GotoKnow

ชีวิตที่พอเพียง  4948. ทำไมเราจึงไม่มีปัญญา

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2568 16:48 น. ()

 

หนังสือธรรมะใกล้มือ ของหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ   ชุด ไตรสิกขา” เรื่อง ทำไมเราจึงไม่มีปัญญา ถอดเทปจากคำสอนอบรมภิกษุนิสิตแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๑๘  โดยท่านพุทธทาส   

ท่านพุทธทาสบอกว่า ปัญญา เป็นคำที่กำกวม    คำที่แม่นยำคือ ฉลาดเฉลียว ที่ส่อความหมายว่า ปัญญากับสติเป็นคุณสมบัติที่อยู่ด้วยกัน จึงจะเป็นคุณ     

ซึ่งหมายความว่า คนเรามีปัญญาเท่านั้นไม่พอสำหรับชีวิตที่ดี   เราเห็นตัวอย่างคนฉลาดที่ชีวิตอับเฉา เพราะไม่มีสติสัมปชัญญะที่มั่นคง    ถูกชักจูงโดยสิ่งเร้าหรือยั่วยวนได้ง่าย    รวมทั้งคนฉลาดที่โกงบ้านโกงเมืองตบตาคนอยู่ในเวลานี้    คือดูเหมือนมีชีวิตที่รุ่งโรจน์  แต่ประวัติศาสตร์จะจารึกความชั่วของเขา   

เป็นหนังสือธรรมะเล่มน้อยที่ผมอ่านสนุกที่สุดเล่มหนึ่ง    ท่านพุทธทาสบอกว่า ปัญญามีหลายชนิด หลายระบบ    มีทั้งปัญญาอันถูกต้อง และปัญญาที่ไม่ถูกต้อง   โดยที่ปัญญาอันถูกต้องช่วยนำสู่การพ้นทุกข์   หรือการมีสุขภาวะ ที่ผมขอเพิ่มเติมว่า ทั้งของตนเอง ของผู้อื่น ของสังคมหรือชุมชน และของโลก   

ย้ำการขยายความของผมว่า การมีเป้าหมายการพ้นทุกข์เฉพาะของตนเอง ยังไม่เป็นปัญญาที่ถูกต้อง    ต้องมีเป้าหมายทำเพื่อส่วนรวมด้วย จึงจะถูกต้อง   เพราะสุขภาวะเป็นเรื่องเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน   

ผมสังเกตว่า คนทั่วไปมักมองการมีปัญญาแบบหยุดนิ่งตายตัว   แต่ผมมองแบบเคลื่อนไหว ในลักษณะ transformative learning   คือมองปัญญาผูกอยู่กับการเรียนรู้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด   และต้องเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการปฏิบัติแล้วสะท้อนคิดร่วมกัน   จึงจะนำสู่ปัญญาแท้   

ปัญญาสำคัญคือปัญญารู้เท่าทัน ต่อสิ่งหลอกลวงทั้งปวง   ทั้งที่เราหลอกตัวเราเอง คนอื่นหลอกเรา  สังคมหลอกเรา  และโลกหลอกเรา    โดยที่เขาอาจไม่ได้ตั้งใจหลอก แต่สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นสิ่งที่ซับซ้อน กำกวม ไม่ชัดเจน    เราหลงไปคิดตีความให้โดนหลอกเอง โดยที่เราก็ไม่รู้ตัว   ที่ท่านพุทธทาสเรียกว่า ความหลง” ที่ในที่สุดนำสู่ทุกขภาวะ   ไม่ใช่นำสู่สุขภาวะ

ผมตีความต่อว่า เจ้า ความหลง” นี้ มันล่อหลอก   คือมันนำสู่ความสุขชั่วแล่น   ตามด้วยความทุกข์ระยะยาว   การฝึกปัญญารู้เท่าทันจึงเป็นการฝึกให้มีเป้าหมายระยะยาวในชีวิต    มีสติอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  ที่ทางวิชาการเรียกว่ามี EF – Executive Functions ชนิดบังคับใจตนเอง delayed gratification    

คนไทยเรามักยกย่องคน หัวไว” คือตอบคำถามได้ว่องไว   แต่การฝักใฝ่เรื่องหลักการศึกษาหรือการเรียนรู้มาราวๆ ๒๐ ปี สอนผมว่า    ปัญญาอย่างหนึ่งของคนเราคือรู้จักแยกแยะ ว่าเมื่อไรจะใช้ความหัวไวปฏิภาณดี  เมื่อไรจะใช้ความสุขุมรอบคอบ  คือคิดช้าๆ ไตร่ตรองให้ดีๆ   ตั้งคำถามหลายๆ แบบเพื่อใคร่ครวญไตร่ตรองอย่างรอบคอบ 

ปัญญาในแง่มุมหนึ่งจึงอยู่ที่การมีทักษะตั้งคำถาม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งคำถามต่อตนเอง   

ตามในหนังสือ ท่านพุทธทาสสอนพระนวกะ ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี ๒๕๑๘ ว่า    แนวปฏิบัติในการทำให้เกิดปัญญามี ๔ ข้อคือ

  1. อาศัยความไม่ประมาท
  2. มีสติ ปัญญา และปฏิภาณ
  3. เสริมต่อจากโลกิยปัญญา สู่โลกุตรปัญญา
  4. อย่าหลงใหลเป็นเหยื่อของโลก   

ผมติดใจเรื่องความไม่ประมาท    ที่ผมตีความต่อว่า ความประมาททำให้เราหลงทำตัวเป็น น้ำเต็มแก้ว” ไม่มุ่งเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิต    ที่ต้องมีทักษะ เรียนรู้ ขั้นสูง จากประสบการณ์   ที่ทักษะสำคัญอย่างหนึ่งคือ เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง” 

วิจารณ์ พานิช

๒๔ ก.พ. ๖๘ 

ห้อง ๘๐๓  โรงแรมแกรนด์ฟอร์จูน   นครศรีธรรมราช

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย