต่ต้องเปลี่ยนระบบสุขภาพให้เน้นสุขภาพดี ไม่ใช่เน้นความเจ็บป่วยอย่างในปัจจุบัน   ทำให้ผมนึกถึง Life-Course Approach   ที่มีการริเริ่มในยุโรป   

นพ. วิโรจน์ เสนอการสังเคราะห์ประเด็นสำคัญ แนวใหม่   สร้างความท้าทายต่อแต่ละกลุ่มย่อย   ซึ่งการประชุมกลุ่มย่อยที่ ๒ ในช่วงบ่าย  ที่ผมเข้าร่วมในฐานะสมาชิกกลุ่ม  และในฐานะประธานกรรมการจัดประชุมนานาชาติ    ผมใช้นโยบายประชุมอย่างตั้งใจฟัง แต่ปิดปาก   ช่วยให้ได้เรียนรู้ว่าการทำความเข้าใจ และสร้างข้อตกลงในเรื่องที่มีความซับซ้อนหลากหลาย ในกลุ่มคนเก่งเป็นเรื่องยากสาหัส   แต่ก็มั่นใจได้ว่า ในที่สุดจะหาข้อยุติได้    คือ creativity curve ต้องเริ่มจาก divergent phase   ตามด้วย convergent phase ในภายหลัง   

ในช่วงครึ่งชั่วโมงหลังของการประชุมกลุ่ม ๒   convergent thinking ก็เริ่มทำหน้าที่   แต่ผมก็ยังนึกในใจว่า อยู่ใต้วิธีคิดแบบเน้นดูแลความเจ็บป่วย    ไม่ใช่เน้นดูแลสุขภาวะ      

แต่เมื่อเข้าห้องประชุมใหญ่    ฟังรายงานผลงานจองแต่ละกลุ่มแล้ว    ก็พบว่า Subtheme 3  เน้นจัดการสุขภาวะ มากกว่าจัดการโรคภัยไข้เจ็บ    ที่ รศ. ดร. นพ. บวรศม ลีระพันธ์ บอกผมว่า นักวิชาการด้านระบบสุขภาพเรียกว่า need-based health system   

ผมกลับมาถาม Generative AI ตอนอยู่ที่โรงแรมว่า “What is need-based health system? Does it have major difference to health system operating in Thailand now-a-day? Is it the same as wellbeing-based health system?”   ถามหลายสำนักเพื่อเปรียบเทียบกัน    และผมสรุปกับตนเองว่า need-based health system ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับ wellbeing-based health system   คนทั่วไปยังมองระบบสุขภาพด้านการรักษาโรค   หากจะให้ระบบสุขภาพเน้นการหนุนให้คนเอาใจใส่การสร้างสุขภาวะให้แก่ตนเองและคนอื่น รวมทั้งแก่ชุมชนและสังคม   ระบบสุขภาพต้องใช้กระบวนทัศน์ที่ต่างจากในปัจจุบันมาก    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนทัศน์เชิงรุก และร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม 

ผมมีความเชื่อว่า การพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร  ที่ไม่เพียงเข้าสู่สังคมสูงวัยเท่านั้น    ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่ซับซ้อน    จะรับมือไม่ไหว หากยังใช้แนวคิดตั้งรับ คือรักษาโรค    ค้องใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุก คือจัดระบบที่ชักจูง (กึ่งบังคับ) บุคคลให้มีพฤติกรรมสุขภาพ    ทั้งเพื่อตนเองและเอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น        

วิจารณ์ พานิช

๒๗  มี.ค. ๖๘ 

ห้อง ๓๐๕  โรงแรม Monte Hermana   โกเบ 

 

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย