กุหกชาดก


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มักหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้

กุหกชาดก 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๙. กุหกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๘๙)

ว่าด้วยดาบสโกหก

             (พระโพธิสัตว์ติเตียนดาบสโกหกว่า)

             [๘๙] ถ้อยคำของท่านช่างไพเราะอ่อนหวานเสียนี่กระไร ท่านรังเกียจกระทั่งหญ้าเส้นเดียว แต่เมื่อขโมยทองคำไปตั้ง ๑๐๐ แท่ง กลับไม่รังเกียจเลย

กุหกชาดกที่ ๙ จบ

--------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

กุหกชาดก

ว่าด้วย พูดดีได้เงินได้ทอง

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มักหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               เรื่องการหลอกลวงจักปรากฏแจ้งใน อุททาลกชาดก.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี ชฎิลโกงผู้หนึ่งเป็นดาบสหลอกลวง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง. กุฎุมพีคนหนึ่งช่วยสร้างศาลาในป่าให้ดาบสนั้น ให้ดาบสอยู่ในบรรณศาลา ปรนนิบัติด้วยอาหารอันประณีต ในเรือนของตน
               เขาเชื่อดาบสโกงนั้นว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้มีศีล นำเอาทองพันแท่งไปยังศาลาของดาบส ฝังไว้ในแผ่นดิน เพราะกลัวโจร กล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าพึงดูแลทองนี้ด้วย.
               ครั้งนั้น ดาบสกล่าวกะเขาว่า คุณ! การพูดแบบนี้แก่พวกที่ได้นามว่าบรรพชิต ไม่สมควรเลย ขึ้นชื่อว่าความโลภในสิ่งของของผู้อื่น ของพวกเราไม่มีเลย.
               เขากล่าวว่า ดีละ พระคุณเจ้าผู้เจริญ เชื่อถ้อยคำของดาบส แล้วหลีกไป.
               ดาบสชั่วคิดว่า เราอาจเลี้ยงชีพด้วยทรัพย์มีประมาณเท่านี้ได้ ล่วงไปได้สอง-สามวัน ก็ยักเอาทองนั้นไปไว้ ณ ที่หนึ่งระหว่างทาง ย้อนมาเข้าไปยังบรรณศาลา พอวันรุ่งขึ้นทำภัตกิจในเรือนของกุฎุมพีแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า
               ผู้มีอายุ พวกเราอาศัยท่านอยู่นานแล้ว ความพัวพันกันกับพวกมนุษย์ย่อมมี ก็ธรรมดาว่า ความพัวพันเป็นมลทินของบรรพชิต เพราะฉะนั้น อาตมาจะขอลาไป.
               แม้กุฏุมพีจะอ้อนวอนแล้วๆ เล่าๆ ก็ไม่ปรารถนาจะกลับ
               ครั้งนั้น กุฎุมพีจึงกล่าวกะดาบสว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็นิมนต์ไปเถิด พระคุณเจ้าข้า ดังนี้แล้ว ตามไปส่งจนถึงประตูบ้านแล้วจึงกลับ
               ดาบสเดินไปได้หน่อยหนึ่งคิดว่า เราควรจะลวงกุฎุมพีนี้ ก็เอาหญ้าวางไว้ระหว่างชฎา ย้อนกลับไป.
               กุฏุมพีถามว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้ากลับมาทำไม ขอรับ?
               ตอบว่า ผู้มีอายุ หญ้าเส้นหนึ่งเกี่ยวชฎาของฉันไปจากชายคาเรือนของพวกท่าน ขึ้นชื่อว่าอทินนาทาน ไม่สมควรแก่บรรพชิต อาตมาจึงรีบนำมันกลับมา
               กุฎุมพีกล่าวว่า จงทิ้งมันเสีย แล้วนิมนต์ไปเถิดครับ เลื่อมใสว่า
                         พระดาบสไม่ถือเอาสิ่งของๆ ผู้อื่น ซึ่งแม้เพียงเส้นหญ้า
                         โอ พระคุณเจ้าของเรา เคร่งครัดจริง
               ดังนี้กราบแล้ว ส่งพระดาบสไป.
               ก็ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ไปยังชนบทชายแดนเพื่อต้องการสิ่งของ อาศัยพักแรมในบ้านกุฎุมพี ท่านฟังคำของดาบสแล้วคิดว่า ดาบสร้ายผู้นี้จักต้องถือเอาอะไรๆ ของกุฎุมพีนี้ไปเป็นแน่ จึงถามกุฎุมพีว่า
               ดูก่อนสหาย ท่านได้ฝากฝังอะไรๆ ไว้ในสำนักของดาบสนั้น มีหรือไม่?
               กุฎุมพีตอบว่า มีอยู่สหาย เราฝากฝังทองไว้ ๑๐๐ แท่ง.
               พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านจงรีบไปตรวจตราดูทองนั้นเถิด.
               เขาไปบรรณศาลาไม่เห็นทองนั้น รีบกลับมาบอกว่า ทองไม่มี สหาย.
               พระโพธิสัตว์บอกว่า ทองของท่านผู้อื่นไม่ได้เอาไปดอก ดาบสร้ายนั้นคนเดียวเอาไป มาเถิด เรามาช่วยกันติดตามจับดาบสนั้น แล้วรีบตามไป จับดาบสโกงได้ ทุบบ้าง เตะบ้าง ให้นำเอาทองมาคืน แล้วจับไว้.
               พระโพธิสัตว์เห็นทองแล้วกล่าวว่า ดาบส นี่ขโมยทอง ๑๐๐ แท่งยังไม่ข้องใจ ไพล่มาข้องใจในเรื่องเพียงเส้นหญ้า
               เมื่อจะติเตียนดาบสนั้น กล่าวคาถานี้ ความว่า :-
                         "น้อยหรือถ้อยคำของเจ้า ช่างสละสลวย พูดจาน่านับถือจริงๆ เจ้าข้องใจในวัตถุเพียงเส้นหญ้า แต่เมื่อขโมยทองร้อยแท่งไป ไม่ข้องใจเลยนะ" ดังนี้.
               พระโพธิสัตว์ ครั้นติเตียนดาบสนั้นด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็ให้โอวาทแก่ดาบสว่า ดูก่อนชฎิลโกง ท่านอย่าได้ทำกรรมเห็นปานนี้ต่อไปอีก ดังนี้แล้วก็ไปตามยถากรรม.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงตรัสว่า
               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุนี้เป็นผู้หลอกลวง แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้หลอกลวงแล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
               ดาบสโกงในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุหลอกลวง ในครั้งนี้
               ส่วนบุรุษผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

               -----------------------------------------------------        

 

หมายเลขบันทึก: 716913เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2023 05:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม 2023 05:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท