ชีวิตที่พอเพียง  4536. ทำงานเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา  ๒๐๘. ความยั่งยืนต่อเนื่องของโรงเรียนพัฒนาตนเอง 


 

เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “โรงเรียนพัฒนาตนเอง : การจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ของชีวิต เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ” วันที่ 1 - 2 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องประชุม Magnolia โรงแรมทีเค. พาเลซ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ     เช้าวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ผมเข้าฟังการเสวนา เรื่อง ความยั่งยืนต่อเนื่องของโรงเรียนพัฒนาตนเองผ่านระบบการศึกษา ที่บ้าน ผ่าน FB Live 

ฟังแล้วผมตีความว่า ผู้บริหารระดับสูงที่มาร่วมเสวนา มาพูดโดยไม่รู้จริง ว่า โรงเรียนพัฒนาตนเองเกิดขึ้นได้อย่างไร   มีปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่ช่วยหนุนเสริม   ที่ต้นสังกัดจะเรียนรู้และหาทางหนุนเสริมด้วยปัจจัยเหล่านั้น    ท่านมาพูดจาก กระบวนทัศน์ และหลักการบริหารแบบเดิมของต้นสังกัด   ไม่ได้มาเรียนรู้เรื่องโรงเรียนพัฒนาตนเอง    ไม่มีความเข้าใจว่าสภาพความสำเร็จที่เห็นในปัจจุบันเป็นฝีมือของการเรียนรู้และพัฒนาของครูและโรงเรียนในสังกัดของตนเองอย่างไร    จึงไม่เข้าใจว่า หากจะให้โรงเรียนเหล่านี้พัฒนาได้ต่อเนื่องและขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆ     หน่วยเหนือต้องหนุนเสริมอย่างไร        

ไม่ทราบว่ารุนแรงเกินไปไหม หากผมจะสรุปว่า ในระบบนิเวศการบริหารการศึกษาไทย    ผู้บริหารในระบบการศึกษาไม่สนใจการเรียนรู้จากการทำงาน หรือสนใจน้อยมาก   มองการบริหารระบบ (การศึกษา) เป็นสิ่งที่หยุดนิ่งตายตัว ตามรูปแบบที่กำหนดจากเบื้องบน        

ข้อตีความในสองย่อหน้าบน (ซึ่งอาจตีความผิด) ทำให้ผมคิดต่อว่า   กสศ. น่าจะสรุปข้อค้นพบหรือข้อเรียนรู้จากโครงการ TSQP ที่ทำร่วมกับ สพฐ. ให้ชัดเจนเข้าใจง่าย  เอาข้อสรุปไปนำเสนอใน กพฐ.  เพื่อให้เป็นที่เข้าใจร่วมกันว่า โรงเรียนพัฒนาตนเองเป็นอย่างไร มีคุณค่าอย่างไร เกิดขึ้นได้จากปัจจัยสนับสนุนอย่างไร   หากจะให้พัฒนาต่อเนื่องยั่งยืนต้นสังกัดต้องหนุนเสริมอย่างไร   

แต่แม้ไปเสนอใน กพฐ. แล้ว ผมก็ไม่มั่นใจว่าต้นสังกัดจะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริหารของตน (เพราะเป็นระบบที่ไม่เรียนรู้ ไม่มีกลไกรับผิดรับชอบ)   ดังนั้น จึงต้องหวังพึ่งปัจจัยภายนอก เพื่อหนุนเสริมให้โรงเรียนพัฒนาตนเองได้ต่อเนื่องยั่งยืน    ซึ่งก็คือกลไกหนุนให้ครูและโรงเรียนมีระบบเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติ    โดยใช้เครื่องมือที่ กสศ. ใช้ชื่อขึ้นต้นด้วย Q ทั้งหลาย   และเครื่องมือสำคัญที่สุด ๒ ตัวคือเครื่องมือหนุนการเรียนรู้  คือ DE กับ Online PLC 

จึงขอเสนอให้ กสศ. วางระบบหนุนเสริมความต่อเนื่องยั่งยืนของ TSQM    โดยเน้นเครื่องมือ ๓ ชิ้นคือ DE, Online PLC  และ มหกรรมการศึกษาคุณภาพสูง : โรงเรียนและครูเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง    หากจะมีเครื่องมือชิ้นที่สี่ ผมเสนอให้ประโคมสื่อสังคม ด้วยตัวอย่างผลลัพธ์การเรียนรู้ที่น่าประทับใจของนักเรียนทีละโรงเรียน   ทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์   ชี้ให้เห็นว่า ในโรงเรียนนั้น นักเรียนเรียนรู้ต่างจากวิธีการเดิมๆ อย่างไร   โดยครูและผู้บริหารร่วมกันเรียนรู้หาทางหนุนนักเรียนอย่างไร    หากมี ศน., เขตพื้นที่, ผู้ปกครอง และกลไกในพื้นที่ร่วมหนุน ยิ่งดี 

ขอชื่นชมคุณสมศักดิ์ พะเนียงทอง (นักธุรกิจจากระยอง) ว่าเป็นวิทยากรที่พูดเข้าเป้าที่สุด    เสนอว่าจะให้เกิดความยั่งยืนและต่อเนื่อง ต้องสร้างปัจจัยของความต่อเนื่องขึ้นในพื้นที่ (เพราะกลไกราชการไม่มีความต่อเนื่อง)   โดยท่านเสนอ ๓ กลไก คือ (๑) area manager (ท่านบอกว่า  ท่านเป็น area manager ของระยอง)  (๒) องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น   และ (๓) การกระจายอำนาจ    โดยจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ อาศัยกลไกพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 

รวมแล้ว ในการเข้าฟังการเสวนาครึ่งวันในครั้งนี้   ผมสะท้อนคิดสรุปกลไกหนุนความยั่งยืนต่อเนื่องของ TSQM  ได้ ๗ กลไก   โดย ๔ กลไกแรกอาศัยพลังของทุนปัญญา และทุนสังคม ที่โครงการ TSQP สร้างขึ้น

วิจารณ์ พานิช 

๒ ก.ค. ๖๖    

  

หมายเลขบันทึก: 714100เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2023 18:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม 2023 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท