ไต้หวันในฤดูหนาว (6) เป่ยโถว บ่อน้ำพุร้อนแห่งไทเป
ไต้หวันนอกจากจะมีเทือกเขาที่สวยงามและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นแหล่งแช่น้ำพุร้อนอีกด้วย ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถานที่แช่น้ำพุร้อนมากที่สุดในโลก โปรแกรมท่องเที่ยวไต้หวันจึงขาดการแช่น้ำพุร้อนไม่ได้เลย
บ่อน้ำร้อนเป่ยโถว หรือ Beitou Hot Spring เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินทางมาพักผ่อน เพราะมีบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่มือและเท้าฟรีกระจายอยู่หลายจุด รวมถึงมีโรงแรมหลายแห่งในบริเวณนี้ที่ให้บริการแช่น้ำร้อนหรือออนเซ็น นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ออนเซ็น ห้องสมุดสาธารณะ และThermal Valley หรือบ่อน้ำร้อนผุดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันอีกด้วย
ก่อนเป่ยโถวจะได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน ไอน้ำร้อนที่พวยพุ่งไปทั่วบริเวณรวมทั้งกลิ่นกำมะถันคละคลุ้งกลายเป็นองค์ประกอบของความลึกลับ เป็นเหตุให้ชนพื้นเมืองตั้งชื่อเรียกพื้นที่แถบนี้ว่า "Patauw" มีความหมายว่า ถิ่นอาศัยของเหล่าแม่มด (home of the witch) แม้แต่ชาวดัตช์และชาวสเปนที่ล่องเรือมาถึงในยุคแห่งการสำรวจ (Age of Discovery) ยังมีการบันทึกถึงกลิ่นเหม็นที่เชื่อกันว่าทำให้เกิดโรคได้ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อชาวญี่ปุ่นนำวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นเข้ามาเผยแพร่ จึงก่อเกิดเป็นโครงข่ายธุรกิจบ้านพักตากอากาศที่เพียบพร้อมไปด้วยวัฒนธรรมด้านอาหาร ศิลปะและดนตรี
บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่คนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการแช่น้ำร้อนจะพลาดไม่ได้ ทั้งนี้ด้วยความเชื่อว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคผิวหนัง ภูมิแพ้ทางระบบประสาท อาการ หอบหืด และโรคปวดข้อ ตาน้ำของบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวคือบ่อน้ำพุร้อนต้าหวงจุ่ย สภาพน้ำพุเป็นน้ำพุร้อนซัลเฟตที่ค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง Ph 3-4 ลักษณะน้ำมีสีเหลืองอ่อนมีความขุ่นเล็กน้อย อุณหภูมิอยู่ระหว่าง50 - 90 องศาเซลเซียส บางครั้งมีกลิ่นกำมะถัน ปัจจุบันเป่ยโถวมีโรงแรมให้บรืการแก่นักท่องเที่ยวประมาณ 44 แห่ง
ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Spring Museum)
สร้างขึ้นในปี 1913 ด้วยสไตล์วิคตอเรีย และการผสมผสานกันระหว่างยุโรปกับโรมัน ตัวอาคารชั้นแรกสร้างขึ้นจากอิฐสีแดง ชั้นที่ 2 สร้างด้วยไม้กระดาน ตกแต่งด้วยกระจกโมเสก มีขนาดใหญ่ประมาณ 2,300 ตารางเมตร ในช่วงที่ไต้หวันอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นสำหรับเป็นห้องอาบน้ำสาธารณะ ถือว่าเป็นห้องอาบน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก
หลังจากมีการส่งมอบการปกครองจากประเทศญี่ปุ่นไปสู่ประเทศในชื่อ "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ในปี 1945 สถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้งานเป็นสถานที่ต่างๆ ทำให้ขาดการบำรุงรักษาที่ดี จนกระทั่งปี 1995 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศให้บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ระดับ 3 มีการบูรณะฟื้นฟูตัวอาคารที่เป็นห้องอาบน้ำ และในเดือนมีนาคม 1998 มีการประกาศให้อาคารแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว
ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวันนั้น ญี่ปุ่นได้สร้างโรงพยาบาลทหารในเป่ยโถว ซึ่งเป็นหมู่บ้านครอบครัวแพทย์ทหารที่มีห้องอาบน้ำพุร้อนสาธารณะ ประมาณปี1960 หมู่บ้านแห่งนี้ได้นับการตั้งชื่อว่า Central New Village ได้รับการจดทะเบียนเป็นหมู่บ้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม และกลายเป็น 1ใน 13 เขตอนุรักษ์หมู่บ้านที่พึ่งพาอาศัยทางการทหารในไต้หวัน และเป็นหนึ่งในหมู่บ้านพึ่งพาการทหารเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทเป
ขอขอบคุณ
ไม่มีความเห็น