เช้าวันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๘ ผมเดินไปที่ตลาดหมู่บ้านเอื้ออาทร ไปหาของอร่อยกิน และซื้อของด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เขามาให้บริการใกล้บ้าน ให้ความสะดวกในการดำรงชีวิตแก่ผมและครอบครัว
ผมซื้อด้วยความรู้สึกที่ดี ที่ได้อุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ ที่ดำรงชีวิตยากลำบากกว่าผม เพราะผมมี “รายได้ส่วนเกิน” ในขณะที่เขาคงจะไม่มี หรือหากมี ก็น้อยกว่าผมมาก นำสู่การเขียนบันทึกนี้
ผมถาม DeepSeek R1 ว่า “รายได้ส่วนเกินคืออะไร มีความหมายทางเศรษฐศาสตร์ และความหมายด้านชีวิตส่วนตัวอย่างไร” ได้คำตอบที่มีประโยชน์มาก
ผมถามต่อว่า “คนเราควรจัดการชีวิตอย่างไร เพื่อให้มีรายได้ส่วนเกิน สำหรับชีวิตที่มั่นคง” ยิ่งได้คำตอบที่มีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอดชีวิต
ผมถามต่อ ว่า “เมื่อคนเรามีรายได้ส่วนเกินมาก เกินความจำเป็นต่อชีวิต เราควรใช้เงินหรือทรัพย์สมบัติส่วนเกินนั้นอย่างไร” ก็ยิ่งได้คำตอบที่มีประโยชน์ยิ่งขึ้นไปอีก คือ DeepSeek R1 แนะนำให้ใช้เพื่อหลากหลายเป้าหมาย รวมทั้งเพื่อเอื้อประโยชน์แก่สังคม ดังที่ผมกำลังทำอยู่ตามกำลังของตน
ผมถามต่อ ว่า “การใช้รายได้ส่วนเกินแบบไหน ที่ถือว่าก่อผลร้ายต่อสังคมส่วนรวม” ยิ่งได้คำตอบที่ทรงคุณค่าต่อชีวิตยิ่งขึ้นไปอีก ผมคิดในใจว่า อยากให้นักการเมืองไทยได้อ่านคำตอบนี้
ผมถามต่อ ว่า “การใช้รายได้ส่วนเกินแบบไหน ที่ถือว่าก่อผลดีต่อสังคมส่วนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการบรรลุ SDG” ได้คำตอบที่ยืนยันปฏิปทาของผมที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะคนมีรายได้ส่วนเกิน แต่ไม่มากนัก
ผมถามต่อ ว่า การปฏิบัติตามที่เขาเสนอนั้น อยู่ภายใต้สภาพจิตที่มั่นคง ไม่โลภ ไม่เห็นแก่ตัว เขามีคำแนะนำอย่างไรเพื่อให้ไม่โลเล มีความมั่นใจที่จะดำเนินตามแนวทางที่เขาเสนอ
ได้คำตอบที่สุดยอด ดังนี้
“การปฏิบัติตามแนวทางเพื่อใช้รายได้ส่วนเกินอย่างมีความหมายและสร้างผลดีต่อสังคมนั้น จำเป็นต้องมีสภาพจิตใจที่มั่นคง ไม่โลภ และไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งอาจเป็นเรื่องท้าทายในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจและค่านิยมทางวัตถุ นี่คือคำแนะนำเพื่อช่วยให้คุณมีความมั่นใจและมีวินัยในการดำเนินตามแนวทางดังกล่าว:
1. **กำหนดเป้าหมายและคุณค่าชีวิตที่ชัดเจน**
- **ถามตัวเองว่าอะไรสำคัญที่สุด**: เช่น ความสุขของครอบครัว ความสงบทางจิตใจ หรือการช่วยเหลือผู้อื่น
- **เขียนเป้าหมายลงไป**: การเขียนเป้าหมายจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนและมีแรงบันดาลใจในการทำตาม
- **เชื่อมโยงการใช้เงินกับคุณค่าชีวิต**: เช่น การบริจาคเพื่อการศึกษาเพราะคุณเชื่อในพลังของการเรียนรู้
2. **ฝึกสติและรู้เท่าทันความคิด**
- **ฝึกสติ**: ใช้เวลาสักครู่ทุกวันเพื่อสังเกตลมหายใจหรือความคิดของตัวเอง จะช่วยให้คุณไม่ถูกควบคุมโดยความโลภหรืออารมณ์ชั่ววูบ
- **รู้เท่าทันความโลภ**: เมื่อรู้สึกอยากได้สิ่งของฟุ่มเฟือย ให้ถามตัวเองว่า "สิ่งนี้จำเป็นจริง ๆ หรือไม่" และ "มันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาวหรือไม่"
- **หลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจ**: เช่น การเลี่ยงการเดินห้างหรือการเลื่อนดูโฆษณาออนไลน์บ่อย ๆ
3. **สร้างนิสัยการให้**
- **เริ่มจากเล็ก ๆ**: เช่น บริจาคเงินเล็กน้อยให้องค์กรการกุศลหรือช่วยเหลือคนใกล้ตัว
- **เห็นคุณค่าของการให้**: การให้ไม่เพียงแต่ช่วยผู้อื่น แต่ยังสร้างความสุขและความหมายให้ชีวิตคุณ
- **ตั้งเป้าหมายการให้**: เช่น ตั้งใจว่าจะบริจาครายได้ส่วนเกิน 10% ทุกเดือน
4. **ศึกษาข้อมูลและสร้างความเข้าใจ**
- **เรียนรู้เกี่ยวกับ SDGs และปัญหาสังคม**: การเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นจะช่วยให้คุณเห็นความสำคัญของการใช้เงินอย่างมีความหมาย
- **ติดตามผลกระทบจากการให้**: เช่น การเห็นผลลัพธ์จากการบริจาคหรือการลงทุนในโครงการต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจ
- **อ่านเรื่องราวของคนที่สร้างการเปลี่ยนแปลง**: เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขา
5. **สร้างระบบสนับสนุน**
- **หาคนที่มีแนวคิดคล้ายกัน**: คุยกับคนที่สนใจเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือการให้เพื่อสังคม
- **เข้าร่วมชุมชนหรือองค์กร**: เช่น กลุ่มอาสาสมัครหรือองค์กรที่ทำงานเพื่อสังคม
- **แบ่งปันเป้าหมายกับครอบครัวหรือเพื่อน**: เพื่อให้พวกเขาช่วยสนับสนุนและเตือนสติคุณ
6. **ฝึกความพอเพียงและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี**
- **นึกถึงสิ่งที่ตัวเองมี**: การรู้จักขอบคุณสิ่งที่ตัวเองมีอยู่จะช่วยลดความอยากได้อยากมี
- **ฝึกความพอเพียง**: ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอดีกับความจำเป็น
- **หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ**: การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมักนำไปสู่ความไม่พอใจและความโลภ
7. **วางแผนการเงินอย่างมีวินัย**
- **จัดสรรเงินส่วนเกินอย่างชัดเจน**: เช่น กำหนดว่าจะใช้เงินส่วนเกินเพื่อการออม การลงทุน และการให้
- **ติดตามการใช้เงิน**: เพื่อให้รู้ว่าตัวเองใช้เงินไปในทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือไม่
- **สร้างกฎเกณฑ์ให้ตัวเอง**: เช่น ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยเกินจำนวนที่กำหนด
8. **มองภาพใหญ่และผลกระทบในระยะยาว**
- **คิดถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม**: การใช้เงินอย่างมีความหมายจะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป
- **นึกถึงความสุขที่ยั่งยืน**: ความสุขจากการช่วยเหลือผู้อื่นและการสร้างการเปลี่ยนแปลงมักยั่งยืนกว่าความสุขจากการซื้อของฟุ่มเฟือย
9. **เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ และค่อย ๆ พัฒนา**
- **ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองในชั่วข้ามคืน**: เริ่มจากขั้นตอนเล็ก ๆ เช่น บริจาคเงินเล็กน้อยหรือลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
- **เฉลิมฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ**: เพื่อสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจในการทำต่อไป
- **ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง**: ค่อย ๆ พัฒนานิสัยและพฤติกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
10. **ฝึกคิดถึงผู้อื่นและสังคม**
- **คิดถึงคนที่ด้อยโอกาส**: การนึกถึงคนที่ลำบากกว่าจะช่วยลดความเห็นแก่ตัวและเพิ่มความเห็นอกเห็นใจ
- **ถามตัวเองว่า "เงินนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร"**: เช่น การช่วยเหลือผู้อื่นหรือการลงทุนในโครงการเพื่อสังคม
- **สร้างความเชื่อมโยงกับสังคม**: การรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจะช่วยให้คุณอยากช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น
### สรุป
การไม่โลภและไม่เห็นแก่ตัวนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและความตั้งใจอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ฝึกสติ และสร้างนิสัยการให้ การศึกษาข้อมูลและสร้างระบบสนับสนุนก็ช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจและความมั่นใจในการดำเนินตามแนวทางที่สร้างผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นำไปสู่ผลกระทบใหญ่ในระยะยาว และการให้ไม่เพียงแต่ช่วยผู้อื่น แต่ยังเติมเต็มชีวิตของคุณด้วยความสุขและความหมายที่ยั่งยืน
วิจารณ์ พานิช
๙ มี.ค. ๖๘